AMERICAN SNIPER: THE AUTOBIOGRAPHY

AMERICAN SNIPER: THE AUTOBIOGRAPHY OF THE MOST LETHAL SNIPER IN U.S. MILITARY HISTORY
By Chris Kyle with Scott McEwen and Jim DeFelice
William Morrow, $26.99, 400 pages

”One shot, one kill” is the creed of military snipers. For those in elite warfare units such as the U.S. Navy SEALs, the additional skill of being able to quietly infiltrate an enemy’s area undetected in order to deliver precision fire is mandatory. Working in proximity to where adversaries are operating, and being expected to survive in order to be deployed to additional firefights, is a given.

“American Sniper” is retired Navy SEAL sniper Chris Kyle’s gripping and dramatic account of how he became the deadliest sniper in U.S. military history, with more than 160 officially confirmed “kills” in the Iraq War from 2003 to 2009.

Mr. Kyle’s early life and military exploits read like a thrilling adventure movie. Growing up in Odessa, Texas, he hunted animals with a bolt-action 30-06 rifle and had a talent for “breaking” horses. While in college, Mr. Kyle became a proficient enough horseman to earn money as a professional bronco rodeo rider until he was injured when a bronco flipped over him. With an interest in becoming a ranch manager, he started out as a ranch hand and eventually made his way to Colorado. On a second try to join the Navy, a recruiter called to ask whether he was interested in becoming a SEAL.

Joining the Navy in February 1999, he began the rigorous physical training program required to become a SEAL. He ended up as one of the 10 percent of the starting class to graduate. After additional advanced training, he was selected to SEAL Team 3, based in Coronado, Calif., whose teams saw action in the Middle East.

Of particular interest is Mr. Kyle’s explanation of how the military services’ special operations units operate, with each having a specialty. The Army Rangers, for example, make up a large assault force, while SEALs operate as quick surgical strike forces against small but high-value targets, such as the unit from SEAL Team 6 that killed Osama bin Laden.

Mr. Kyle’s first assignment, during the 2002-03 winter, was with a SEAL mission that boarded and searched ships carrying illicit weaponry in the Persian Gulf off Iraq.

The book’s narrative turns dramatic when Operation Iraqi Freedom began in March 2003 and he became a gunner in forward-deployed SEAL scout missions that supported Army and Marine Corps units as they advanced rapidly throughout the country to defeat Saddam Hussein’s army. With opposition elements, including al Qaeda, beginning to mount an armed insurgency, Mr. Kyle’s sniper specialty became indispensable, especially in rural and urban warfare environments. In the great distances afforded by a rural countryside, his shots would run from 800 to 1,200 yards. In the proximity of urban combat, where he made most of his “kills,” the range of his shots was 200 to 400 feet.

Along with the regular military forces his units were supporting, their missions were required, he explains, because the insurgents were resisting the pacification of their areas, which was a precondition for stabilizing the conditions for infrastructure reconstruction and state building to commence. For a sniper, understanding mission objectives was crucial because he had to be careful to distinguish between insurgents and innocent bystanders.

“Make an unjustified shot and you could be charged with murder,” he writes.

Especially revealing is Mr. Kyle’s discussion of the nature of the insurgents he encountered. He described some of them as cowards who “routinely used drugs to stoke their courage. Without them, alone, they were nothing.” Others were “one part terrorists, another part criminal gangs,” and some of the most dangerous were the religiously extremist al Qaeda fighters.

His exploits earned him legendary stature. In the course of battles in some of the country’s most dangerous cities, such as Fallujah and Ramadi, when U.S. soldiers were fighting running battles in the streets against thousands of insurgents, he killed so many insurgents that the Ramadi insurgents singled him out. They put out a $20,000 bounty on his head and gave him the name “Al-Shaitan Ramadi” - “the Devil of Ramadi.”

His most legendary shot was outside Sadr City in 2008 when he spotted an insurgent with a rocket launcher near an Army convoy. The distance of 2,100 yards was too far for his scope to “even dial up the shooting solution,” but he killed the insurgent anyway with a shot from his .338 rifle.

For his valor in battle, he received two Silver Stars and five Bronze Medals.

One of the book’s dramatic leitmotifs involves Mr. Kyles’ marriage to his wife, Taya. Like many other military wives, she braved through the birth and early lives of their two children as well as tensions in their relationship while he was overseas, including his numerous injuries and various forms of post-traumatic stress disorder after his periodic returns from his dangerous deployments in Iraq. Yet their love for each other, her inner strength and their enduring religious faith were strong enough to sustain their marriage.

After leaving the Navy in 2009, he returned to his native Texas and established Craft International, a firm that provides military and law enforcement sniper training as well as private security protection. He volunteers his time with wounded-warrior foundations.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ซุ่มยิงอเมริกัน: อัตชีวประวัติของ SNIPER ยุทธภัณฑ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ทหารอเมริกาโดย Kyle Chris ด้วย McEwen สก็อตและ Jim DeFeliceWilliam เหล่า 400 หน้า $26.99"หนึ่งยิง ฆ่าหนึ่ง" เป็นลัทธิของพลซุ่มยิงทหาร ในสงครามยอด หน่วยเช่นตราประทับกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ทักษะเพิ่มเติมที่สามารถแทรกซึมของข้าศึกตั้งอย่างเงียบ ๆ undetected จัดส่งไฟความแม่นยำเป็นข้อบังคับ ทำงานกับที่คู่แข่งกำลังปฏิบัติ และการคาดว่าจะอยู่รอดเพื่อการจัดวางเพิ่มเติม firefights เป็นที่กำหนดซุ่มยิงตรากองทัพเรือปลด Kyle Chris ของความเป็น "อเมริกัน Sniper" และ "ฆ่า" ในสงครามจาก 2003 2552 ยืนยันบัญชีอย่างไรกลายเป็นซุ่มยิงที่อันตรายในสหรัฐอเมริกาประวัติศาสตร์การทหาร มีมากกว่า 160 อย่างเป็นทางนาย Kyle ช่วงชีวิตและประโยชน์ของทหารอ่านเช่นภาพยนตร์ผจญภัยน่าตื่นเต้น เขาเติบโตขึ้นในโอเดสซา เท็กซัส ล่าสัตว์สัตว์กับแบบ bolt-action หรือค้าปืน 30-06 และมีช่างม้า "แบ่ง" ในวิทยาลัย นาย Kyle กลายเป็น horseman ชาญพอหาเงินเป็นไรเดอร์ที่โรเดโอม้ามืออาชีพจนเขาได้รับบาดเจ็บเมื่อม้าตัวพลิกผ่านเขา มีความสนใจในการเป็น ผู้จัดการไร่ เขาเริ่มออกเป็นมือไร่ และในที่สุดทำให้เขาไปโคโลราโด ในความพยายามที่สองจะเข้าร่วมกองทัพเรือ นายหน้าเรียกถามว่า เขาสนใจในการเป็น ตราเขาเข้าร่วมกองทัพเรือในเดือน 1999 กุมภาพันธ์ เริ่มโปรแกรมฝึกอบรมอย่างเข้มงวดจริงต้องเป็น ตรา เขาสิ้นสุดขึ้นเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ของระดับเริ่มต้นการศึกษาอย่างใดอย่างหนึ่ง หลังจากเพิ่มเติมขั้นสูงการฝึกอบรม เขาถูกเลือกให้ทีมตรา 3 อยู่ในโครานาโด รัฐแคลิฟอร์เนีย ทีมเห็นในตะวันออกกลางสนใจโดยเฉพาะคือนาย Kyle อธิบายว่าหน่วยปฏิบัติการพิเศษของราชการทหารใช้ แต่ละมีความพิเศษ ทหารพราน เช่น แต่งแรงโจมตีขนาดใหญ่ ในขณะที่สัญลักษณ์มีเป็นรวดเร็วราคาประหยัดตีกองกำลังต่อต้านเล็ก ๆ แต่สูงค่าเป้าหมาย เช่นหน่วยซีลทีม 6 ที่สังหารโอซามาบินลาเดนนาย Kyle แรกกำหนด ในช่วงฤดูหนาว 2002-03 ถูกกับภารกิจตรา