ฉันต้องใช้ภาษาอังกฤษถูกหลักไวยากรณ์
สืบทอดงานหัตถศิลป์ทรงค่า
อนุรักษ์ภูมิปัญญาทำ “กริชรามัน”
“กริช” เป็นอาวุธประจำตัวที่เคยนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั ้งหมู่ชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธ รรมราชลงไป ตลอดไปถึงมาเลเซีย อินโดนีเซีย กริช เป็นทั้งอาวุธ และเครื่องประดับกาย ที่แสดงถึง ความกล้าหาญ สถานะทางสังคม และเศรษฐกิจของผู้เ ป็นเจ้าของ หรือของตระกูล นอกจากจะใช้กริชเป็นอาวุธ& nbsp;แล้วยังมีความเชื่อกันว่า กริชเป็นตัวแทนของพระศิวะ& nbsp;จึงเป็นสิ่งที่มีคุณวิเศษใช้เป็นวัตถุมงคล และเครื่อ งรางของขลังได้อีกด้วย
กริชของเมืองรามัน จัดเป็นกริชใน สกุลช่างปัตตานี&nb sp;เป็นกลุ่มช่างที่ได้รับการสืบทอดวิชาการทำกริชจากช่างทำกริช ตระกูลบันได้ซาระห์จากชวา ซึ่งมีลักษณะที่เด่นพิเศษเป็นเอ กลักษณ์เฉพาะ คือ มีด้ามเป็นรูปนกพังกะ ตากริชเ รียบ และมีใบยาวกว่ากริชสกุลอื่นๆ มีขนาดเหมาะสมสำหร ับการใช้ต่อสู้ และมีลวดลายประณีตงดงามตามศิลปะเชิงช่างสู ง กริชรามันจึงได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เม ืองรามัน หรืออำเภอรามัน จังหวัดยะลา มีชื่อเสี ยงในเรื่องการทำ “กริช” มายาวนาน
ต่อเมื่อสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งทางภาครัฐได้ออ กกฎหมายห้ามพกพากริชไปในที่ชุมชน ทำให้ความนิยมในการใช้กร ิชลดลง การสืบทอดวิชาการทำกริชในพื้นที่ก็ค่อยๆ ลดน้ อยลงเรื่อยๆ ในขณะที่ความต้องการกริชกลับยังคงมีอยู่ ; เนื่องจากกริชยังเป็นสัญลักษณ์ของสายสัมพันธ์ของวงศ์ตระ กูล เป็นเครื่องประดับแสดงฐานะ และองค์ประกอบส ำคัญในการประกอบพิธีกรรมสำคัญ ต่างๆ เช่น พิธีแ ต่งงาน พิธีเข้าสุหนัตของชาวมุสลิม เป็นต้น รวม ทั้งเป็นของสะสมของนักสะสมของเก่า กริชจึงเริ่มหายาก ;และมีราคาสูงขึ้น
ข้อมูลจากของ ศาสตราจารย์ สุทธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย ์ และคณะ กล่าวการเข้ามากว๊านซื้อกริชของพ่อค้ ากิรชชาวเมเลเซีย และอินโดนีเซียไว้ในโครงการวิจัยเรื่อง& nbsp;“กระเทาะสนิมกริช แลวิถีชีวิตชาวใต้ตอนล่าง” ว่ า “ในช่วงปี พ.ศ.2522-2530 มีพ่อค้าของเก่าจากป ระเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียออกมาหาซื้อกริชจากภาคใต้ตอนล่าง&n bsp;โดยอ้างว่านำไปเก็บในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของตน และบางม หาวิทยาลัย ทำให้ราคากริชโบราณพุ่งสูงขึ้นมาก บางเล่ มทีราคาถึง 30,000 บาท …ประมาณว่ากริชที่ถูกนำอ อกจากพื้นที่ในระยะนี้มีประมาณกว่า 10,000 เล่ม…”&nb sp;
ตั้ง “กลุ่มทำกริช” …ฟื้นฟูหัถศิลป์พื้นบ้าน
