To determine how induction chemothe

To determine how induction chemotherapy affects sleep
for school-age children and adolescents with ALL, baseline
data about sleep patterns before cancer diagnosis are needed.
Obtaining this information is a methodological challenge
because children and adolescents experience symptoms prior
to diagnosis. The symptoms they experience vary from tiring
easily to pain and are present from weeks to months prior to
their diagnosis (Gedaly-Duff et al., 2008). Because diagnosis
of leukemia is a life-altering experience for children and their
families, an assessment of “normal” or baseline is not possible
once the diagnosis is made. Therefore, although sleep
characteristics during induction chemotherapy can be measured
with objective methods such as actigraphy, clinicians
and researchers must rely on retrospective reports from the
parent or child to ascertain the child's sleep–wake pattern
prior to diagnosis.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพื่อกำหนดวิธีเหนี่ยวนำเคมีบำบัดมีผลต่อการนอนหลับสำหรับโรงเรียนอายุเด็ก และวัยรุ่น มีทั้งหมด พื้นฐานข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการนอนก่อนการวินิจฉัยโรคมะเร็งมีความจำเป็นได้รับข้อมูลนี้เป็นความท้าทาย methodologicalเนื่องจากเด็กและวัยรุ่นประสบการณ์อาการก่อนการวินิจฉัย อาการที่พบแตกต่างจากโปรดให้เจ็บปวดและไม่แสดงสัปดาห์เดือนก่อนหน้าการวินิจฉัย (ดัฟฟ์ Gedaly et al., 2008) เนื่องจากการวินิจฉัยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตเด็ก และของพวกเขาครอบครัว การประเมินพื้นฐาน "ปกติ" หรือเป็นไปไม่ได้เมื่อวินิจฉัยได้ ดังนั้น แม้ว่านอนหลับสามารถวัดลักษณะระหว่างเคมีบำบัดการเหนี่ยวนำวัตถุประสงค์วิธีเช่น actigraphy, cliniciansและนักวิจัยต้องอาศัยรายงานคาดจากการแม่หรือเด็กเพื่อตรวจรูปแบบการนอนหลับตื่นของเด็กก่อนที่จะวินิจฉัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่อกำหนดวิธีการรักษาด้วยเคมีบำบัดเหนี่ยวนำส่งผลกระทบต่อการนอนหลับสำหรับเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นที่มีทั้งหมดพื้นฐานข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการนอนก่อนที่จะวินิจฉัยโรคมะเร็งที่มีความจำเป็น. ได้รับข้อมูลนี้เป็นความท้าทายวิธีการเพราะเด็กและวัยรุ่นพบอาการก่อนที่จะวินิจฉัย อาการพวกเขามีประสบการณ์ที่แตกต่างจากเหนื่อยได้อย่างง่ายดายเพื่อความเจ็บปวดและมีอยู่จากสัปดาห์เดือนก่อนที่จะมีการวินิจฉัยของพวกเขา(ดัฟฟ์ Gedaly-et al., 2008) เพราะการวินิจฉัยของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตสำหรับเด็กของพวกเขาและครอบครัวการประเมินของ"ปกติ" หรือพื้นฐานเป็นไปไม่ได้ที่ครั้งหนึ่งเคยวินิจฉัยที่จะทำ ดังนั้นถึงแม้ว่าการนอนหลับลักษณะในระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัดเหนี่ยวนำสามารถวัดได้ด้วยวิธีการเช่นวัตถุประสงค์actigraphy แพทย์และนักวิจัยจะต้องพึ่งพารายงานย้อนหลังจากผู้ปกครองหรือเด็กเพื่อยืนยันรูปแบบการนอนหลับของเด็กก่อนที่จะมีการวินิจฉัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพื่อหาวิธีรักษาแบบที่มีผลต่อการนอน
สำหรับเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นที่มีทั้งหมดข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับรูปแบบการนอนหลับก่อน

ได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็งต้องการ ข้อมูลนี้เป็นเพราะความท้าทายในเด็กและวัยรุ่น

ประสบการณ์อาการก่อนเพื่อการวินิจฉัย อาการที่พวกเขาประสบการณ์ที่แตกต่างจากที่เหนื่อย
ได้อย่างง่ายดายเพื่อความเจ็บปวดและเป็นปัจจุบันจากสัปดาห์เดือนก่อน
การวินิจฉัย ( gedaly ดัฟฟ์ et al . , 2008 ) เพราะการวินิจฉัยโรค
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นชีวิตเปลี่ยนแปลงประสบการณ์สำหรับเด็กและครอบครัวของพวกเขา
, การประเมินของ " ปกติ " หรือฐานเป็นไปไม่ได้
เมื่อวินิจฉัยโรคได้ ดังนั้น แม้ว่าลักษณะการนอน

คีโมสามารถวัดได้กับวัตถุประสงค์ วิธีการ เช่น แอคติกราฟฟีส์
และนักวิจัยต้องพึ่งพาย้อนหลังจากรายงาน
พ่อแม่หรือเด็ก เพื่อให้เด็กหลับ - ตื่นแบบแผน
ก่อนการวินิจฉัยโรค