spirit in order to determine studen

spirit in order to determine student outcomes and also play the role of coordinator to assist students and teachers
in teaching and learning activities (Leithwood, 2006).
1.4 Effective System as the Transformational Tool
School development is the critical role of school principals (MacNeill and others, 2003). They also play integral
roles as school leaders in bringing about achievement and success for students through supporting, conserving
and preserving the school environment through strategic plans to reinforce the effectiveness of teaching and
learning for sustainable development of teaching profession (Hoy & Hoy, 2003). It is pivotal to take into account
the efficiency of the school leaders who are capable of working in teams and initiating solution-based
mechanism in practically strengthening the sustainability of the school’s development. Therefore, it is
indispensable to have educational leaders pertaining to the politically ethical virtues, understanding the societal,
economic, and human-kind needs, realizing the inter-related needs of the government and society, understanding
to be accountable and conceptualizing professional possibilities. School is one of the key components of the
society inter-dependent in management structures and other inter-related infrastructures in both formal and
informal manners engaged in decision making in educational management (Cunningham and Cordeiro, 2003).
Wad Banpang School, under the Office of Basic Education Commission, the Office of Roi-Et Primary
Educational Service Area 1, included a total of 158 students, 1 administrator, and 10 teachers. It is a school with
quality of academic management work lower than standard. According to O-NET, and ranking in achievement
learning, it was ranked in 228th out of 235 schools, and willing to participate in the research. Therefore, the
researcher selected Wad Banpang School for academic administration system (Office of Roi-Et Primary
Educational Service Area 1, 2010).
2. Objectives of Study
This research aimed: 1) to investigate the current situations and problems of academic affairs administration
system in Thai primary schools, 2) to develop the effective academic affairs administration system, and 3) to
evaluate the implementation of the developed system in the primary school.
3. Method and Instruments
Research and Development (R&D) was employed for this study by using mixed methods research techniques by
collecting data through quantitative as well as qualitative technique. This study is designed to develop the
academic affairs administration system in Thai primary schools and is divided into three stages:
1) the survey of the current situations and problems of academic affairs administration systems from the samples
of 750 primary school administrators and heads of school academic affairs who were respondents by using the
questionnaire as 5 Level Rating Scale. Data were analyzed by calculating the Mean, and Standard Deviation, 2)
the design of effective academic affairs administration system in primary school, including: 2.1 the study of
academic administration systems in 2 schools with best practices by interviewing the responsible school
administrators and academic teachers via the semi-structured Interview, and 2.2 the outlining of effective
academic affairs administration system in primary school by using data from Stage 1, and the study of best
practices, and investigation as well as evaluation of the system by 9 experts. The research instruments consisted
of the System Evaluation Form as 5 level rating scale. Data were analyzed by calculating the Mean, and
Standard Deviation, and 3) the usage of developed system in Wad Banpang primary school. Data were collected
by collecting the findings in usage of documentary analysis, O-NET examination report, and analyzing data by
comparing the test performance with O-NET evaluative criterion, and using the questionnaire of the
administrators and teachers’ satisfaction on system use, 5 level rating scale. The key informants were 1
administrator and 10 teachers. Data were analyzed by calculating the Mean, and Standard Deviation.
4. Results
The following results of the study, respective of research objectives were as follows.
4.1 Current Situations of Thai Primary Schools Academic Affairs Administration System
The practices were at high level. considering each aspect of academic affairs, the practices were also at high
level as well. problems as a whole and individual aspects were at moderate level.