นายตีพะลี อะตะบู หัวหน้าโครงการวิจัย การอนุรั กษ์ และส่งเสริมศิลปะการทำกริชรามัน ตำบลตะโละหะลอ&n bsp;อำเภอรามัน จ.ยะลา:งานวิจัยเพื่อท้องถิ่น สกว.&n bsp;กล่าวว่า ในช่วงที่มีการกว๊านซื้อกริช ตัวเขาเอง ได้มีโอกาสติดตามพ่อค้าไปซื้อกริชในที่ต่างๆ ทำให้ได้เห็น กริชหลากหลายรูปแบบ และเกิดความรู้สึกว่ากริชแต่ละแบบ&nbs p;แต่ละอัน มีความเป็นมาพิเศษเฉพาะที่น่าสนใจ จึงได้ เริ่มศึกษา เรียนรู้การทำกริชจากผู้อาวุโสในชุมชนอย่างจริ งจัง กระทั่งเกิดความเชี่ยวชาญมากขึ้น ซึ่งมีคนมาสั่ งให้เขาทำกริชอยู่เรื่อยๆ จนทำให้ไม่ทัน จึงคิดว่าน่ าจะมีการส่งเสริมการทำกริชให้เป็นอาชีพเสริมของชุมชน เพรา ะศักยภาพด้านการตลาดมีสูงมาก จึงได้ชวนช่างทำกริชในชุมชนจ ำนวน 20 คน ก่อตั้งกลุ่มทำกริชบ้านบาลูกาลูวะ&n bsp;ขึ้นในปี พ.ศ. 2542
แต่การดำเนินงานของกลุ่มในระยะแรกประสบปัญหาสำคัญๆ เช่น&n bsp;ไม่สามารถผลิตกริชให้ได้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า&nb sp;กริชที่ผลิตขึ้นมีคุณภาพต่ำ ขายได้ราคาถูก ขาดเงิ นทุนสำหรับการจัดซื้อเครื่องมือในการทำกริช เป็นต้น ทางกลุ่มจึงพยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหา ด้วยการพัฒนาย กระดับฝีมือการทำกริชของสมาชิกให้มีคุณภาพมากขึ้น พร้อมทั ้งหาแนวทางในการอนุรักษ์สืบทอดศิลปะการทำกริชรามันให้กับกลุ่มค นรุ่นใหม่ เพื่อให้ภูมิปัญญาการทำกริชแบบรามันคงอยู่เป็นเ อกลักษณ์ของอำเภอรามันสืบต่อไป ภายใต้การดำเนินโครงการวิจ ัยเพื่อท้องถิ่นของ สกว.
การพัฒนาฝีมือการทำกริชของสมาชิกนั้น ได้มีการอบรมเพิ่มทั กษะการทำกริชตามความสนใจ และความถนัด ซึ่งจะแบ่งออกเ ป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มทำหัวกริช และฝ ัก, กลุ่มทำใบกริช และ กลุ่มทำเครื่องประดับกริ ช ทำให้สมาชิกผลิตกริชได้มีคุณภาพดีขึ้น อีกทั ้งผลิตได้จำนวนมากขึ้น ทำให้สมาชิกกลุ่มมีรายได้ดีขึ้น&nb sp;และค่อนข้างสม่ำเสมอ สมาชิกบางรายมีความรู้เรื่องการทำ กริชดี ได้เป็นครูสอนทำกริชในหลักสูตรของการศึกษานอกโรงเร ียน ได้รับเงินเดือนเกือบหนึ่งหมื่นบาท
กูมะ ดาตู สมาชิกกลุ่มทำกริชบ้านบาลูกาลูวะ วัย 28 ปี เป็นช่างทำกริชที่สามารถประกอบกริชได้ทั ้งเล่ม กล่าวว่า เริ่มฝึกทำกริชตั้งแต่ปี ;พ.ศ.2541 เพราะต้องการมีรายได้เสริม ปัจจุบันมีรายไ ด้จากการทำกริชประมาณ 3,000-4,000 บาท ซึ่งในกา รร่วมกันทำวิจัยเพื่อพัฒนากลุ่ม นอกจากจะได้พัฒนาฝีมือแล้ ว ยังได้พัฒนาชีวิตอีกด้วย ให้เข้าใจว่าชีวิตควรจะเป ็น หรืออยู่อย่างไร นอกจากนั้น ยังได้นำวิธีการ ร่วมคิด ร่วมทำ ไปใช้ในการแก้ปัญหาการทำงานของกลุ่มอ ื่นๆ ในชุมชนอีกด้วย
เติมคุณค่า…สืบสานภูมิปัญญา “กริชรามัน”…