ที่โดยสารเรือที่ถือครองอาวุธผิดกฎหมายในอ่าวเปอร์เซียอิรักปิดการค้นหาเล่าเรื่องของหนังสือเปิดละครเมื่อเสรีภาพอิรักดำเนินการเริ่มต้นในเดือน 2003 มีนาคม และกลายเป็นมือปืนในไปปรับใช้ตราลูกเสือภารกิจที่ได้รับการสนับสนุนกองทัพบกและนาวิกโยธินเป็นพวกขั้นสูงได้อย่างรวดเร็วทั่วประเทศเพื่อเอาชนะกองทัพของซัดดัม Hussein มีองค์ประกอบฝ่ายค้าน รวมอัลอิดะห์ เริ่มต้นการกำหนดความเป็นอาวุธ นาย Kyle ซุ่มยิงพิเศษเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมชนบท และเมืองสงคราม ในระยะทางที่ดีนี่ โดยเป็นชนบท ภาพของเขาจะจัดทำจาก 800 ถึง 1200 หลา แห่งเมืองรบ ที่เขาทำส่วนใหญ่ของเขา "ฆ่า" ช่วงของการถ่ายภาพของเขาถูก 200-400 ฟุตพร้อมกับปกติกองทัพสนับสนุนหน่วยของเขา ภารกิจของพวกเขาถูกต้อง เขาอธิบาย เนื่องจากพวกก่อการร้ายถูกต่อต้านแบบของตน ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำหรับ stabilizing เงื่อนไขสำหรับการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและอาคารรัฐเข้า การซุ่มยิง เข้าใจวัตถุประสงค์ของภารกิจนั้นสำคัญ เพราะเขาจะระมัดระวังในการแยกระหว่างพวกก่อการร้ายและ bystanders บริสุทธิ์"ทำให้การยิง unjustified และคุณอาจจะโดนฆ่า เขาเขียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเปิดเผยอภิปรายนาย Kyle ธรรมชาติก่อความไม่สงบที่เขาพบ เขาอธิบายบางส่วนของพวกเขาเป็น cowards ที่ "เป็นประจำใช้ยาคู่ความกล้าหาญของพวกเขา โดยพวกเขา คนเดียว พวกเขาไม่" ผู้อื่นได้ "หนึ่งส่วนผู้ก่อการร้าย อีกส่วนแก๊งอาชญากรรม และบางที่อันตรายที่สุดนักรบดะห์อัลโต่งเคร่งครัดประโยชน์ของเขาได้รับเขาสามารถตำนาน ในหลักสูตรการต่อสู้ในบางประเทศอันตรายที่สุดเมือง เช่น Fallujah Ramadi เมื่อทหารสหรัฐฯ ได้ต่อสู้ต่อสู้ทำงานในกับหลักพันของพวกก่อการร้าย เขาฆ่าพวกก่อการร้ายมากว่า พวกก่อการร้าย Ramadi กลั่นเขา พวกเขาดับความโปรดปราน $20000 ในหัวของเขา และให้เขาชื่อ "อัล Shaitan Ramadi" - "ปีศาจของ Ramadi"ยิงตำนานของเขาอยู่นอกเมือง Sadr ในปี 2008 เมื่อเขาด่าง insurgent ยังกับจรวดใกล้ขบวนเป็นกองทัพ มีระยะห่างของหลา 2,100 ไกลในขอบเขตของเขา "แม้เรียกโซลูชันยิง", แต่เขาฆ่า insurgent ต่อกับยิงจากปืนของเขา.338สำหรับเขาอาจหาญในการต่อสู้ เขารับสองดาวเงินและ 5 เหรียญทองแดงLeitmotifs ละครของหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวข้องกับ 'นาย Kyles แต่งงานกับภรรยาของเขา Taya เช่นเมียมากทหารอื่น ๆ เธอ braved เกิดและช่วงชีวิตของเด็กสองคนรวมทั้งความตึงเครียดในความสัมพันธ์ของพวกเขาขณะที่เขาอยู่ต่างประเทศ รวมทั้งการบาดเจ็บของเขามากมายและรูปแบบต่าง ๆ ของความเครียดเจ็บปวดหลังหลังจากกลับจากจัดวางของเขาอันตรายในอิรักของเขาเป็นครั้งคราว แต่ความรักสำหรับแต่ละอื่น ๆ ความแข็งแรงภายในของเธอและความเชื่อทางศาสนาของพวกเขายั่งยืนได้แข็งแรงเพียงพอเพื่อให้งานแต่งงานของพวกเขาหลังจากออกจากกองทัพเรือในปี 2009 เขากลับไปเท็กซัสบ้านเกิดของเขา และสร้างยานอินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทที่ให้ทหาร และฝึกซุ่มยิงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งการคุ้มครองความปลอดภัยส่วนตัว เขาอาสาสมัครเขาเวลากับมูลนิธินักรบได้รับบาดเจ็บ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

