Given that religion is neither a st

Given that religion is neither a static nor a single variable, we
argue that the task for development research is to understand
how religious discourses are embodied in certain social practices,
how social and historical processes have led to that particular
embodiment, and how the religion itself redefines its
discourses, and practices, in the light of changing social, economic,
and political contexts. For example, in Islam the prohibition
on charging riba (generally translated as interest but
closer to usury) originated in seventh century Arabia after people
were forced to borrow money to pay for repairs after natural
disasters. It was considered unjust to charge interest in these
circumstances because it was seen as exploiting people’s misfortunes
(Tripp, 2006, p. 128). Whether riba/interest should be
outlawed is still subject to disagreement within Islam

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระบุว่าศาสนาไม่ใช่คงหรือตัวแปรเดียว เราโต้แย้งว่า งานวิจัยพัฒนาจะเข้าใจวิธีทางศาสนา discourses ได้รวบรวมไว้ในการปฏิบัติบางอย่างทางสังคมวิธีการกระบวนการทางสังคม และประวัติศาสตร์ที่ได้นำไปเฉพาะที่ศูนย์รวม และวิธีการนิยามใหม่ของศาสนาตัวเองของมันdiscourses ปฏิบัติ ไฟการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และและบริบททางการเมือง ตัวอย่าง ในข้อห้ามของศาสนาอิสลามการชาร์จดอกเบี้ย (โดยทั่วไปแปลว่าสนใจ แต่ใกล้ชิดกับโทษ) มีถิ่นกำเนิดในอาราเบียในศตวรรษที่เจ็ดหลังจากท่านถูกบังคับให้ต้องกู้เงินเพื่อชำระค่าซ่อมแซมหลังจากธรรมชาติภัย มันถือว่าธรรมคิดอัตราดอกเบี้ยในสถานการณ์ เพราะมันถูกมองว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากความโชคร้ายของคน(Tripp, 2006, p. 128) ว่าควรจะห้าม/ดอกเบี้ยoutlawed จะยังคง มีความขัดแย้งภายในศาสนาอิสลาม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระบุว่าศาสนาไม่เป็นแบบคงที่หรือตัวแปรเดียวที่เรา
ยืนยันว่างานสำหรับการวิจัยการพัฒนาคือการเข้าใจ
ว่าวาทกรรมทางศาสนาเป็นตัวเป็นตนในการปฏิบัติทางสังคมบางอย่าง
วิธีการทางสังคมและกระบวนการทางประวัติศาสตร์ได้นำไปสู่ที่เฉพาะ
ศูนย์รวมและวิธีการที่ศาสนาของตัวเอง นิยามใหม่ของ
วาทกรรมและการปฏิบัติในแง่ของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจ
และบริบททางการเมือง ยกตัวอย่างเช่นในศาสนาอิสลามห้าม
ในการชาร์จ Riba (แปลโดยทั่วไปเป็นที่น่าสนใจ แต่
ใกล้ชิดกับกินดอก) มีถิ่นกำเนิดในศตวรรษที่สิบเจ็ดอารเบียหลังจากที่มีคน
ถูกบังคับให้ยืมเงินที่จะจ่ายสำหรับการซ่อมแซมหลังจากธรรมชาติ
ภัยพิบัติ ก็ถือว่าไม่เป็นธรรมในการคิดดอกเบี้ยในเหล่านี้
สถานการณ์เพราะมันถูกมองว่าเป็นความโชคร้ายของการใช้ประโยชน์ของผู้คน
(Tripp 2006, น. 128) ไม่ว่า Riba / ดอกเบี้ยควรจะ
นังยังคงเป็นเรื่องความขัดแย้งภายในอิสลาม