4.2 The Findings of Effective Academic Affairs Administration System in Primary School were as Follows
4.2.1 The Input Factor
The Input Factor consisted of: the administrators’ academic leadership, teachers’ competency, students’
characteristics, learning process management, learning environmental management, and obtained resources.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จิตวิญญาณเพื่อกำหนดผลการเรียน และเล่นบทบาทของผู้ประสานงานให้ความช่วยเหลือนักเรียนและครูในการสอน และการเรียนรู้กิจกรรม (Leithwood, 2006)1.4 ระบบเครื่องมือภาวะผลโรงเรียนพัฒนาเป็นบทบาทสำคัญของโรงเรียนหลัก (MacNeill และคนอื่น ๆ 2003) พวกเขายังเล่นเป็นบทบาทเป็นผู้นำของโรงเรียนในการนำความสำเร็จและความสำเร็จสำหรับนักเรียนที่ผ่านการสนับสนุน อนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมโรงเรียนแผนกลยุทธ์ในการเสริมประสิทธิภาพการสอน และเรียนรู้การพัฒนายั่งยืนการสอนอาชีพ (หอยและหอย 2003) จึงแปรถึงประสิทธิภาพของผู้นำโรงเรียนที่มีความสามารถในการทำงานในทีม และเริ่มต้นใช้โซลูชันกลไกในการเสริมสร้างความยั่งยืนของการพัฒนาของโรงเรียนจริง ดังนั้น จึงเป็นสำคัญต้องศึกษาผู้นำเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมทางการเมือง ศึกษาการนิยมเศรษฐกิจ และบุคคลชนิดความต้องการ ตระหนักถึงความเกี่ยวข้องระหว่างรัฐบาล และสังคม ความเข้าใจจะ ไปทำงานรับผิดชอบ และอยู่ตามพรมแดน โรงเรียนเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของการสังคมระหว่างผู้อยู่ในอุปการะในโครงสร้างการจัดการและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างโครงสร้างพื้นฐานในระบบทั้งสอง และมารยาทเป็นหมั้นในการตัดสินใจในการจัดการศึกษา (คันนิงแฮมและ Cordeiro, 2003)Wad Banpang โรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานร้อยเอ็ดหลักศึกษาบริการตั้ง 1 รวมทั้งหมดนักเรียน 158 ผู้ดูแลระบบ 1 และครู 10 เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพของงานการจัดการศึกษาที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ตาม O-NET และจัดอันดับในความสำเร็จเรียนรู้ มันถูกจัดอันดับใน 228th จากโรงเรียน 235 และยินดีเข้าร่วมในการวิจัย ดังนั้น การนักวิจัยเลือก Wad Banpang โรงเรียนในระบบการจัดการศึกษา (สำนักงานของร้อยเอ็ดหลักศึกษาพื้นที่ 1, 2010)2. วัตถุประสงค์ของการศึกษางานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์: 1) การตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันและปัญหาการบริหารวิชาการระบบในโรงเรียนไทย 2) เพื่อพัฒนาระบบบริหารวิชาการมีประสิทธิภาพ และ 3) เพื่อประเมินการดำเนินงานของระบบที่พัฒนาในโรงเรียนประถม3. วิธีการและเครื่องมือวิจัยและพัฒนา (r&d) ได้ว่าจ้างศึกษานี้ โดยใช้เทคนิคการวิจัยแบบผสมวิธีโดยรวบรวมข้อมูลโดยใช้เทคนิคเชิงปริมาณ เป็นเชิงคุณภาพ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการบริหารวิชาการในโรงเรียนไทย และแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน:1 สำรวจสถานการณ์ปัจจุบันและปัญหาของระบบบริหารวิชาการจากตัวอย่าง)ผู้ดูแลโรงเรียน 750 และหัวของโรงเรียนวิชาการที่ผู้ตอบโดยการแบบสอบถามเป็นมาตราส่วนประเมินระดับ 5 มีวิเคราะห์ข้อมูล โดยคำนวณค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2)การออกแบบระบบการบริหารวิชาการมีประสิทธิภาพในโรงเรียน รวมทั้ง: 2.1 การศึกษาระบบการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน 2 แห่งมีแนวทางปฏิบัติโดยโรงเรียนรับผิดชอบการสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนตัวผู้ดูแลและครูวิชาการผ่านการสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง และ 2.2 กำหนดมีผลบังคับใช้ระบบการบริหารวิชาการในโรงเรียนโดยใช้ข้อมูลจากขั้นตอน 1 การศึกษาที่ดีที่สุดปฏิบัติ และตรวจสอบ ตลอดจนการประเมินระบบโดยผู้เชี่ยวชาญ 9 เครื่องมือวิจัยประกอบด้วยแบบฟอร์มประเมินระบบเป็นมาตราส่วน 5 ระดับคะแนน มีวิเคราะห์ข้อมูล โดยคำนวณค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ 3) การใช้ระบบพัฒนาในโรงเรียน Wad Banpang มีการรวบรวมข้อมูลค้นพบในการใช้วิเคราะห์สารคดี รายงานตรวจสอบ O-NET รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลโดยประสิทธิภาพการทดสอบ O-NET evaluative เกณฑ์เปรียบเทียบ และการใช้แบบสอบถามของความพึงพอใจของครูและผู้ดูแลระบบใช้ มาตราส่วน 5 ระดับคะแนน คุณค่าหลัก 1ผู้ดูแลและครู 10 มีวิเคราะห์ข้อมูล โดยคำนวณค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน4. ผลลัพธ์ผลของการศึกษา ลำดับของวัตถุประสงค์ได้ดังนี้4.1 สถานการณ์ปัจจุบันระบบบริหารวิชาการโรงเรียนไทยการปฏิบัติอยู่ในระดับสูง พิจารณาแต่ละด้านของวิชาการ แนวทางปฏิบัติแนะนำที่สูงระดับเช่น ปัญหาเป็นด้านทั้งหมด และแต่ละอยู่ในระดับปานกลาง4.2 พบของประสิทธิภาพกิจการการจัดการระบบการศึกษาในโรงเรียนมีดังนี้4.2.1 เข้าตัวประกอบด้วยปัจจัยป้อนเข้า: ผู้นำทางวิชาการของผู้ดูแล ความสามารถของครู นักเรียนลักษณะ การเรียนรู้กระบวนการจัดการ การจัดการสิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ และได้รับทรัพยากร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จิตวิญญาณเพื่อตรวจสอบผลงานของนักเรียนและยังมีบทบาทในการประสานงานให้ความช่วยเหลือนักเรียนและครูในการสอนและกิจกรรมการเรียนรู้ (Leithwood 2006). 1.4 ระบบที่มีประสิทธิภาพเป็นเครื่องมือปฏิรูปการพัฒนาโรงเรียนเป็นบทบาทที่สำคัญของผู้บริหารโรงเรียน(MacNeill และอื่น ๆ , 2003) พวกเขายังเล่นหนึ่งบทบาทในฐานะผู้นำในโรงเรียนนำเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสำเร็จสำหรับนักเรียนที่ผ่านการสนับสนุนการอนุรักษ์และรักษาสภาพแวดล้อมของโรงเรียนผ่านแผนกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพของการเรียนการสอนและการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของวิชาชีพครู (เฮ้ยเฮ้ยและ 2003) มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะคำนึงถึงประสิทธิภาพของผู้นำโรงเรียนที่มีความสามารถในการทำงานเป็นทีมและการเริ่มต้นการแก้ปัญหาตามกลไกการเสริมสร้างความเข้มแข็งในทางปฏิบัติความยั่งยืนของการพัฒนาโรงเรียน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะมีผู้นำการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมจริยธรรมทางการเมืองการทำความเข้าใจสังคมเศรษฐกิจและความต้องการของมนุษย์ชนิดตระหนักถึงความต้องการระหว่างที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลและสังคมเข้าใจที่จะรับผิดชอบและความเป็นไปได้คิดออกแบบมืออาชีพ โรงเรียนเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของสังคมระหว่างขึ้นอยู่กับโครงสร้างการบริหารจัดการและโครงสร้างพื้นฐานระหว่างที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการมารยาทมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการจัดการศึกษา (คันนิงแฮมและ Cordeiro, 2003). Wad โรงเรียน Banpang ภายใต้สำนักงาน ของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, สำนักงานร้อยเอ็ดประถมศึกษาเขตพื้นที่การศึกษาที่ 1 รวมทั้งหมด 158 นักเรียนผู้ดูแลระบบที่ 1 และ 10 ครู มันเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพของการจัดการทางวิชาการที่ทำงานต่ำกว่ามาตรฐาน ตามที่ O-NET และการจัดอันดับในผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ก็อยู่ในอันดับ228 จาก 235 โรงเรียนและยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการวิจัย ดังนั้นการเลือกนักวิจัยของโรงเรียน Wad Banpang ระบบการบริหารงานวิชาการ (สำนักงานร้อยเอ็ดประถมศึกษาเขตพื้นที่การศึกษา1, 2010). 