AMERICAN SNIPER: ชีวประวัติของ Sniper ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การทหารของสหรัฐ
โดยคริสไคล์กับสกอตต์และจิมแมกเค DeFelice
วิลเลียมมอร์โรว์, $ 26.99, 400 หน้า"หนึ่งยิงหนึ่งฆ่า" เป็นความเชื่อของพลซุ่มยิงทหาร สำหรับผู้ที่อยู่ในหน่วยสงครามชนชั้นเช่นซีลกองทัพเรือสหรัฐ, สกิลที่เพิ่มขึ้นของความสามารถในการแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่อย่างเงียบ ๆ ศัตรูตรวจไม่พบในการสั่งซื้อเพื่อส่งมอบไฟแม่นยำมีผลบังคับใช้ การทำงานในบริเวณใกล้เคียงกับที่ฝ่ายตรงข้ามมีการดำเนินงานและได้รับการคาดหวังว่าจะอยู่รอดเพื่อที่จะได้นำไปใช้กับ firefights เพิ่มเติมจะได้รับ. "Sniper อเมริกัน" เกษียณจับมือปืน Navy SEAL คริสไคล์และบัญชีอย่างมากของวิธีการที่เขากลายเป็นมือปืนพรึงใน ทหารสหรัฐที่มีมากกว่า 160 ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ "ฆ่า" ในสงครามอิรัก 2003 2009 นาย ชีวิตในวัยเด็กของไคล์และหาประโยชน์ทางทหารอ่านเช่นภาพยนตร์การผจญภัยที่น่าตื่นเต้น เติบโตขึ้นมาในโอเดสซา, เท็กซัสที่เขาล่าสัตว์ที่มีสายฟ้ากระทำ 30-06 ปืนยาวและมีความสามารถในการ "ทำลาย" ม้า ในขณะที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยนายไคล์กลายเป็นนักขี่ม้าที่มีความเชี่ยวชาญพอที่จะได้รับเงินเป็นมืออาชีพปศุสัตว์ป่าไรเดอร์จนกว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเมื่อป่าพลิกเขา ที่มีความสนใจในการเป็นผู้จัดการไร่เขาเริ่มต้นจากการเป็นมือไร่และในที่สุดทางของเขาไปโคโลราโด เมื่อวันที่สองพยายามที่จะเข้าร่วมกองทัพเรือนายหน้าเรียกไปถามว่าเขามีความสนใจในการเป็นซีล. เข้าร่วมกองทัพเรือในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1999 เขาเริ่มโปรแกรมการฝึกอบรมทางกายภาพอย่างเข้มงวดที่จำเป็นที่จะกลายเป็นซีล เขาลงเอยด้วยการเป็นหนึ่งในร้อยละ 10 ของระดับเริ่มต้นที่จะจบการศึกษา หลังจากการฝึกอบรมขั้นสูงเพิ่มเติมเขาได้รับเลือกในการปิดผนึกทีม 3 ซึ่งตั้งอยู่ในโคโรนาโด, Calif. ซึ่งทีมงานได้เห็นการกระทำในตะวันออกกลาง. ที่น่าสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือคำอธิบายนายไคล์ของวิธีการบริการทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษทำงานด้วยกัน