Patton (1990) believes that the ter

Patton (1990) believes that the terms objectivity and subjectivity have become "ideological ammunition in the paradigms debate." He prefers to "avoid using either word and to stay out of futile debates about subjectivity versus objectivity." Instead, he strives for "empathic neutrality" (p. 55). While admitting that these two words appear to be contradictory, Patton points out that empathy "is a stance toward the people one encounters, while neutrality is a stance toward the findings" (p. 58). A researcher who is neutral tries to be non-judgmental, and strives to report what is found in a balanced way.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แพททัน (1990) เชื่อว่า เงื่อนไขปรวิสัยและ subjectivity ได้กลายเป็น "อุดมการณ์กระสุนในการอภิปราย paradigms " เขาต้องการ "หลีกเลี่ยงการใช้คำใดและมากดำเนินลม ๆ แล้ง ๆ เกี่ยวกับ subjectivity กับปรวิสัย. " แทน เขามุ่งมั่นใน "ความเป็นกลาง empathic" (p. 55) ในขณะที่ admitting ว่า คำสองคำนี้ปรากฏเป็นความขัดแย้ง แพททันชี้ออกเอาใจใส่ว่า "แบบอย่างคนหนึ่งพบ ความเป็นกลางเป็น ตัวอย่างที่พบคือ" (p. 58) นักวิจัยที่เป็นกลางพยายามที่จะไม่ judgmental และจะรายงานสิ่งที่พบในลักษณะสมดุล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แพตตัน (1990) เชื่อว่าความเป็นกลางข้อกำหนดและส่วนตัวได้กลายเป็น "กระสุนอุดมการณ์ในการอภิปรายกรอบ". เขาชอบที่จะ "หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดอย่างใดอย่างหนึ่งและพักออกจากการอภิปรายเกี่ยวกับการกระทำที่ไร้ประโยชน์เมื่อเทียบกับความเป็นกลาง". แต่เขามุ่งมั่นเพื่อ "ความเป็นกลางเอาใจใส่" (พี. 55) ขณะที่ยอมรับว่าสองคนนี้คำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นตรงกันข้ามแพตตันชี้ให้เห็นว่าการเอาใจใส่ "เป็นท่าทางที่มีต่อคนที่หนึ่งพบในขณะที่ความเป็นกลางเป็นท่าทางที่มีต่อผลการวิจัย" (พี. 58) นักวิจัยที่เป็นกลางพยายามที่จะไม่ตัดสินและมุ่งมั่นที่จะรายงานสิ่งที่พบได้ในลักษณะที่สมดุล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แพตตัน ( 1990 ) เชื่อว่า เงื่อนไขแบบส่วนตัว และได้กลายเป็น " ลัทธิกระสุนปืนในกระบวนทัศน์การอภิปราย " เขาชอบที่จะ " หลีกเลี่ยงการใช้คำและพักออกจากการอภิปรายเกี่ยวกับจิตวิสัยไร้ประโยชน์เมื่อเทียบกับเป้าหมาย " แทน เขามุ่งมั่นเพื่อ " ความเป็นกลาง เห็นอกเห็นใจ " ( หน้า 55 ) ขณะที่ยอมรับว่าสองคำนี้ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกันแพตตันชี้ให้เห็นว่าเอาใจใส่ " เป็นท่าทางที่มีต่อผู้คนหนึ่งที่พบในขณะที่ความเป็นกลางเป็นท่าทางที่มีต่อผล " ( 100 หน้า ) นักวิจัยที่เป็นกลาง พยายามจะไม่ตัดสิน และมุ่งมั่นที่จะรายงานสิ่งที่พบในทางสมดุล