motorcycles to go around and vaccin

motorcycles to go around and vaccinate flocks of
sheep. Veterinarians from Afghanistan’s Ministry
of Agriculture helped train these para-vets on
what drugs to use to treat sheep with runny noses
and how to administer the vaccinations. Since it
is difficult to find a trained veterinarian in such a
remote location, the people must be self-reliant. 
This is like when the Princess Mother arranged
for the border patrol police in the remote areas
of Thailand to teach children in isolated villages. 
(Afghanistan has since implemented the model
of our project as their national policy.)
“In Aceh, we first tackled malaria by taking
doctors from Aceh for training in Chiang Mai for
several months until they knew how to treat malaria.
They went back to set up their own teams
who travel around to test blood. Before this, many
who contacted malaria in Aceh succumbed to the
disease for lack of treatment. But the infection
rate there has since declined from 2.17 to 0.07
percent, and with no fatalities now. This model
has now spread all over Indonesia.”
Khunying Puangroi added that wherever she
goes to promote the Princess Mother’s model,
she always follows Her Royal Highness’s remarks
upon embarking on the Doi Tung project: “We
don’t have to make it big. We do it small but successfully
so it serves as a model,” and “Nobody
wants to be bad, but they are bad because they
lack opportunity and choice.”  Khunying Puangroi
said, “These words are the guiding principles for
the staff at the Mae Fah Luang Foundation, in that
every time we look at people, we always see their
potential; we will never think they are bad and
that it is impossible to make things better.
“The Mae Fah Luang Foundation has earned
a high reputation internationally. Every year,
many people come for a study visit to the Living
University at Doi Tung, be they politicians,
government officials, students or the general
public. Many countries are interested to invite
the Mae Fah Luang Foundation as their consultant
for anti-drug campaigns. Explaining what is
behind the MFLF’s success, Khunying Puangroi
stressed, “The Princess Mother always said,
‘This is not yet a success; don’t get too carried
away that we are successful’.  We never say we
have finished. The Princess Mother always said,
‘This is just a beginning; we have to continue
working; there is no success’.
“The seven years that Princess Mother spent
at Doi Tung - from the start of the project in 1988
until her passing in 1995 - are testament that she
never did things just for show or window dressing,
to start something and then simply abandon it.
She undertook it with her own hands and she lived
alongside the people throughout the project. Her
vision, that we uphold, is essentially true. Just
take the things she said before - the problems of
sickness, poverty and ignorance; are these still
the issues facing the current generation of Thais? 
“I must say the Princess Mother was a very
progressive Thai woman. She was visionary.
She studied hard and read many books. She
went abroad to fulfill her dream even when she
could not speak a single word of English. The
most important thing was that her husband,
Prince Mahidol, had been her model. The late

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รถจักรยานยนต์ทั่วไป และปลูกฝีของฝูงแกะ สัตวแพทย์จากกระทรวงของอัฟกานิสถานการเกษตรช่วยฝึกพาราสัตวแพทย์เหล่านี้บนสิ่งที่ยาเสพติดเพื่อใช้ในการรักษาแกะ มีน้ำมูกจมูกและวิธีการจัดการฉีดวัคซีน ตั้งแต่มันหาข้อมูลเป็นสัตวแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนในการที่ตั้งระยะไกล ผู้คนต้องพึ่งตนเอง เหมือนเมื่อสมเด็จย่าจัดเป็นสำหรับตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทยที่สอนเด็กในหมู่บ้านหนึ่ง ๆ (อัฟกานิสถานมีตั้งแต่การใช้งานแบบโครงการเป็นนโยบายของชาติ)"ในอาเจะห์ เราแรก tackled มาลาเรีย โดยการแพทย์จากอาเจะห์การฝึกในเชียงใหม่สำหรับหลายเดือนจนกว่าพวกเขารู้วิธีการรักษาโรคมาลาเรียพวกเขาก็กลับไปตั้งค่าทีมงานของตนเองผู้เดินทางรอบการทดสอบเลือด ก่อนนี้ที่ติดต่อมาลาเรียในอะเจห์ยอมจำนนต่อการโรคขาดการรักษา แต่การติดเชื้อราคามีตั้งแต่ปฏิเสธจาก 2.17-0.07เปอร์เซ็นต์ และ มีไม่เสียชีวิตทันที รุ่นนี้ได้แพร่กระจายทั่วอินโดนีเซีย"คุณหญิงพวงเพิ่มที่ทุกที่เธอไปส่งเสริมรุ่นสมเด็จย่าเธอไปเธอสมเด็จของเหตุเมื่อเริ่มดำเนินการในโครงการดอยตุง: "เราไม่ต้องทำให้มันใหญ่ขึ้น เราทำมันสำเร็จ แต่เล็กเพื่อให้มันทำหน้าที่เป็นแบบจำลอง และ "ไม่มีใครอยากไม่ดี แต่พวกเขาจะไม่ดีเนื่องจากพวกเขาขาดโอกาสและทางเลือก" คุณหญิงพวงกล่าวว่า "คำเหล่านี้เป็นหลักเกณฑ์สำหรับพนักงานมูลนิธิแม่ฟ้า ในที่ทุกครั้งที่เรามองไปที่คน เรามักจะเห็นของพวกเขาศักยภาพ เราไม่เคยจะคิดว่า พวกเขาจะไม่ดี และไม่ว่ามันจะทำให้สิ่งที่ดี"มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้รับชื่อเสียงสูงในระดับสากล ทุกปีหลายคนมาศึกษาดูงานการใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยที่ดอยตุง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองข้าราชการ นักเรียน หรือทั่วไปสาธารณะ หลายประเทศมีความสนใจเชิญมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงเป็นที่ปรึกษาของพวกเขาสำหรับแคมเปญต่อต้านยาเสพติด อธิบายคือเบื้องหลังความสำเร็จของผลงาน คุณหญิงพวงเครียด "สมเด็จย่าเสมอกล่าว' นี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้ไปดำเนินการเก็บว่า เราประสบความสำเร็จ ' เราไม่เคยบอกเราได้เสร็จสิ้น สมเด็จย่าเสมอกล่าว' นี้เป็นเพียงเริ่มต้น เราต้องดำเนินการต่อไปการทำงาน ความสำเร็จไม่ได้"เจ็ดปีที่สมเด็จย่าใช้ที่ดอยตุง - ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการในปี 1988จนกระทั่งเธอผ่านใน 1995 - มีพันธสัญญาที่เธอเคยใช้สิ่งสำหรับแสดงหรือแต่งตัวหน้าต่างการเริ่มต้นบางสิ่งบางอย่างแล้ว ก็ละทิ้งมันเธอ undertook ด้วยมือของเธอเอง และเธออาศัยอยู่ควบคู่ไปกับผู้คนทั่วทั้งโครงการ ของเธอวิสัยทัศน์ ที่เกียรติภูมิ เป็นจริงเป็นหลัก เพียงแค่ใช้สิ่งที่เธอกล่าวก่อน - ปัญหาของเจ็บป่วย ความยากจน และความไม่ รู้ เหล่านี้ยังคงมีปัญหาที่เผชิญกับรุ่นปัจจุบันของคนไทย "ต้องบอกว่า เป็นแม่หญิงมากผู้หญิงไทยก้าวหน้า เธอมีวิสัยทัศน์เธอเรียนหนัก และอ่านหนังสือหลายเล่ม เธอไปต่างประเทศเพื่อตอบสนองความฝันของเธอแม้เธอไม่พูดคำเดียวของอังกฤษ การสิ่งสำคัญที่สุดคือที่สามีสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ได้รูปของเธอ ปลาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รถจักรยานยนต์ที่จะไปรอบ ๆ และฉีดวัคซีนฝูง
แกะ สัตวแพทย์จากกระทรวงของอัฟกานิสถาน
เกษตรช่วยฝึกพาราสัตวแพทย์เหล่านี้บน
สิ่งที่ยาเสพติดที่จะใช้ในการรักษาแกะที่มีจมูกน้ำมูกไหล
และวิธีการที่จะจัดการกับการฉีดวัคซีน เพราะมัน
เป็นเรื่องยากที่จะหาสัตวแพทย์ผ่านการฝึกอบรมดังกล่าวใน
สถานที่ห่างไกลผู้คนจะต้องพึ่งตนเอง. 
นี้เป็นเหมือนเมื่อสมเด็จพระบรมราชชนนีจัด
ตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ห่างไกล
ของประเทศไทยที่จะสอนเด็กในหมู่บ้านบางแห่ง. 
( อัฟกานิสถานได้ดำเนินการตั้งแต่รูปแบบ
ของโครงการของเราเป็นนโยบายแห่งชาติของพวกเขา.)
"ในอาเจะห์ครั้งแรกที่เราจัดการโรคมาลาเรียโดยการ
แพทย์จากอาเจะห์สำหรับการฝึกอบรมในเชียงใหม่
หลายเดือนจนกว่าพวกเขาจะรู้ว่าวิธีการรักษาโรคมาลาเรีย.