มีพิเศษ เรนเจอร์กองทัพเช่นทำขึ้นแรงโจมตีขนาดใหญ่ในขณะที่ซีลอย่างรวดเร็วทำงานเป็นกองกำลังตีกับเป้าหมายการผ่าตัดมีขนาดเล็ก แต่มีมูลค่าสูงเช่นจากหน่วยซีลทีม 6 ที่ฆ่าอุซามะห์บินลาดิน. นาย มอบหมายเป็นครั้งแรกของไคล์ในช่วงฤดูหนาว 2002-03 อยู่กับภารกิจที่ตราขึ้นและค้นหาเรือแบกอาวุธที่ผิดกฎหมายในอ่าวเปอร์เซียอิรักออก. เล่าเรื่องของหนังสือเล่มนี้จะเปลี่ยนอย่างมากเมื่อปฏิบัติการเสรีภาพอิรักเริ่มมีนาคม 2003 และเขาก็กลายเป็นมือปืนใน ไปข้างหน้านำไปใช้ในภารกิจลูกเสือซีลที่ได้รับการสนับสนุนหน่วยทหารกองทัพบกและทางทะเลที่พวกเขาสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วประเทศที่จะเอาชนะกองทัพของซัดดัมฮุสเซน ที่มีองค์ประกอบฝ่ายค้านรวมทั้งอัลกออิดะห์เริ่มต้นที่จะติดอาวุธก่อความไม่สงบนายพิเศษซุ่มยิงของไคล์ก็กลายเป็นที่ขาดไม่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบทและสภาพแวดล้อมในเมืองสงคราม ในระยะทางที่ดี afforded โดยชนบทชนบทภาพของเขาจะทำงานตั้งแต่ 800 ถึง 1,200 หลา ในบริเวณใกล้เคียงของการรบในเมืองที่เขาทำส่วนใหญ่ของเขา "ฆ่า" ช่วงของการถ่ายภาพของเขาเป็น 200-400 ฟุต. พร้อมกับกองกำลังทหารประจำหน่วยของเขาถูกสนับสนุนภารกิจของพวกเขาถูกต้องเขาอธิบายว่าเพราะพวกก่อการร้าย ถูกต่อต้านสงบในพื้นที่ของพวกเขาซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการรักษาเสถียรภาพเงื่อนไขสำหรับการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและอาคารของรัฐที่จะเริ่ม สำหรับมือปืนวัตถุประสงค์ภารกิจเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะเขาจะต้องระมัดระวังที่จะแยกแยะระหว่างพวกก่อการร้ายและผู้ยืนดูผู้บริสุทธิ์. "ทำให้ยิงไม่ยุติธรรมและคุณอาจจะตั้งข้อหาฆาตกรรม" เขาเขียน. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเผยให้เห็นการอภิปรายนายไคล์ของธรรมชาติ ของพวกก่อการร้ายที่เขาพบ เขาอธิบายบางส่วนของพวกเขาเป็นที่ขี้ขลาด "ยาเสพติดใช้เป็นประจำจะจี้ความกล้าหาญ โดยพวกเขาเพียงอย่างเดียวที่พวกเขาไม่ได้เป็นอะไร. "อื่น ๆ เป็น" ผู้ก่อการร้ายส่วนหนึ่งส่วนแก๊งอาชญากรอีก "และบางส่วนของที่เป็นอันตรายมากที่สุดคือศาสนาหัวรุนแรงนักรบอัลเก. หาประโยชน์ของเขาทำให้เขาได้รับความสูงของตำนาน ในหลักสูตรของการต่อสู้ในบางส่วนของประเทศเมืองที่อันตรายที่สุดเช่นลลูจาห์รามาและเมื่อทหารสหรัฐกำลังต่อสู้การต่อสู้ที่วิ่งในถนนกับพันของพวกก่อการร้ายเขาฆ่าพวกก่อการร้ายมากมายที่ก่อความไม่สงบรามาแยกเขาออก พวกเขาเอาเงินรางวัล $ 20,000 บนศีรษะของเขาและทำให้เขาชื่อ "อัลชัยฏอนรามา" - ". ปีศาจรามา" ยิงตำนานที่สุดของเขาอยู่นอกเมืองซาดร์ในปี 2008 เมื่อเขาเห็นก่อความไม่สงบกับยิงจรวดใกล้กับกองทัพ ขบวนเรือสินค้า ระยะ 2,100 หลาก็ยังห่างไกลเกินไปสำหรับขอบเขตของเขาไป "แม้สายการแก้ปัญหาการถ่ายภาพ" แต่เขาถูกฆ่าตายก่อความไม่สงบอยู่แล้วด้วยการยิงจากปืนไรเฟิลของเขา 0.338. สำหรับความกล้าหาญในการต่อสู้ของเขาเขาได้รับสองดาวเงินและห้าสีบรอนซ์ เหรียญ. leitmotifs หนึ่งของหนังสือเล่มนี้อย่างมากที่เกี่ยวข้องกับนาย Kyles 'แต่งงานกับภรรยาของเขาเย เช่นเดียวกับหลายภรรยาทหารอื่น ๆ ที่เธอกลั้นใจผ่านการเกิดและการมีชีวิตอยู่ในช่วงต้นของเด็กสองคนของพวกเขาเช่นเดียวกับความตึงเครียดในความสัมพันธ์ของพวกเขาขณะที่เขาอยู่ในต่างประเทศรวมทั้งได้รับบาดเจ็บจำนวนมากของเขาและรูปแบบต่าง ๆ ของโรคบาดแผลความเครียดหลังจากที่ผลตอบแทนเป็นระยะ ๆ ของเขาจากอันตรายของเขา การใช้งานในอิรัก แต่ความรักของพวกเขาสำหรับแต่ละอื่น ๆ , แรงใจของเธอและความเชื่อทางศาสนาที่ยั่งยืนของพวกเขาแข็งแรงพอที่จะรักษาชีวิตสมรสของพวกเขา. หลังจากออกจากกองทัพเรือในปี 2009 เขากลับไปที่เท็กซัสบ้านเกิดของเขาและเป็นที่ยอมรับหัตถกรรมนานาชาติ บริษัท ที่ให้ซุ่มยิงทหารและการบังคับใช้กฎหมาย การฝึกอบรมเช่นเดียวกับการป้องกันรักษาความปลอดภัยเอกชน อาสาสมัครเขาเวลาที่เขากับมูลนิธิที่ได้รับบาดเจ็บนักรบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อเมริกัน Sniper : อัตชีวประวัติของมือปืนที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ทางทหารของสหรัฐอเมริกา โดย คริส ไคลน์
กับสก๊อต ประทีป และ จิม ดีเฟลิส
William Morrow , $ 26.99 400 หน้า

" พี่หนึ่งหนึ่งฆ่า " เป็นลัทธิของสไนเปอร์ ทหาร สำหรับผู้ที่อยู่ในหน่วยรบชั้นยอดเช่นกองทัพเรือสหรัฐซีลทักษะเพิ่มเติมได้ค่อยๆแทรกซึมศัตรูบริเวณย เพื่อส่งมอบ Precision ไฟเป็นข้อบังคับ ทำงานในแบบที่เราเป็น ปฏิบัติการ และถูกคาดว่าจะอยู่รอดใน เพื่อใช้กับเกมเพิ่มเติม คือ ให้

อเมริกัน " Sniper " เกษียณ Sniper ซีลคริสไคลน์โลดโผนและน่าทึ่งบัญชีของวิธีการที่เขากลายเป็นมือปืนที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ทางทหารของสหรัฐอเมริกา ที่มีมากกว่า 160 ยืนยันอย่างเป็นทางการ " ฆ่า " สงครามในอิรัก ตั้งแต่ปี 2009

นายไคล์และชีวิตทหารใช้อ่านชอบการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นของหนัง เติบโตขึ้นมาใน Odessa , เท็กซัสเขาล่าสัตว์กับสายฟ้าการกระทำ 30-06 ปืนไรเฟิลและมีความสามารถพิเศษเพื่อ " ทำลาย " ม้า ในขณะที่ในวิทยาลัย คุณไคล์กลายเป็นนักขี่ม้าพอเชี่ยวชาญหาเงินเป็นมืออาชีพพวกไรเดอร์ Bronco จนกระทั่งเขาได้รับบาดเจ็บเมื่อ Bronco พลิกคว่ำ เขา ที่มีความสนใจในการเป็น ผู้จัดการฟาร์ม เขาเริ่มต้นจากการเป็นมือฟาร์มปศุสัตว์ และในที่สุดทำให้ทางของเขาไปยังโคโลราโดบนลองสองเข้าร่วมกองทัพเรือ recruiter โทรมาถามว่า เขาสนใจจะเป็นแมวน้ำ

เข้าร่วมกองทัพเรือในเดือนกุมภาพันธ์ 1999 เขาเริ่มโปรแกรมการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดทางกายภาพต้องกลายเป็นแมวน้ำ เขาสิ้นสุดขึ้นเป็นหนึ่งใน 10 เปอร์เซ็นต์ของการเริ่มเรียนให้จบ หลังจากการฝึกอบรมขั้นสูงเพิ่มเติม เขาเลือกที่จะผนึก 3 ทีมที่อยู่ใน โคโรนาโด , รัฐแคลิฟอร์เนีย ,ซึ่งทีมที่เห็นการกระทำในตะวันออกกลาง .

น่าสนใจโดยเฉพาะนายไคล์ อธิบายถึงบริการทหารปฏิบัติการพิเศษหน่วยงานแต่ละมีพิเศษ กองทัพเรนเจอร์ ตัวอย่างเช่น สร้างแรงโจมตีขนาดใหญ่ ในขณะที่สัญลักษณ์งานด่วนราคาประหยัดโจมตีกองกำลังขนาดเล็ก แต่สำคัญกับเป้าหมาย ,เช่น หน่วยซีลทีม 6 ที่ฆ่า Osama ถังที่รับภาระ .

นายไคล์ก่อนงาน ระหว่าง 2002-03 ฤดูหนาว มีภารกิจที่ต้องประทับตราและหาเรือแบกอาวุธผิดกฎหมายในอ่าวเปอร์เซียไปอิรัก .

การเล่าเรื่องของหนังสือเปลี่ยนอย่างมากเมื่อปฏิบัติการเสรีภาพอิรักเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม ปี 2003 และเขาเป็นมือปืนในไปข้างหน้าใช้ตราลูกเสือภารกิจสนับสนุนกองทัพและหน่วยนาวิกโยธินที่พวกเขาขั้นสูงอย่างรวดเร็วทั่วประเทศที่จะเอาชนะกองทัพของซัดดัม ฮุสเซน . กับองค์ประกอบของฝ่ายค้าน รวมทั้ง Al Qaeda เริ่มเมาท์ ก่อความไม่สงบด้วยอาวุธคุณไคล์ พลซุ่มยิงพิเศษก็ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะในชนบท และสภาพแวดล้อมสงครามเมือง ในมากระยะทาง afforded โดยชนบทชนบท ภาพเขาจะวิ่งจาก 800 ถึง 1 , 200 หลา ในความใกล้ชิดของการรบในเมือง ที่เขาทำส่วนใหญ่ของ " ฆ่า " ช่วงของการถ่ายภาพของเขาคือ 200 400 ฟุต

พร้อมกับประจำกองทัพ หน่วยของเขาสนับสนุนภารกิจ ของ พวก เขา ต้องการ เขาอธิบายว่า เพราะพวกกบฏถูกต่อต้านความสงบของพื้นที่ของตน ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำหรับการรักษาเสถียรภาพเงื่อนไขเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน และอาคารของรัฐจะเริ่ม สำหรับมือปืน วัตถุประสงค์ ภารกิจ ความเข้าใจเป็นสำคัญ เพราะเขาต้องคอยระวังที่จะแยกแยะระหว่างผู้ก่อความไม่สงบ และ bystanders บริสุทธิ์ .

