หลังจากที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของกรีซที่เป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤต และสหภาพยุโรปอื่นตกต่ำลงใน ค.ศ. 2009 ความวิตกกังวลว่าสถานการณ์จะรุกลามไปยังประเทศอื่นๆทั้งในยุโรปและทั่วโลกก็มีมากขึ้น ดังนั้นหลายฝ่ายได้ยื่นมือเข้ามาช่วยกันวางแนวทางในการแก้ปัญหา เช่น
1. ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2009 นายกรัฐมนตรีกรีซ สัญญาจะลดการขาดดุลงบประมาณลงเหลือร้อยละ 8.7 ของ GDP ภายในปี 2010 โดยใช้มาตรการที่เคร่งครัด เช่น การลดค่าใช้จ่ายด้านประกันสังคมลงร้อยละ 10 และตรึงค่าจ้างในภาครัฐ การปฏิรูประบบภาษีเพื่อให้คนรวยเสียภาษีมากขึ้น รวมทั้งการเลี่ยงภาษี
2. ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 รัฐสภากรีซผ่านร่างรัฐบัญญัติคุ้มครองเศรษฐกิจ โดยใช้มาตรการต่างๆในการลดรายจ่ายของรัฐบาลลง นอกจากนี้ในเดือนเดียวกันได้มีการบรรลุข้อตกลงกู้ยืมระหว่างกรีซ กลุ่มประเทศยูโรโซนอื่น และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ข้อตกลงประกอบด้วยเงินกู้ทันที 45,000 ล้านยูโรที่จะได้รับในปี ค.ศ. 2010 และเงินกู้อื่น ๆ จะได้รับในภายหลัง ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 110,000 ล้านยูโร
3. จัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (European Financial Stability Facility: EFSF) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010 โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องเสถียรภาพการเงินของยุโรปด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศสมาชิก กองทุนประกอบด้วยเงินจากประเทศสมาชิกยูโรโซน 440,000 ล้านยูโร และจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศอีก 220,000 ล้านยูโร โดย EFSF มีสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนและประเทศสมาชิกยูโรโซนเป็นเจ้าของ ตั้งอยู่ที่ลักเซ็มเบิร์ก
4. หลังจากนั้นยังได้มีการให้เงินช่วยเหลือมูลค่า 85,000 ล้านยูโรแก่ไอร์แลนด์ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2010 และ 78,000 ล้านยูโรแก่โปรตุเกสในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2011
5. เดือนตุลาคม ค.ศ. 2011 ผู้นำยูโรโซนประชุมกันในกรุงบรัสเซลส์ ตกลงทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกัน โดยเป็นมาตรการที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการล้มของเศรษฐกิจประเทศสมาชิกจากปัญหาหนี้สาธารณะ รวมทั้งมีข้อเสนอให้ลดมูลค่าทางบัญชีของพันธบัตรกรีซลงร้อยละ 50 เพื่อลดหนี้สินของกรีซ 100,000 ล้านยูโร และให้มีการเพิ่มกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรปเป็น 1 ล้านล้านยูโร รวมทั้งกำหนดให้ธนาคารในยุโรปเพิ่มทุนเพื่อให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น
และสหภาพยุโรปอื่นตกต่ำลงใน ค.ศ. 2009 เช่น1 ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2009 นายกรัฐมนตรีกรีซ 8.7 ของ GDP ภายในปี 2010 โดยใช้มาตรการที่เคร่งครัดเช่น 10 และตรึงค่าจ้างในภาครัฐ รวมทั้งการเลี่ยงภาษี2 ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 กลุ่มประเทศยูโรโซนอื่นและกองทุนการเงินระหว่างประเทศข้อตกลงประกอบด้วยเงินกู้ทันที 45,000 ล้านยูโรที่จะได้รับในปี ค.ศ. 2010 และเงินกู้อื่น ๆ จะได้รับในภายหลังซึ่งคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 110,000 ล้านยูโร3 (สิ่งอำนวยความสะดวกด้านเสถียรภาพการเงินยุโรป: EFSF) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010 440,000 ล้านยูโร 220,000 ล้านยูโรโดย EFSF ตั้งอยู่ที่ลักเซ็มเบิร์ก4 85,000 ค.ศ. 2010 และ 78,000 ล้านยูโรแก่โปรตุเกสในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2011 5 เดือนตุลาคม ค.ศ. 2011 ตกลงทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกัน 50 เพื่อลดหนี้สินของกรีซ 100,000 ล้านยูโร 1 ล้านล้านยูโร
การแปล กรุณารอสักครู่..