พวกเขาก็กลับไปที่การตั้งค่า ทีมงานของตัวเอง
ที่เดินทางไปรอบ ๆ เพื่อทดสอบเลือด ก่อนหน้านี้หลายคน
ที่เข้ามาติดต่อโรคมาลาเรียในอาเจะห์ยอมจำนนต่อ
โรคขาดของการรักษา แต่การติดเชื้อ
อัตราการมีลดลงตั้งแต่ 2.17-0.07
เปอร์เซ็นต์และมีผู้เสียชีวิตในขณะนี้ไม่มี รุ่นนี้
มีการแพร่กระจายในขณะนี้ทั่วประเทศอินโดนีเซีย. "
คุณหญิงพวงร้อยเสริมว่าที่ใดก็ตามที่เธอ
ไปเพื่อส่งเสริมรูปแบบการปริ๊นเซแม่ของ
เธอมักจะเป็นไปตามคำพูดของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ
เมื่อเริ่มดำเนินการในโครงการดอยตุง" เรา
ไม่จำเป็นต้องทำให้มันใหญ่ เราทำมันมีขนาดเล็ก แต่ประสบความสำเร็จ
ดังนั้นจึงทำหน้าที่เป็นรูปแบบ "และ" ไม่มีใคร
อยากจะเป็นดี แต่พวกเขาจะไม่ดีเพราะพวกเขา
ขาดโอกาสและทางเลือก. "คุณหญิงพวงร้อย
กล่าวว่า" คำพูดเหล่านี้เป็นหลักการสำหรับ
พนักงานที่ได้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในการที่
เวลาที่เรามองคนทุกคนเรามักจะเห็นพวกเขา
มีศักยภาพ เราจะไม่คิดว่าพวกเขาจะไม่ดีและ
ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้สิ่งที่ดีกว่า.
"มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้รับ
ชื่อเสียงสูงในระดับสากล ทุกปี
หลาย ๆ คนมาศึกษาดูงานเพื่อชีวิต
มหาวิทยาลัยที่ดอยตุงไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง
ข้าราชการหรือนักเรียนทั่วไป
สาธารณะ หลายประเทศมีความสนใจที่จะเชิญ
มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงเป็นที่ปรึกษาของพวกเขา
สำหรับแคมเปญต่อต้านยาเสพติด อธิบายสิ่งที่อยู่
เบื้องหลังความสำเร็จของ MFLF คุณหญิงพวงร้อย
เครียด "สมเด็จย่าเสมอว่า
'นี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ; ไม่ได้ดำเนินการมากเกินไป
ออกไปว่าเราจะประสบความสำเร็จ ' เราไม่เคยบอกว่าเรา
ได้เสร็จสิ้น สมเด็จย่าเสมอว่า
'นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น; เราต้องดำเนินการต่อ
การทำงาน; ไม่มีความสำเร็จ '.
"เจ็ดปีที่สมเด็จย่าใช้เวลา
ที่ดอยตุง - จากจุดเริ่มต้นของโครงการในปี 1988
จนเธอผ่านในปี 1995 - เป็นพินัยกรรมว่าเธอ
ไม่เคยทำสิ่งที่เพียงการแสดงหรือการแต่งกายหน้าต่าง
ที่จะเริ่มต้นอะไรและ แล้วก็ทิ้งมันไป.
เธอมารับมันด้วยมือของเธอเองและเธออยู่
เคียงข้างประชาชนตลอดโครงการ เธอ
มองเห็นว่าเรารักษาความเป็นจริงเป็นหลัก เพียงแค่
ใช้สิ่งที่เธอกล่าวก่อน - ปัญหาการ
เจ็บป่วยความยากจนและความไม่รู้; เหล่านี้ยังคงเป็น
ปัญหาที่ต้องเผชิญกับรุ่นปัจจุบันของคนไทย? 
"ผมต้องบอกว่าเจ้าหญิงแม่เป็นมาก
ผู้หญิงไทยมีความก้าวหน้า เธอเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์.
