During World War I, the company was

During World War I, the company was confiscated from its German parent company and established as an independent American business and fell under the hands of George Merck [12]. With the World Wars came the need for higher research and drug development. George Merck lead the way in America’s germ-warfare research and established Merck’s first research laboratories in New Jersey during the fall of 1933 [12]. To keep up with the growth of the company, Merck merged with Powers-Weightman-Rosengarten and adopted the name Merck & Company, Incorporated [17]. During the Second World War, Merck persevered to develop a series of important discoveries that benefited those at the war- and home-front. Streptomycin and cortisone were mass produced for the first time ever, by Merck & Company during the 1940’s, and in 1953, Merck & Company made one of its biggest advancements, by merging with Philadelphia-based Sharp & Dohme. Soon following, in the 1960’s, Dr. Maurice Hilleman developed the first measles and mumps vaccines and Merck introduced them to the market [17]. These developments during the mid-20th century became ground-breaking events in medical history.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในโลกที่ฉันสงคราม บริษัท ได้ยึดมาจาก บริษัท แม่ของเยอรมันและเป็นที่ยอมรับในฐานะที่เป็นธุรกิจอเมริกันที่เป็นอิสระและตกอยู่ภายใต้มือของจอร์จเมอร์ [12] ด้วยสงครามโลกครั้งที่มาที่จำเป็นสำหรับการวิจัยที่สูงขึ้นและการพัฒนายาจอร์จเมอร์คนำไปสู่​​วิธีการในการวิจัยเชื้อโรคสงครามอเมริกาและห้องปฏิบัติการวิจัยครั้งแรกของเมอร์คที่จัดตั้งขึ้นในเสื้อใหม่ในช่วงฤดู​​ใบไม้ร่วงปี 1933 [12] เพื่อให้ทันกับการเจริญเติบโตของ บริษัท เมอร์ครวมกับอำนาจเวท-Rosengarten และนำชื่อ บริษัท เมอร์ค& บริษัท [17] ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองเมอร์คพยายามที่จะพัฒนาชุดของการค้นพบที่สำคัญที่ได้รับประโยชน์เหล่านั้นในสงครามและบ้านด้านหน้า streptomycin และคอร์ติโซนมีการผลิตมวลเป็นครั้งแรกที่เคยโดย บริษัท เมอร์ค&ในช่วงปี 1940 และในปี 1953 บริษัท เมอร์ค&ทำอย่างใดอย่างหนึ่งของความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตนโดยการผสมกับฟิลาเดลตาม dohme &คม ในเร็ว ๆ นี้ต่อไปในปี 1960 ดร.Merck & Co พัฒนาหัดแรกและวัคซีนคางทูมและเมอร์คนำพวกเขาไปยังตลาด [17] การพัฒนาเหล่านี้ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 กลายเป็นเหตุการณ์วางศิลาฤกษ์ในประวัติทางการแพทย์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในระหว่างสงครามโลก บริษัทถูกยึดมาได้จากบริษัทแม่ที่เยอรมัน และก่อตั้งเป็นธุรกิจอเมริกันเป็นอิสระ และน่ากลัวภายใต้มือของจอร์จเมอร์ค [12] มีสงครามโลกมาต้องพัฒนาวิจัยและยาเสพติดสูง จอร์จเมอร์คนำวิธีวิจัยจมูกสงครามของอเมริกาและก่อตั้งบริษัทเมอร์คแรกวิจัยในนิวเจอร์ซีย์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 1933 [12] เพื่อให้ทันกับการเติบโตของบริษัท บริษัทเมอร์ครวมอำนาจ-Weightman-Rosengarten และนำชื่อเมอร์ค&บริษัท Incorporated [17] ในระหว่างสงครามครั้งสองโลก เมอร์ค persevered พัฒนาชุดของการค้นพบสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สงคราม และบ้านหน้า Streptomycin และ cortisone มวลผลิตครั้งแรกเคย โดยเมอร์ค&บริษัท 1940's และ ในปีค.ศ. 1953 เมอร์ค&บริษัททำหนึ่งก้าวหน้าที่ใหญ่ที่สุด โดยผสานกับฟิลาเดลเฟียโดย&คม Dohme ต่อไปเร็ว ๆ นี้ ใน 1960, Dr มอริ Hilleman พัฒนาราคาค่าวัคซีนหัดและคางทูมแรก และเมอร์คนำพวกเขาไปตลาด [17] พัฒนาเหล่านี้ในช่วงศตวรรษ 20 กลางกลายเป็น พื้นดินแบ่งเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่บริษัทได้ยึดเอาไปจากบริษัทแม่ของเยอรมันและจัดตั้งเป็นธุรกิจอเมริกันเป็นอิสระและล้มลงด้วยน้ำมือของจอร์จ merck [ 12 ] พร้อมด้วยระดับโลกสงครามที่มาถึงความจำเป็นในการพัฒนายาและการวิจัยสูงขึ้นGeorge merck นำทางในการวิจัยของอเมริกาเชื้อโรค - ทำสงครามและจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิจัยแรกของ merck ใน New Jersey ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 1933 [ 12 ] ในการทำให้ได้ด้วยการขยายตัวของบริษัทที่จะนำมารวมกับ merck powers-weightman - rosengarten และนำมาใช้ชื่อ merck &บริษัทจดทะเบียน[ 17 ] ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองmerck เพียรพยายามยืนกรานเพื่อพัฒนาการค้นพบที่สำคัญที่ผู้ที่ได้รับอานิสงส์ในสงครามและบ้าน - หน้าที่ ยาคอ - ทิโซนและยาซทเรพโทะไม - ซินเป็นการผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกที่เคยมีมาโดยบริษัท merck &ในระหว่างปี 1940 ที่"หาดทรายในปี 1953 บริษัท merck &ทำให้เป็นหนึ่งในความก้าวหน้ามากที่สุดโดยการรวมกับ Philadelphia - ใช้มีความคม& dohme อีกไม่นานต่อไปนี้ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ' sthe ดร.Maurice hilleman พัฒนาหัดครั้งแรกและวัคซีนโรคคางทูมและ merck แนะนำให้ไปยังตลาดที่[ 17 ] การพัฒนาเหล่านี้ได้ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ที่กลายเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกในประวัติทางการแพทย์