S. marcescens was once thought to b

S. marcescens was once thought to be a nonpathogenic bacterium. Because of the red pigment it produces, it was widely used to trace bacterial transmission and to study settling and drifting of bacteria in air currents. In 1950, the US Navy conducted a secret experiment called "Operation Seaspray" to study wind currents that might carry biological weapons. They filled balloons with S. marcescens and burst them over San Francisco. Shortly thereafter, doctors in the area noted a drastic increase in pneumonia and urinary tract infections.[6][7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

S. marcescens ถูกคิดว่า เป็น แบคทีเรีย nonpathogenic ครั้ง เนื่องจาก มีรงควัตถุสีแดงที่มันผลิต มันถูกใช้ส่งแบคทีเรียติดตาม การศึกษาตะกอน และลอยของเชื้อแบคทีเรียในกระแสลม ในปี 1950 กองทัพเรือสหรัฐฯ ดำเนินการทดลองลับที่เรียกว่า "ซีสเปรย์ดำเนินการ" เพื่อศึกษากระแสลมที่อาจมีอาวุธชีวภาพ พวกเขาเติมบอลลูน s ได้ marcescens และระเบิดพวกเขาผ่าน San Francisco มิช้ามินาน แพทย์ในพื้นที่ตั้งข้อสังเกตการเพิ่มขึ้นที่รุนแรงในระบบทางเดินปัสสาวะและโรคติดเชื้อ[6][7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

S. marcescens เคยคิดที่จะเป็นแบคทีเรีย nonpathogenic เพราะเม็ดสีแดงจะผลิตมันถูกใช้อย่างกว้างขวางในการติดตามการส่งผ่านเชื้อแบคทีเรียและการศึกษาตกตะกอนและดริฟท์ของแบคทีเรียในกระแสอากาศ ในปี 1950 กองทัพเรือสหรัฐดำเนินการทดลองลับที่เรียกว่า "การดำเนินการ Seaspray" เพื่อศึกษากระแสลมที่อาจพกพาอาวุธชีวภาพ พวกเขาเต็มไปด้วยลูกโป่ง marcescens เอสและระเบิดพวกเขาไปซานฟรานซิส หลังจากนั้นไม่นานแพทย์ในพื้นที่ [6] [7] สังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากในโรคปอดบวมและการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เอส marcescens เคยคิดว่าเป็นแบคทีเรีย nonpathogenic . เพราะมันผลิตเม็ดสีสีแดง มันถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อติดตามการส่งของ และเพื่อศึกษาการตกตะกอนและล่องลอยของแบคทีเรียในกระแสอากาศ ในปี 1950 , กองทัพเรือสหรัฐได้ทำการทดลองลับ เรียกว่า " การ seaspray " ศึกษากระแสน้ําพัดที่อาจพกพาอาวุธทางชีวภาพ พวกเขาเต็มไปด้วยลูกโป่งกับเอสmarcescens และระเบิดพวกเขาไปซานฟราน หลังจากนั้นไม่นาน แพทย์ในพื้นที่ตั้งข้อสังเกตเพิ่มขึ้นอย่างมากในแต่ละปี และการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ [ 6 ] [ 7 ]