" ให้ยิงโคมลอย และคุณอาจถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม , " เขาเขียน .

เปิดเผย โดยเฉพาะนายไคล์อภิปรายลักษณะของการก่อความไม่สงบที่เขาพบ เขาอธิบายบางส่วนของพวกเขาเป็นคนขี้ขลาดที่ " ตรวจใช้ยา สโต๊ค ความกล้าหาญของพวกเขา ถ้าไม่มีมัน คนเดียว มันไม่ต่างอะไรกับ " คนอื่น " ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นแก๊งอาชญากร , ผู้ก่อการร้าย" และบางส่วนของที่อันตรายที่สุดคือศาสนาหัวรุนแรงอัลกออิดะห์สู้

ความสำเร็จของเขา เขาได้รับในตำนาน 1 ในหลักสูตรของการต่อสู้ในบางส่วนของเมืองที่อันตรายที่สุดของประเทศ เช่น ฟัลลูจาห์ และรามาดี เมื่อทหารสหรัฐกำลังต่อสู้หนีการต่อสู้บนถนนกับพันของพวกกบฏเขาฆ่าพวกกบฏมากว่ารามาดีไม่เรียกหมอนั่นออกไป พวกเขาเอาเงินรางวัล $ 20 , 000 ในหัวของเขาและให้เขาชื่อ " อัล shaitan รามาดี " - " ปีศาจของเมืองรามาดิ "

ยิงในตำนานมากที่สุดของเขาคือด้านนอก Sadr เมืองในปี 2008 เมื่อเขาเห็นเป็นกบฏกับจรวดใกล้กองทัพขบวน . ระยะ 2100 หลาอยู่ไกลเกินไปสำหรับขอบเขต " แม้ dial up โซลูชั่นถ่ายภาพ " แต่เขาฆ่ากบฏอยู่แล้วด้วยการยิงจากปืนของเขา ขอรับ

สำหรับความกล้าหาญของเขาในสงคราม เขาได้รับสองดาวสีเงิน และ 5 เหรียญทองแดง

เป็นหนังสือเกี่ยวข้องกับการแต่งงานคุณ kyles leitmotifs ได้อย่างน่าทึ่ง กับภรรยาของเขา , พัทยา . เหมือนภรรยาทหารหลาย ๆเธอกล้าหาญผ่านวันเกิด และชีวิตวัยเด็กของเด็กสองคนของพวกเขาเช่นเดียวกับความตึงเครียดในความสัมพันธ์ของพวกเขาขณะที่เขาอยู่ต่างประเทศ รวมถึงอาการบาดเจ็บของเขามากมายและรูปแบบต่างๆของความผิดปกติของความเครียดบาดแผลหลังจากกลับมาจากการใช้งานเป็นระยะอันตรายของเขาในอิรัก แต่ความรักของพวกเขาสำหรับแต่ละอื่น ๆด้วยแรงใจของเธอและความเชื่อทางศาสนาที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะสนับสนุนการแต่งงานของพวกเขา .

หลังจากออกจากกองทัพเรือในปี 2009 เขากลับไปบ้านเกิดของเขาและสร้างยานนานาชาติเท็กซัส , เป็น บริษัท ที่ให้ทหารและการบังคับใช้กฎหมาย ซุ่มฝึกเช่นเดียวกับการป้องกันการรักษาความปลอดภัยส่วนตัว เขาเป็นอาสาสมัครเวลาของเขาบาดเจ็บ
มูลนิธินักรบ