Facebook also has the potential to

Facebook also has the potential to create realworld problems that did not previously exist.
On examining the role played by Facebook in romantic relationships, for example, Muise et al. (2009) found that site use can lead to increased jealousy and/or obsessive behavior, as a result of the opportunities it provides users to “access . . . information about their partner that would not otherwise be accessible” (p. 443). This, in turn, positively reinforces ongoing “surveillance behavior” (p. 444). Muise et al. (2009) found that participants were able to reflect objectively on this vicious cycle, but often were unable to break it, citing its addictive nature. Indeed, an overreliance on Facebook more generally may mean that cessation of use can have a negative impact: Sheldon and Hinsch (as cited in Sheldon et al., 2011) found that reduction in use correlated with “reduced aggression, procrastination, and negative affect , and with increased life-satisfaction, but it was also associated with reduced positive affect”
(Sheldon et al., 2011, p. 773).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นอกจากนี้ Facebook ยังมีศักยภาพในการสร้างปัญหา realworld ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีอยู่ในการตรวจสอบบทบาทที่เล่น Facebook ในความสัมพันธ์ที่โรแมนติก เช่น Muise et al. (2009) พบว่า การใช้เว็บไซต์สามารถนำพระเพิ่มขึ้นและ/หรือพฤติกรรม obsessive ดังนั้น โอกาสจะให้ถึง "...ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทของพวกเขาจะเป็นอย่างอื่นไม่สามารถเข้าถึงได้" (p. 443) นี้ กลับ บวก reinforces อย่างต่อเนื่อง "เฝ้าระวังพฤติกรรม" (p. 444) Muise et al. (2009) พบว่า ผู้เข้าร่วมสามารถไตร่ตรองเป็นรอบนี้อึมครึม แต่มักจะไม่สามารถทำลายมัน อ้างถึงธรรมชาติของเสพติด แน่นอน เป็น overreliance ใน Facebook มากขึ้นโดยทั่วไปอาจหมายถึงที่ยุติใช้ได้เท่าใด: ภัณฑ์เชลด้อนและ Hinsch (ตามที่อ้างในภัณฑ์เชลด้อน et al., 2011) พบว่าลดใช้ correlated กับ "ลดการรุกราน procrastination และผลลบ และมีเพิ่มชีวิตความพึงพอใจ แต่ยังเกี่ยวข้องกับผลบวกลดลง"(ภัณฑ์เชลด้อน et al., 2011, p. 773)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Facebook นอกจากนี้ยังมีศักยภาพที่จะสร้างปัญหา RealWorld ที่ไม่ได้ก่อนหน้านี้ที่มีอยู่.
ในการตรวจสอบบทบาทที่เล่นโดยใช้ Facebook ในความสัมพันธ์ที่โรแมนติกเช่น Muise et al, (2009) พบว่าการใช้เว็บไซต์ที่สามารถนำไปสู่ความหึงหวงที่เพิ่มขึ้นและ / หรือพฤติกรรมครอบงำเป็นผลมาจากโอกาสที่จะให้ผู้ใช้สามารถ "เข้าถึง . . ข้อมูลเกี่ยวกับพันธมิตรของพวกเขาที่จะไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างอื่น "(พี. 443) นี้ในการเปิดบวกอย่างต่อเนื่องตอกย้ำ "พฤติกรรมการเฝ้าระวัง" (พี. 444) Muise et al, (2009) พบว่าผู้เข้าร่วมก็สามารถที่จะสะท้อนให้เห็นถึงอคติในวงจรนี้ แต่มักจะไม่สามารถที่จะทำลายมันอ้างธรรมชาติเสพติด อันที่จริงการ overreliance บน Facebook โดยทั่วไปมากขึ้นอาจหมายถึงการหยุดชะงักของการใช้งานที่สามารถมีผลกระทบ: เชลดอนและ Hinsch (. ในกรณีที่เชลดอน et al, 2011) พบว่าการลดลงในการใช้งานมีความสัมพันธ์กับ "ความก้าวร้าวลดลงชะลอและลบส่งผลกระทบต่อ และมีชีวิตที่เพิ่มขึ้นความพึงพอใจ แต่มันก็ยังเกี่ยวข้องกับที่ลดลงส่งผลกระทบในเชิงบวก
"(เชลดอนet al., 2011, น. 773)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

Facebook ก็มีศักยภาพที่จะสร้าง realworld ปัญหาที่ไม่เคยมีอยู่ .
ในการตรวจสอบบทบาทของ Facebook ในความสัมพันธ์ ตัวอย่างเช่น muise et al . ( 2009 ) พบว่า เว็บไซต์ที่ใช้สามารถนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความหึงหวงและ / หรือพฤติกรรมหมกมุ่น ผลของโอกาสให้ผู้ใช้สามารถ " เข้าถึง . . . . . . .ข้อมูลเกี่ยวกับพันธมิตรของพวกเขาจะไม่เป็นอย่างอื่นจะสามารถเข้าถึงได้ " ( หน้า 443 ) นี้ , ในการเปิด , บวก reinforces อย่างต่อเนื่อง " พฤติกรรมการเฝ้าระวัง " ( หน้า 1 ) muise et al . ( 2009 ) พบว่าผู้เข้าร่วมสามารถสะท้อนอคติในรอบนี้ร้ายกาจ แต่มักจะไม่สามารถที่จะทำลายมัน อ้างธรรมชาติเสพติดของ แน่นอนการ overreliance บน Facebook มากขึ้นโดยทั่วไปอาจหมายถึงการใช้สามารถมีผลกระทบเชิงลบ : เชลดอนและ hinsch ( อ้างถึงใน เชลดอน et al . , 2011 ) พบว่ามีความสัมพันธ์กับการใช้ " ลดความก้าวร้าว การผัดวันประกันพรุ่ง และมีผลเชิงลบ และเพิ่มความพึงพอใจในชีวิต แต่มันก็ยังเกี่ยวข้องกับการลดลงส่งผลกระทบต่อ " บวก
( Sheldon et al . , 2011 , หน้า 25 ) .