The Romanticism is in general the t

The Romanticism is in general the term used to describe a revolt against the strictness of the Age of Reason Generally speaking, the Romantic period was a time of change and revolution in Britain and Euro society. Two great revolutions worth mentioning are the Industrial Revolution and the French Revolution. These two revolutions lead to a great extent affected the life style of English people the way the created lite any works at that.
The Romantic period lasts about forty years, from the French Revolution in 1789 to the Reform Act of 1832. It is sometimes called the Age of Revolutions. But the reign of terror in France began in 1793, the period of Napoleon followed rapidly, and by the early 1800s most of Europe was at war against France. So the poetry of the Romantics, from Wordsworth and Coleridge?s Lyrical Ballads (1798), is in many ways poetry of war. Society was changing, becoming industrial rather than agricultural as towns and cities developed. The government encouraged free trade. The new middle class became powerful, and there were moves towards voting reform and greater democracy. But change was slow, and there was a lot of suffering especially among the poor

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จิตนิยมที่โดยทั่วไปเป็นคำที่ใช้เพื่ออธิบายการปฏิวัติกับ strictness ของอายุของเหตุผลโดยทั่วไป ระยะเวลาโรแมนติกเป็นเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและการปฏิวัติในสังคมอังกฤษและยูโร สองดีปฏิวัติมูลค่าการกล่าวขวัญเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมและปฏิวัติฝรั่งเศส เหล่านี้รอรอบสองในระดับดีผลกระทบรูปแบบชีวิตของคนอังกฤษวิธีสร้าง lite ผลงานใด ๆ ที่ระยะเวลาโรแมนติกเป็นเวลาประมาณสี่สิบปี จากการปฏิวัติฝรั่งเศสในค.ศ. 1789 การ Reform Act ของ 1832 บางครั้งเรียกว่ายุคปฏิวัติ แต่ความหวาดกลัวของรัชสมัยในฝรั่งเศสเริ่มใน 1793 ระยะเวลาของนโปเลียนตามอย่างรวดเร็ว และ โดยช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ส่วนใหญ่ของยุโรปคือเวลาสงครามกับฝรั่งเศส ดังบทกวีของคู่รัก จาก Wordsworth Coleridge ? s น้อยจอมเวทบัลลาดส์ (1798), เป็นหลายวิธีกวีของสงคราม สังคมมีการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นอุตสาหกรรม มากกว่าเกษตรกรรมเป็นเมืองและเมืองพัฒนา รัฐบาลส่งเสริมการค้าเสรี ชั้นกลางใหม่กลายเป็นมีประสิทธิภาพ และมีไปสู่เสียงปฏิรูปและประชาธิปไตยมากขึ้น แต่เปลี่ยนแปลงช้า และมีจำนวนมากของความทุกข์ทรมานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนยากจน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แนวโรแมนติกอยู่ในทั่วไปคำที่ใช้เพื่ออธิบายการก่อจลาจลกับความเข้มงวดของยุคแห่งเหตุผลโดยทั่วไปในระยะเวลาโรแมนติกเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงและการปฏิวัติในสหราชอาณาจักรและยูโรสังคม รอบสองที่ดีมูลค่าการกล่าวขวัญมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการปฏิวัติฝรั่งเศส สองคนนี้นำไปสู่การปฏิวัติในระดับที่ดีได้รับผลกระทบวิถีชีวิตของผู้คนภาษาอังกฤษวิธีการสร้าง Lite งานใด ๆ ที่ว่า.
ระยะเวลาโรแมนติกเป็นเวลาประมาณสี่สิบปีจากการปฏิวัติฝรั่งเศสใน 1789 พระราชบัญญัติการปฏิรูปของ 1832 มันเป็นบางครั้งเรียกว่า ยุคของการปฏิวัติ แต่รัชสมัยของความหวาดกลัวในฝรั่งเศสเริ่มต้นขึ้นใน 1793 ระยะเวลาของนโปเลียนที่ใช้อย่างรวดเร็วและโดยต้นปี 1800 ส่วนใหญ่ของยุโรปกำลังทำสงครามกับฝรั่งเศส ดังนั้นบทกวีโรแมนติกจากเวิร์ดสเวิร์และโคลริดจ์? s Lyrical Ballads (1798) ที่เป็นในหลาย ๆ บทกวีของสงคราม สังคมก็เปลี่ยนกลายเป็นอุตสาหกรรมมากกว่าการเกษตรเมืองและเมืองพัฒนา รัฐบาลได้รับการสนับสนุนการค้าเสรี ชนชั้นกลางใหม่กลายเป็นที่มีประสิทธิภาพและมีการเคลื่อนไหวไปสู่การปฏิรูปการออกเสียงลงคะแนนและความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงได้ช้าและมีเป็นจำนวนมากของความทุกข์ทรมานโดยเฉพาะในหมู่คนยากจน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ช่างโรแมนติกโดยทั่วไปเป็นคำที่ใช้อธิบายต่อต้านความเข้มงวดของอายุของเหตุผลโดยทั่วไปการพูด , สมัยโรแมนติกเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงและการปฏิวัติในอังกฤษและยุโรปสังคม สองดีการปฏิวัติมูลค่าการกล่าวขวัญคือการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการปฏิวัติฝรั่งเศส สองคนนี้การปฏิวัติไปสู่ระดับที่ดีมีผลต่อวิถีชีวิตของคนอังกฤษวิธีสร้าง Lite ใด ๆที่ทำงานที่ยุคโรแมนติกกินเวลาประมาณสี่สิบปี จากการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789 เพื่อปฏิรูปกฎหมาย 1832 . มันเป็นบางครั้งเรียกว่ายุคแห่งการปฏิวัติ แต่รัชสมัยของความหวาดกลัวในฝรั่งเศสเริ่มใน 1793 , ระยะเวลาของนโปเลียนตามมาอย่างรวดเร็วและโดยปี 1800 เร็วที่สุดของยุโรปอยู่ในสงครามกับฝรั่งเศส ดังนั้น บทกวีของโรแมนติกจากเวิร์ดสเวิร์ธกับโคลริดจ์ ? s ซึ่งเป็นเพลงบัลลาด ( 1798 ) ในหลาย ๆบทกวีแห่งสงคราม สังคมได้เปลี่ยนไปเป็นเกษตรอุตสาหกรรม มากกว่า เป็นเมืองที่พัฒนาแล้ว รัฐบาลสนับสนุนให้มีการค้าเสรี ชนชั้นกลางใหม่กลายเป็นที่มีประสิทธิภาพ และมีการย้ายสู่การปฏิรูปการลงคะแนนเสียงและประชาธิปไตยมากขึ้น . แต่การเปลี่ยนแปลงช้า และมีทุกข์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนยากจน