1990s, only 30 states and the Distr

1990s, only 30 states and the District of Columbia have passed renewable portfolio standards by April 2009. The effectiveness of state renewable energy policies has been found to be mixed and
debated. Some studies have found positive results [23,24], while others have found no significant results [25]. This is potentially due to that the state-level renewable energy policies have not considered the spatial dependence among biomass consumption, hence new efforts are still needed to add a cross-state dimension to statelevel energy policy and coordinate some elements of energy policy across states. Biomass consumption has significant linear relation with total disposable personal income, which has been examined by literature, e.g. Lambert D'Apote [26], World Bank [27], and recently Wang and Wang [18]. The time series analysis conducted by Lambert D'Apote [26] confirmed the significant linear relation of biomass consumption against biomass price. However, Victor and Victor [28] assumed that biomass consumption had the power relationship with biomass price. The positive impact of total disposable personal income on biomass consumption is probably

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปี 1990, 30 เท่าอเมริกาและเมืองโคลัมเบียได้ผ่านมาตรฐานผลงานทดแทน โดย 2552 เมษายน พบประสิทธิผลของนโยบายรัฐด้านพลังงานทดแทนที่จะผสม และถกเถียงกัน บางการศึกษาพบผลบวก [23,24], ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้พบผลไม่สำคัญ [25] นี่คืออาจเนื่องจากว่า นโยบายพลังงานทดแทนระดับรัฐได้ถือว่าพึ่งพาอาศัยกันเชิงพื้นที่ในการใช้ชีวมวล ดังนั้น ความพยายามใหม่ยังคงจำเป็นต้องเพิ่มขนาดข้ามรัฐนโยบายพลังงาน statelevel และประสานงานบางองค์ประกอบของนโยบายพลังงานทั่วอเมริกา การใช้ชีวมวลมีความสัมพันธ์เชิงเส้นอย่างมีนัยสำคัญกับรวมทิ้งรายได้ส่วนบุคคล ซึ่งผ่านการตรวจสอบ โดยวรรณกรรม เช่นแลมเบิร์ต D'Apote [26], [27] ธนาคารโลก และเมื่อเร็ว ๆ นี้วัง และวัง [18] การวิเคราะห์ชุดเวลาที่ดำเนินการ โดย D'Apote แลมเบิร์ต [26] ได้ยืนยันความสัมพันธ์เชิงเส้นอย่างมีนัยสำคัญของการใช้ชีวมวลกับชีวมวลราคา อย่างไรก็ตาม วิคเตอร์และวิคเตอร์ [28] สันนิษฐานว่า ปริมาณชีวมวลที่มีความสัมพันธ์พลังงานชีวมวลราคา ผลบวกของรายได้ส่วนบุคคลทั้งหมดทิ้งการใช้ชีวมวลน่าจะเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปี 1990 มีเพียง 30 รัฐและ District of Columbia ได้ผ่านมาตรฐานผลงานทดแทนในเดือนเมษายน 2009 ประสิทธิผลของรัฐนโยบายพลังงานทดแทนได้รับพบว่าจะนำมาผสมและ
ถกเถียงกัน บางการศึกษาพบว่าผลบวก [23,24] ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้พบว่าไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญ [25] นี้อาจเกิดจากการที่รัฐระดับนโยบายด้านพลังงานทดแทนยังไม่ได้พิจารณาการพึ่งพาการบริโภคเชิงพื้นที่หมู่ชีวมวลจึงพยายามใหม่ยังคงมีความจำเป็นที่จะเพิ่มมิติข้ามรัฐเพื่อนโยบายพลังงาน statelevel และประสานงานองค์ประกอบบางส่วนของนโยบายพลังงานทั่วสหรัฐอเมริกา ปริมาณการใช้ชีวมวลมีความสัมพันธ์เชิงเส้นที่สำคัญกับรายได้รวมแล้วทิ้งส่วนบุคคลซึ่งได้รับการตรวจสอบโดยวรรณกรรมเช่นแลมเบิร์ D'Apote [26], World Bank [27] และเมื่อเร็ว ๆ วังและวัง [18] การวิเคราะห์อนุกรมเวลาดำเนินการโดยแลมเบิร์ D'Apote [26] ได้รับการยืนยันความสัมพันธ์เชิงเส้นอย่างมีนัยสำคัญของการบริโภคพลังงานชีวมวลกับราคาพลังงานชีวมวล อย่างไรก็ตามวิคเตอร์และวิกเตอร์ [28] สันนิษฐานว่าการบริโภคพลังงานชีวมวลพลังงานมีความสัมพันธ์กับราคาพลังงานชีวมวล ผลกระทบเชิงบวกของรายได้ส่วนบุคคลทั้งหมดทิ้งชีวมวลในการบริโภคน่าจะเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1990 เพียง 30 รัฐและ District of Columbia ได้ผ่านมาตรฐานผลงานหมุนเวียนภายในเดือนเมษายน 2552 ประสิทธิผลของนโยบายพลังงานทดแทนของรัฐพบว่า มีการผสมและถกเถียงกัน บางการศึกษาพบผลลัพธ์ที่เป็นบวก [ 23,24 ] ในขณะที่คนอื่น ๆได้พบผลลัพธ์ [ 25 ] นี้อาจเนื่องจากว่าระดับพลังงานทดแทนนโยบายยังไม่ได้พิจารณาการใช้พื้นที่ของชีวมวล ความพยายามใหม่จึงยังต้องเพิ่มมิติข้ามรัฐกับนโยบายพลังงาน statelevel และประสานองค์ประกอบบางส่วนของนโยบายพลังงานในสหรัฐอเมริกา การใช้ชีวมวลได้พบความสัมพันธ์เชิงเส้นของรายได้รวม ซึ่งได้รับการตรวจสอบจากวรรณคดี เช่น แลมเบิร์ต d"apote [ 26 ] ธนาคารโลก [ 27 ] และเมื่อเร็ว ๆนี้ หวังและหวัง [ 18 ] การวิเคราะห์อนุกรมเวลาโดย Lambert d"apote [ 26 ] ยืนยันพบความสัมพันธ์เชิงเส้นของการต่อต้านราคาชีวมวล ชีวมวล อย่างไรก็ตาม วิคเตอร์ วิคเตอร์ [ 28 ] สันนิษฐานว่าปริมาณการใช้ชีวมวลมีความสัมพันธ์กับราคาพลังงานชีวมวล ผลกระทบทางบวกของรายได้รวมที่ใช้ชีวมวลเป็นอาจ