แม้ว่าการทำกริชในปัจจุบันจะมุ่งเน้นไปที่การผลิตงานฝีมือเพื่อ จำหน่าย-เพื่อผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจมากขึ้น แต่กลุ่มทำกร ิชบ้านบาลูกาลูวะ ยังคงให้ความสำคัญต่อกระบวนการทำกริชตาม แนวทางของช่างทำกริชดั้งเดิม กล่าวคือ ช่างทำกริชต้อ งประพฤติปฏิบัติตัวให้อยู่ในกรอบอันดีงามภายใต้จรรยาบรรณช่างทำ กริชที่สืบทอดมา ซึ่งมีทั้งหมด 25 ข้อ เช่ น ก่อนลงมือทำกริชแต่ละครั้ง ทั้งผู้ทำและผู้สั่งทำต ้องทำใจให้บริสุทธิ์เสมอ , ห้ามช่างทำกริชรับเงินมัด จำ หรือค่าจ้างล่วงหน้า ,ห้ามช่างทำกริชติดสิ่งเสพติ ด ยาเสพติด หรือของมึนเมาทุกชนิด , ห้ามสอ นวิชาทำกริชให้คนไม่ปกติ หรือคนที่มีประวัติไม่ดี หร ือคนที่อยู่ในระหว่างฑัณฑ์ ,ห้ามสอนวิชาการทำกริชให้กับมุ สลิมที่ไม่ละหมาด หรืออ่านอัลกุรอ่านไม่เป็น, ห้ามบ่ น หรือด่าลูกค้าเด็ดขาด เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้เอง การคัดเลือกเด็กรุ่นใหม่เพื่อเข้ามาฝึกเป็ นช่างกริช จึงต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกหลายลำดับ โด ยเริ่มจากหลักสูตรภูมิปัญญา เพื่อเตรียมความพร้อมโดยใช้กร ะบวนการเรียนรู้ที่เรียกว่า 5 ร. คือ 1.รู ้จัก 2.รู้ใจ 3.รู้จริง 4.รู้รักสามัคคี 5 .รู้จักทำงานเป็นทีม เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมช่างทำก ริช ได้เรียนรู้ และเข้าใจ
"กริชรามัน" "กริช" รรมราชลงไปตลอดไปถึงมาเลเซียอินโดนีเซียกริชเป็นทั้งอาวุธและเครื่องประดับกายที่แสดงถึงความกล้าหาญสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจของผู้เป็นเจ้าของหรือของตระกูลนอกจากจะใช้กริชเป็นอาวุธ & nbsp; แล้วยังมีความ เชื่อกันว่ากริชเป็นตัวแทนของพระศิวะและ และเครื่อ จัดเป็นกริชในสกุลช่างปัตตานี & nb ตระกูลบันได้ซาระห์จากชวาซึ่งมีลักษณะที่เด่นพิเศษเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคือมีด้ามเป็นรูปนกพังกะตากริชเรียบและมีใบยาวกว่ากริชสกุลอื่น ๆ มีขนาดเหมาะสมสำหรับการใช้ ต่อสู้ ง ด้วยเหตุนี้เมืองรามันหรืออำเภอรามันจังหวัดยะลามีชื่อเสียงในเรื่องการทำ "กริช" อีกทั้งทางภาครัฐได้ออกกฎหมายห้ามพกพากริชไปในที่ชุมชนทำให้ความนิยมในการใช้กริชลดลง ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ; กูลเป็นเครื่องประดับแสดงฐานะและองค์ประกอบสำคัญในการประกอบพิธีกรรมสำคัญต่างๆเช่นพิธีแต่งงานพิธีเข้าสุหนัตของชาวมุสลิมเป็นต้นรวมทั้งเป็นของสะสมของนักสะสมของเก่ากริชจึงเริ่มหายาก; และมีราคาสูงขึ้นข้อมูล จากของศาสตราจารย์สุทธิวงศ์พงศ์ไพบูลย์และคณะ ากิรชชาวเมเลเซีย nbsp; "กระเทาะสนิมกริชแลวิถีชีวิตชาวใต้ตอนล่าง" ว่า "ในช่วงปี พ.