Yield of rainfed lowland rice is co

Yield of rainfed lowland rice is commonly low because of frequent drought and low fertiliser input. Seven experiments were conducted in Thailand in the period 1993–1995 where effects of various fertiliser regimes: nil, farmyard manure, chemical fertiliser with different rates of N were examined under irrigated and rainfed conditions. The objective of these experiments was to quantify irrigation, fertiliser and their combined effects on crop growth and grain yield of lowland rice. While there was not always standing water in the rainfed paddy, no severe water stress developed in any experiment. The yield, however, was lower by up to 65% under rainfed conditions compared to that obtained under irrigated conditions, and the reduction in yield was greater when no fertiliser was applied. Fertiliser application improved yield under both rainfed and lowland conditions in all experiments, and was particularly effective under rainfed conditions. The mean yield increase due to the farmyard manure application was 850 kg ha−1, while that of chemical fertiliser was 1000 kg ha−1. Farmyard manure was as effective as chemical fertiliser, provided the manure contained high nutrient content. Increased N rate at an adequate level of P and K supply increased grain yield by about 10 kg kg−1 (applied N) in treatments with adequate water. The positive effect of fertiliser and irrigation was mostly through greater total dry matter production and panicle number with little effect on harvest index. It is concluded that without severe water stress, grain yield of rainfed lowland rice can be increased with increased nutrient availability. This can be achieved by maintaining standing water for longer or by applying an appropriate fertiliser.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลผลิตของข้าวราบ rainfed จะต่ำโดยทั่วไปเนื่องจากภัยแล้งบ่อยครั้งและป้อนข้อมูลต่ำสุด fertiliser 7 ได้ดำเนินการทดลองในประเทศไทยในช่วงปี 1993-1995 ซึ่งลักษณะพิเศษของระบอบ fertiliser ต่าง ๆ: nil, farmyard มูล fertiliser เคมีราคาแตกต่างกันของ N มีการตรวจสอบภายใต้ชลประทาน และ rainfed เงื่อนไข วัตถุประสงค์ของการทดลองเหล่านี้คือการ กำหนดปริมาณการชลประทาน fertiliser และพืชเจริญเติบโตและเมล็ดข้าวผลผลิตข้าวราบผลรวม ในขณะที่ยังไม่มีการเสมอยืนน้ำในนา rainfed พัฒนาความเครียดไม่รุนแรงน้ำในการทดลองใด ๆ ผลตอบแทน ไร ต่ำกว่าถึง 65% ภายใต้เงื่อนไข rainfed เมื่อเทียบกับที่ได้รับภายใต้เงื่อนไขยาม และลดผลตอบแทนมากขึ้นเมื่อใช้ fertiliser ไม่ Fertiliser โปรแกรมประยุกต์ปรับปรุงผลผลิต rainfed และราบเงื่อนไขในการทดลองทั้งหมด และมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้เงื่อนไข rainfed ผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเนื่องจากโปรแกรมประยุกต์ farmyard มูลถูกกก. ha−1 ในขณะที่สารเคมี fertiliser ha−1 กิโลกรัม Farmyard มูลมีประสิทธิภาพที่ fertiliser เคมี ให้มูลที่ประกอบด้วยเนื้อหาธาตุอาหารสูง อัตรา N เพิ่มขึ้นในระดับเพียงพอของ P และ K เพิ่มผลผลิตข้าว โดยประมาณ 10 กก. kg−1 (ใช้ N) ในการรักษาน้ำอย่างเพียงพอ ผลบวกของ fertiliser และชลประทานผ่านมากกว่าผลรวมแห้งผลิตและ panicle หมายเลขดัชนีการเก็บเกี่ยวผลน้อยส่วนใหญ่ได้ มันจะสรุปว่า ไม่ มีความเครียดรุนแรงน้ำ ผลผลิตเมล็ดข้าวราบ rainfed สามารถเพิ่มได้ ด้วยพร้อมธาตุอาหารเพิ่มขึ้น นี้สามารถทำได้ โดยการเก็บน้ำยืนนานกว่า หรือ โดยใช้การ fertiliser ที่เหมาะสม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลผลิตของข้าวที่ลุ่มน้ำฝนเป็นปกติต่ำเพราะภัยแล้งบ่อยและใส่ปุ๋ยต่ำ เซเว่นได้ทำการทดลองในประเทศไทยในช่วง 1993-1995 ซึ่งผลกระทบของระบบการให้ปุ๋ยต่างๆ: ศูนย์, ปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมีที่มีอัตราที่แตกต่างกันยังไม่มีมีการตรวจสอบภายใต้เงื่อนไขการชลประทานและน้ำฝน วัตถุประสงค์ของการทดลองเหล่านี้ก็เพื่อต้องการทราบชลประทานปุ๋ยและผลรวมของพวกเขาในการเจริญเติบโตของพืชผลและผลผลิตของข้าวที่ลุ่ม ในขณะที่มีไม่ได้เสมอยืนน้ำในนาน้ำฝนไม่ขาดน้ำอย่างรุนแรงได้รับการพัฒนาในการทดลองใด ๆ ผลผลิต แต่ลดลงได้ถึง 65% ภายใต้เงื่อนไขที่น้ำฝนเมื่อเทียบกับที่ได้รับภายใต้เงื่อนไขการชลประทานและการลดลงของอัตราผลตอบแทนที่เป็นมากขึ้นเมื่อไม่ใส่ปุ๋ยถูกนำมาใช้ การประยุกต์ใช้ปุ๋ยที่ดีขึ้นภายใต้ผลผลิตทั้งน้ำฝนและสภาพที่ลุ่มในการทดลองทั้งหมดและมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้เงื่อนไขที่อาศัยน้ำฝน เพิ่มผลผลิตเฉลี่ยเนื่องจากการประยุกต์ใช้ปุ๋ยคอกเป็น 850 กิโลกรัมต่อเฮกตาร์-1, ในขณะที่ปุ๋ยเคมีเป็น 1,000 กิโลกรัมต่อเฮกตาร์-1 ปุ๋ยคอกเป็นที่มีประสิทธิภาพเป็นปุ๋ยเคมีให้ปุ๋ยที่มีปริมาณสารอาหารสูง เพิ่มอัตราการไม่มีอยู่ในระดับที่เพียงพอของ P และ K ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นอุปทานโดยประมาณ 10 กก. กก-1 (ใช้ N) ในการรักษาที่มีน้ำเพียงพอ ผลบวกของปุ๋ยและการชลประทานเป็นส่วนใหญ่ผ่านการผลิตแห้งรวมมากขึ้นและจำนวนช่อที่มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับดัชนีการเก็บเกี่ยว ซึ่งสรุปได้ว่าไม่มีการขาดน้ำอย่างรุนแรงผลผลิตข้าวที่ลุ่มน้ำฝนจะเพิ่มขึ้นมีความพร้อมสารอาหารที่เพิ่มขึ้น นี้สามารถทำได้โดยการรักษาที่ยืนอยู่ในน้ำได้นานหร​​ือโดยการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลผลิตข้าวนาน้ำฝนต่ำโดยทั่วไปเพราะภัยแล้งบ่อยและใส่ปุ๋ยน้อย 7 การทดลองในประเทศไทยในช่วงปี 2536 – 2538 ซึ่งผลของความเข้มข้นปุ๋ยต่างๆ : ศูนย์การใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยเคมี ด้วยอัตราที่แตกต่างกันของมีการชลประทานและน้ำฝน ภายใต้เงื่อนไข วัตถุประสงค์ของการทดลองนี้คือ วัดชลประทานปุ๋ย และผลของพวกเขารวมต่อการเจริญเติบโตของพืชและผลผลิตของข้าวนา ในขณะที่มีไม่ได้เสมอยืนน้ำในนาน้ำฝน ไม่รุนแรง น้ำความเครียดพัฒนาในการทดลอง ผลผลิต แต่ลดลงถึง 65% ภายใต้สภาพการใช้น้ำฝนเมื่อเทียบกับที่ได้รับภายใต้เงื่อนไข ชลประทาน และลดผลผลิตได้มากขึ้นเมื่อไม่มีปุ๋ยคือใช้ในโปรแกรมการปรับปรุงผลผลิตภายใต้ทั้งน้ำฝนและสภาพที่ลุ่มในการทดลองทั้งหมดและมีประสิทธิภาพโดยอาศัยภายใต้เงื่อนไข ค่าเฉลี่ยผลผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากการใช้ปุ๋ยคอกที่ใช้คือ 850 กิโลกรัม ฮา − 1 ขณะที่ปุ๋ยเคมีได้ 1000 กกฮา− 1 การใส่ปุ๋ยคอกคือเป็นผลเป็นปุ๋ยเคมีให้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารสูง เพิ่มไนโตรเจนในระดับที่เพียงพอของ P และ K จัดหาผลผลิตของเมล็ดเพิ่มขึ้นประมาณ 10 กกกก− 1 ( ประยุกต์ ) ในการรักษาด้วยน้ำที่เพียงพอ ผลในเชิงบวกของปุ๋ยและการชลประทานส่วนใหญ่ผ่านผลผลิตรวม และจำนวนช่อผลเล็กน้อยในดัชนีการเก็บเกี่ยวมากขึ้นสรุปได้ว่า ไม่มีรุนแรงน้ำความเครียด ผลผลิตของข้าวนาน้ำฝนสามารถเพิ่มขึ้นและด้วยสารอาหารเพิ่มขึ้น นี้สามารถทำได้โดยการรักษาน้ำยืน นาน หรือ โดยการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม