1*As it can be seen from the table,

1*As it can be seen from the table, Singapore has the total net inflow in highest comparing from 2012, it was 72,0883.3 USD, while in Thailand got the total rest inflow for 11,537.9 USD. Foreign direct investment (FDI) that are shined among ASEAN countries are; Indonesia, Malaysia, Philippines, Singapore and Thailand, It was noticeable that Singapore received the biggest share of the region for in 50% in 2013, followed by Indonesia at 15.1%, and Thailand at 10.6%, Due to Thailand has experienced an inward FDI that was driven economy for the past

2*However, now there are several economic structural changes in Thailand such as shortages of labor supply, 15,000 Baht wage rise policy which highly affect the outward FDI. Nevertheless, comparing to Singapore, Thailand’s outward FDI performance is still at low level. Another reason is thatThailand has a more aging problem than Singapore. The aging problem in Thailand causes a decline in labor forces and shortage of labors. Hence, the
shortage in operational labors and the higher wage rate, has led to an increase in Thailand’s outward FDI (Kornkarun&Juntip, 2014).While, the modern economic history of Singapore is at advantage and it resulted in the per capita GDP of Singapore of US$ 516; in 2010, and it was increased remarkably in only 45 years, this means that the rapid economic growth and strong international trade performance in Singapore have accompanied with an increase of in IFDI flows as well. Additionally, Singapore has long welcomed foreign multinational enterprises and was supported well by its Ministry of Trade and Industry, which resulted in over 7,000 foreign MNEs have operations. However, the natural disaster such as the earthquake and its aftermath in Japan in 2011, the floods in Thailand, the Eurozone debt crisis, and the United State economic downturn are the factors that affect Singapore economy and economic activities. Singapore has a better sustainable development plan than Thailand since 2002, Singapore has its policy consideration for economy including to Environment Agency and Environmental Public Health Division as well as Meteorological Service Department of the Ministry of Transport. These supports have an impact on foreign direct investments.

3*Meanwhile, Thailand has been dealing with political instability, which can be seen from having15 coups in 33 years, and the prolongation of political issues remained up until now. This factor is a concern for Thailand foreign investment. Also, corruption, staff shortages, legal risks and developing infrastructures are the effects of the economic growth and the country FDI as well .

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1 * ในขณะที่มันสามารถมองเห็นได้จากตารางสิงคโปร์มีการไหลเข้าสุทธิรวมในที่สูงที่สุดเมื่อเทียบจากปี 2012 มันเป็น 72,0883.3 เหรียญสหรัฐในขณะที่ในประเทศไทยมีการไหลเข้าส่วนที่เหลือรวมสำหรับ 11,537.9 ดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มีการส่องในกลุ่มประเทศอาเซียนคือ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์และไทยมันเป็นที่เห็นได้ชัดว่าสิงคโปร์ได้รับส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคใน 50% ในปี 2013 ตามมาด้วยอินโดนีเซียที่ 15.1% และไทยที่ 10.6% เนื่องจากประเทศไทยมีประสบการณ์การลงทุนโดยตรงจากภายใน ที่ได้รับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ผ่านมา2 * แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจหลายในประเทศไทยเช่นการขาดแคลนของอุปทานแรงงานนโยบายการเพิ่มขึ้นของค่าจ้าง 15,000 บาทซึ่งสูงส่งผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรงออกไปด้านนอก อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ที่มีประสิทธิภาพออกไปลงทุนจากต่างประเทศของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ เหตุผลก็คือ thatThailand มีปัญหาริ้วรอยมากขึ้นกว่าที่สิงคโปร์ ปัญหาริ้วรอยในประเทศไทยทำให้เกิดการลดลงของแรงงานและการขาดแคลนแรงงาน ดังนั้นปัญหาการขาดแคลนในแรงงานในการดำเนินงานและอัตราค่าจ้างที่สูงขึ้นได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของการลงทุนโดยตรงออกไปด้านนอกของประเทศไทย (Kornkarun และ Juntip 2014) .While ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจที่ทันสมัยของสิงคโปร์ที่ได้เปรียบและจะส่งผลให้จีดีพีต่อหัวของสิงคโปร์ สหรัฐ $ 516; ในปี 2010 และจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งได้ในเวลาเพียง 45 ปีซึ่งหมายความว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพการค้าระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งในสิงคโปร์ได้มาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นใน IFDI ไหลเช่นกัน นอกจากนี้สิงคโปร์ได้รับการต้อนรับยาว บริษัท ข้ามชาติต่างประเทศและได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากที่กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมซึ่งส่งผลให้กว่า 7,000 MNEs ต่างประเทศมีการดำเนินงาน แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่นแผ่นดินไหวและผลที่ตามมาในประเทศญี่ปุ่นในปี 2011 น้ำท่วมในประเทศไทยที่วิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สิงคโปร์มีแผนพัฒนาที่ยั่งยืนดีกว่าประเทศไทยตั้งแต่ปี 2002 สิงคโปร์มีการพิจารณานโยบายเศรษฐกิจรวมทั้งการสำนักสิ่งแวดล้อมและกองสาธารณสุขสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกับบริการอุตุนิยมวิทยากรมกระทรวงคมนาคม การสนับสนุนเหล่านี้มีผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ. 3 * ​​ในขณะที่ประเทศไทยได้รับการติดต่อกับความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งสามารถเห็นได้จาก having15 รัฐประหารใน 33 ปีและขยายออกของปัญหาทางการเมืองที่ยังคงอยู่จนถึงขณะนี้ ปัจจัยนี้เป็นกังวลสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีการทุจริตการขาดแคลนบุคลากรที่มีความเสี่ยงทางกฎหมายและโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาที่มีผลกระทบของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนจากต่างประเทศของประเทศได้เป็นอย่างดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 * มันสามารถเห็นได้จากตาราง สิงคโปร์มีการไหลเข้าสุทธิรวมสูงสุดเมื่อเทียบจากปี 2012 มัน 720883.3 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ประเทศไทยมีปริมาณที่เหลือทั้งหมดเพื่อ 11537.9 USD การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ( FDI ) ที่ส่องในอาเซียน คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทยมันเห็นได้ชัดว่า สิงคโปร์ได้รับส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคใน 50 % ในปี 2013 ตามด้วยอินโดนีเซียที่ 15.1% และประเทศไทยที่ 10.6 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากประเทศไทยมีมีประสบการณ์การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอด

2 * แต่ตอนนี้ มีหลายการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจของไทย เช่น การขาดแคลนอุปทานแรงงาน 15000 บาท ค่าจ้างสูงขึ้น นโยบายที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนภายนอกสูง อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ประสิทธิภาพ FDI ของไทยภายนอกยังอยู่ในระดับต่ำ อีกเหตุผลหนึ่งคือ ประเทศไทยมีปัญหาริ้วรอยมากขึ้นกว่าสิงคโปร์ ผู้สูงอายุในประเทศไทย สาเหตุการลดลงของปัญหาแรงงานและการขาดแคลนแรงงาน ดังนั้น ในการขาดแรงงาน
และค่าจ้างที่สูงขึ้นอัตราได้ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นในการลงทุนโดยตรงจากภายนอกประเทศ ( kornkarun & juntip 2014 ) ขณะ ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสิงคโปร์อยู่ที่ประโยชน์และจะส่งผลให้ GDP ต่อหัวของสิงคโปร์ที่ US $ 516 ; ในปี 2010 และเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งเพียง 45 ปีซึ่งหมายความว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและแข็งแรง การค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมกันแสดงในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นใน ifdi ไหลเช่นกัน นอกจากนี้ สิงคโปร์ ได้ให้การต้อนรับ องค์กรข้ามชาติต่างประเทศและได้รับการสนับสนุนโดยกระทรวงของการค้าและอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลให้มากกว่า 7000 ต่างประเทศ spillover effect มีการดําเนินงาน อย่างไรก็ตามภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และผลที่ตามมาในญี่ปุ่นในปี 2011 , น้ำท่วมประเทศไทย , วิกฤตหนี้ยูโรโซน และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ เป็นปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจสิงคโปร์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ . สิงคโปร์มีแผนพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ดีกว่าประเทศไทย ตั้งแต่ 2002สิงคโปร์มีการพิจารณานโยบายเศรษฐกิจ รวมถึงหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม และกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแผนกบริการอุตุนิยมวิทยาของกระทรวงคมนาคม สนับสนุนเหล่านี้มีผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

3 * ส่วนประเทศไทยได้เผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งจะเห็นได้จาก having15 รัฐประหารใน 33 ปีและการปัญหาการเมืองอยู่จนถึงตอนนี้ ปัจจัยนี้เป็นปัญหาสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศไทย ยัง คอรัปชั่น การขาดแคลนพนักงาน ความเสี่ยงทางกฎหมายและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคือผลของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศได้เป็นอย่างดี