เธอเรียนหนักและอ่านหนังสือหลายเล่ม เธอ
เดินทางไปต่างประเทศเพื่อตอบสนองความฝันของเธอแม้แต่ตอนที่เธอ
ไม่สามารถพูดคำเดียวภาษาอังกฤษ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่สามีของเธอ
สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลได้รับรูปแบบของเธอ สาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รถจักรยานยนต์ เพื่อไปฉีดวัคซีนฝูงแกะ สัตวแพทย์จากกระทรวงของอัฟกานิสถานเกษตรช่วยสัตวแพทย์ในรถไฟเหล่านี้ไปยังยาอะไรที่จะใช้เลี้ยงแกะที่น้ำมูกไหลและวิธีการบริหารการปลูกฝี ตั้งแต่เป็นเรื่องยากที่จะหาสัตวแพทย์ในการฝึกอบรมเช่นสถานที่ห่างไกล ประชาชนต้องพึ่งตนเอง .  นี้เป็นเหมือนตอนที่องค์หญิงแม่ จัดสําหรับตํารวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ที่ห่างไกลไทยสอนเด็กทำไมแยกหมู่บ้าน( อัฟกานิสถานเนื่องจากมีการใช้รูปแบบโครงการของเราเป็นนโยบายแห่งชาติของพวกเขา )" อาเจะห์ เราก่อนด้วยโรคมาลาเรีย โดยการใช้แพทย์จากอาเจะห์ สำหรับการฝึกอบรมในเชียงใหม่สำหรับหลายเดือนจนกว่าพวกเขาจะรู้วิธีการรักษามาลาเรียพวกเขากลับไปตั้งทีมของตนเองที่เดินทางไปทดสอบเลือด ก่อนนี้ , หลายที่ติดต่อจากอาเจะห์ยอมจำนนต่อโรคที่ไม่มีการรักษา แต่การติดเชื้อคะแนนมีตั้งแต่ 2.17 การลดลงจาก 0.07เปอร์เซ็นต์ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว รุ่นนี้ขณะนี้มีกระจายไปทั่วอินโดนีเซีย ”คุณหญิง puangroi ทุกที่ที่เธอกล่าวว่าไปส่งเสริมรูปแบบเจ้าหญิงของแม่หล่อนตามหมายเหตุ องค์ของเมื่อ embarking บนดอยตุง โครงการ " เราไม่ต้องทำให้มันใหญ่ เราทำมันน้อย แต่ประสบความสำเร็จดังนั้น มัน เป็น แบบ " และ " ไม่มีใครอยากไปจะแย่ แต่ก็ไม่ดีเพราะพวกเขาขาดโอกาสและทางเลือก . " ทำไมคุณหญิง puangroiกล่าวว่า " คำเหล่านี้เป็นหลักการสำหรับเจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ในที่ทุกครั้งที่เราดูที่คนเรามักจะเห็นพวกเขาที่อาจเกิดขึ้น เราไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะไม่ดีมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น" มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ได้รับชื่อเสียงในระดับสากล ทุกๆ ปีหลายๆ คน มาศึกษาดูงานเพื่อมีชีวิตมหาวิทยาลัยที่ดอยตุง เป็นพวกนักการเมืองข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา หรือทั่วไปสาธารณะ หลายประเทศสนใจที่จะเชิญมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เป็นที่ปรึกษาของพวกเขาเพื่อรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด อธิบายสิ่งที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของ mflf คุณหญิง puangroi ,เน้น " เจ้าหญิง แม่บอกเสมอว่า" นี่ยังไม่ประสบความสำเร็จ อย่าได้ใจไปที่เราจะประสบความสำเร็จอะไรเราไม่เคยบอกว่าเรา "ทำเสร็จแล้ว เจ้าหญิง แม่บอกเสมอว่า" นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น เราต้องไปต่อทำงาน ไม่มีความสำเร็จ "" เจ็ดปี ที่องค์หญิงแม่ใช้ที่ดอยตุง - ตั้งแต่เริ่มโครงการในปี พ.ศ. 2531จนเธอผ่านในปี 1995 - คัมภีร์ที่เธอไม่เคยทำเรื่องเพื่อแสดงหน้าต่าง หรือการแต่งกายเริ่มอะไรแล้ว ก็ละทิ้งมันเธอทำมันด้วยสองมือของเธอเอง เธออาศัย อยู่พร้อมกับคนทั้งโครงการ ไหมเธอวิสัยทัศน์ ที่เรายึดถือเป็นหลักจริง ทำไมแค่ใช้สิ่งที่เธอพูดก่อน - ปัญหาความเจ็บป่วย ความยากจน และความไม่รู้ ; เหล่านี้ยังคงปัญหาที่เผชิญหน้ากับรุ่นปัจจุบันของคนไทย  " ต้องบอกว่าแม่เป็นเจ้าหญิงมากก้าวหน้า ไทย ผู้หญิง เธอช่างจินตนาการ .เธอตั้งใจเรียน และอ่านหนังสือมากมาย เธอไปต่างประเทศ เพื่อเติมเต็มความฝันของเธอ เมื่อเธอพูดไม่ได้สักคำไหมในภาษาอังกฤษที่สำคัญที่สุดก็คือ สามีของเธอสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ได้แบบเธอ สาย