ศ. 2522-2530 มีพ่อค้าของเก่าจากป และบางมหาวิทยาลัยทำให้ราคากริชโบราณพุ่งสูงขึ้นมากบางเล่มทีราคาถึง 30,000 บาท ... ประมาณว่ากริชที่ถูกนำออกจากพื้นที่ในระยะนี้มีประมาณกว่า 10,000 เล่ม ... "& nb sp; ตั้ง "กลุ่มทำกริช "... ฟื้นฟูหัถศิลป์พื้นบ้านนายตีพะลีอะตะบูหัวหน้าโครงการวิจัยการอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปะการทำกริชรามันตำบลตะโละหะลอ & n bsp; อำเภอรามันจยะลา. งานวิจัยเพื่อท้องถิ่นสกว . & n bsp; กล่าวว่าในช่วงที่มีการกว๊านซื้อกริชตัวเขาเอง ทำให้ได้เห็นกริชหลากหลายรูปแบบและเกิดความรู้สึกว่ากริชแต่ละแบบ & nbs p; แต่ละอันมีความเป็นมาพิเศษเฉพาะที่น่าสนใจจึงได้เริ่มศึกษา งจังกระทั่งเกิดความเชี่ยวชาญมากขึ้นซึ่งมีคนมาสั่งให้เขาทำกริชอยู่เรื่อย ๆ จนทำให้ไม่ทันจึงคิดว่าน่ เพราะศักยภาพด้านการตลาดมีสูงมากจึงได้ชวนช่างทำกริชในชุมชนจำนวน 20 คนก่อตั้งกลุ่มทำกริชบ้านบาลูกาลูวะ & n bsp; ขึ้นในปี พ.ศ. เช่น & n SP; กริชที่ผลิตขึ้นมีคุณภาพต่ำขายได้ราคาถูกขาดเงิ เป็นต้น ด้วยการพัฒนาย พร้อมทั นรุ่นใหม่ อกลักษณ์ของอำเภอรามันสืบต่อไปภายใต้การดำเนินโครงการวิจัยเพื่อท้องถิ่นของ ได้มีการอบรมเพิ่มทักษะการทำกริชตามความสนใจและความถนัดซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือกลุ่มทำหัวกริชและฝัก, กลุ่มทำใบกริชและกลุ่มทำเครื่องประดับกริช อีกทั้งผลิตได้จำนวนมากขึ้นทำให้สมาชิกกลุ่มมีรายได้ดีขึ้น & nb sp; และค่อนข้างสม่ำเสมอสมาชิกบางรายมีความรู้เรื่องการทำกริชดี ียน ดาตูสมาชิกกลุ่มทำกริชบ้านบาลูกาลูวะวัย 28 ปี ้งเล่มกล่าวว่าเริ่มฝึกทำกริชตั้งแต่ปี; พ.ศ. 2541 เพราะต้องการมีรายได้เสริมปัจจุบันมีรายได้จากการทำกริชประมาณ 3,000-4,000 บาทซึ่งในการร่วมกันทำวิจัยเพื่อพัฒนากลุ่มนอกจากจะ ได้พัฒนาฝีมือแล้วยังได้พัฒนาชีวิตอีกด้วยให้เข้าใจว่าชีวิตควรจะเป็นหรืออยู่อย่างไรนอกจากนั้นยังได้นำวิธีการร่วมคิดร่วมทำ ื่น ๆ แต่กลุ่มทำกริชบ้านบาลูกาลูวะ แนวทางของช่างทำกริชดั้งเดิมกล่าวคือช่างทำกริชต้อ กริชที่สืบทอดมาซึ่งมีทั้งหมด 25 ข้อเช่นก่อนลงมือทำกริชแต่ละครั้งทั้งผู้ทำและผู้สั่งทำต้องทำใจให้บริสุทธิ์เสมอ, ห้ามช่างทำกริชรับเงินมัดจำหรือค่าจ้างล่วงหน้า, ห้ามช่างทำกริชติด สิ่งเสพติดยาเสพติดหรือของมึนเมาทุกชนิด, ห้ามสอนวิชาทำกริชให้คนไม่ปกติหรือคนที่มีประวัติไม่ดีหรือคนที่อยู่ในระหว่างฑั ณ ฑ์, ห้ามสอนวิชาการทำกริชให้กับมุ สลิมที่ไม่ละหมาดหรืออ่านอัลกุรอ่านไม่เป็น, ห้ามบ่นหรือด่าลูกค้าเด็ดขาดเป็นต้นด้วยเหตุนี้เอง นช่างกริช โดยเริ่มจากหลักสูตรภูมิปัญญาเพื่อเตรียมความพร้อมโดยใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เรียกว่า 5 ร คือ 1. รู้จัก 2. 3. รู้ใจรู้จริง 4. รู้รักสามัคคี 5. รู้จักทำงานเป็นทีม ริชได้เรียนรู้และเข้าใจ
การแปล กรุณารอสักครู่..