2 วัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในปัจจุบันและปัญหาการบริหารงานวิชาการระบบในโรงเรียนประถมศึกษาของไทย2) เพื่อพัฒนาวิชาการที่มีประสิทธิภาพระบบการบริหารงานและ 3) เพื่อประเมินการดำเนินงานของระบบที่พัฒนาแล้วในการที่โรงเรียนประถมศึกษา. 3 วิธีการและเครื่องมือการวิจัยและพัฒนา (R & D) เป็นลูกจ้างสำหรับการศึกษานี้โดยใช้วิธีการผสมเทคนิคการวิจัยโดยการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณผ่านเช่นเดียวกับเทคนิคเชิงคุณภาพ การศึกษาครั้งนี้ได้รับการออกแบบเพื่อพัฒนาวิชาการระบบการบริหารงานในโรงเรียนประถมศึกษาไทยและแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน: 1) การสำรวจของสถานการณ์ปัจจุบันและปัญหาของฝ่ายวิชาการระบบบริหารจากกลุ่มตัวอย่าง750 ผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาและหัวของโรงเรียนวิชาการ กิจการที่เป็นผู้ตอบแบบสอบถามโดยใช้แบบสอบถามเป็น5 ระดับสเกลการจัดอันดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการคำนวณค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2) การออกแบบของวิชาการที่มีประสิทธิภาพระบบการบริหารงานในโรงเรียนประถมศึกษารวมถึง: 2.1 การศึกษาระบบการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน2 กับการปฏิบัติที่ดีที่สุดโดยการสัมภาษณ์โรงเรียนรับผิดชอบต่อผู้บริหารและครูวิชาการผ่านการสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างและ 2.2 สรุปของที่มีประสิทธิภาพวิชาการระบบการบริหารงานในโรงเรียนประถมศึกษาโดยใช้ข้อมูลที่ได้จากขั้นที่1 และการศึกษาที่ดีที่สุดการปฏิบัติและการตรวจสอบเช่นเดียวกับการประเมินผลของระบบโดยผู้เชี่ยวชาญที่9 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบฟอร์มการประเมินผลระบบเป็น 5 ระดับมาตราส่วน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการคำนวณค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและ 3) การใช้งานของระบบที่พัฒนาใน Wad Banpang โรงเรียนประถม เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการเก็บรวบรวมผลการวิจัยในการใช้งานของการวิเคราะห์เอกสารรายงานการตรวจสอบ O-NET และการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทดสอบกับเกณฑ์การประเมินO-NET และการใช้แบบสอบถามของผู้บริหารและความพึงพอใจของครูในการใช้งานระบบ5 ระดับมาตราส่วน ข้อมูลหลักคือ 1 ผู้ดูแลระบบและ 10 ครู วิเคราะห์ข้อมูลโดยการคำนวณค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน. 4 ผลผลต่อไปของการศึกษาที่เกี่ยวข้องของวัตถุประสงค์การวิจัยมีดังนี้. 4.1 สถานการณ์ในปัจจุบันของไทยโรงเรียนประถมศึกษาวิชาการระบบการบริหารการปฏิบัติที่มีอยู่ในระดับสูง พิจารณาทุกแง่มุมของฝ่ายวิชาการแต่ละการปฏิบัติยังเป็นที่สูงระดับเช่นกัน ปัญหาโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับปานกลาง. 4.2 ผลการวิจัยที่มีประสิทธิภาพของวิชาการระบบการบริหารงานในโรงเรียนประถมศึกษามีดังนี้4.2.1 ปัจจัยป้อนข้อมูลปัจจัยการป้อนข้อมูลประกอบด้วยผู้บริหารเป็นผู้นำทางวิชาการของครูสมรรถนะนักเรียน'ลักษณะการจัดการกระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้การจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรที่ได้รับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จิตวิญญาณเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ของนักเรียน และยัง เล่น บทบาทของผู้ประสานงานเพื่อช่วยนักเรียนและครูในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (
leithwood , 2006 ) .
1.4 ที่มีประสิทธิภาพระบบเป็นเครื่องมือในการพัฒนาโรงเรียน
เป็นสำคัญของผู้บริหารโรงเรียน ( macneill และคนอื่น ๆ , 2003 ) พวกเขายังเล่นส่วนหนึ่ง
บทบาทในฐานะผู้นำในโรงเรียนนำเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสำเร็จสำหรับนักเรียนที่ผ่าน สนับสนุนการอนุรักษ์
และรักษาสิ่งแวดล้อมโรงเรียนผ่านแผนกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพของการสอนและการเรียนรู้
เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของวิชาชีพครู ( &ฮอยฮอย , 2003 ) มันสำคัญที่จะเข้าบัญชี
ประสิทธิภาพของโรงเรียน ผู้นำที่มีความสามารถของการทำงานเป็นทีมและมิติกลไกพื้นฐาน
แก้ปัญหาในทางปฏิบัติการเสริมสร้างความยั่งยืนของการพัฒนาของโรงเรียน ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้อง
ผู้นำทางการศึกษาเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรมทางการเมือง การเข้าใจสังคม
ทางเศรษฐกิจและความต้องการมนุษย์ชนิดตระหนักถึงความต้องการของสังคมที่เกี่ยวข้องระหว่างรัฐบาลและความเข้าใจ
รับผิดชอบ มโนทัศน์และความเป็นไปได้ของมืออาชีพ โรงเรียนเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของ
สังคมอินเตอร์พึ่งพาโครงสร้างการจัดการอื่น ๆที่เกี่ยวข้องทั้งในและระหว่างระบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
มารยาทร่วมในการตัดสินใจในการจัดการศึกษา ( คันนิงแฮม และกอเดโร , 2003 )
ปึก banpang โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1
, รวมรวม 158 คน ผู้บริหารและครู 1 , 10 . เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพของงานวิชาการ
ต่ำกว่ามาตรฐาน ตามโอเน็ตและการจัดอันดับใน
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มันถูกจัดอันดับใน 228th จาก 235 โรงเรียนและเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในการวิจัย ดังนั้น ผู้วิจัยเลือกโรงเรียน banpang
ปึกสำหรับระบบการบริหารงานวิชาการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด
1 , 2010 ) .
2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1 ) ศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาการบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาระบบ
ไทย ,2 ) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพระบบการบริหารงานวิชาการ และ 3 )
ประเมินนำระบบในโรงเรียน ประถมศึกษา .
3 วิธีการและเครื่องมือ
วิจัยและพัฒนา ( R & D ) ใช้สำหรับการศึกษานี้ โดยการใช้เทคนิควิธีวิจัยแบบผสมโดย
รวบรวมข้อมูลจากเชิงปริมาณ รวมทั้งเทคนิคเชิงคุณภาพ การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนา
การบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาระบบไทยและแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน :
1 ) สำรวจสภาพปัจจุบันและปัญหาการบริหารงานวิชาการของ ระบบ จากตัวอย่าง
750 โรงเรียน และหัวหน้างานวิชาการโรงเรียนที่กลุ่มตัวอย่างโดยใช้แบบสอบถามเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ
.วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2 )
การออกแบบที่มีประสิทธิภาพระบบการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน ประถมศึกษา ได้แก่ 2.1 ศึกษาระบบการบริหารงานวิชาการในโรงเรียน
2 กับการปฏิบัติที่ดีที่สุดโดยการสัมภาษณ์ผู้บริหารโรงเรียนและครูวิชาการ
รับผิดชอบผ่านการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง และ 2.2 เค้าร่างที่มีประสิทธิภาพ
การบริหารงานวิชาการในโรงเรียนประถมศึกษาระบบโดยใช้ข้อมูลจากขั้นตอนที่ 1 และศึกษาปฏิบัติที่ดีที่สุด
และสอบสวน รวมถึงการประเมินผลของระบบ โดย 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมิน
ของระบบเป็นแบบมาตราส่วน 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ,
,และ 3 ) การใช้ระบบที่พัฒนาขึ้นในวัด banpang โรงเรียนประถม เก็บรวบรวมข้อมูลโดยเก็บข้อมูล
การการวิเคราะห์เอกสาร รายงานการสอบโอเน็ต และวิเคราะห์ข้อมูลโดยการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทดสอบโอเน็ต
กับเกณฑ์ประเมิน และการใช้แบบสอบถามของผู้บริหารกับความพึงพอใจของครู
เมื่อใช้ระบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับผู้ให้ข้อมูลหลักคือ 1
ผู้บริหารและครูที่ 10 . วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน .
4 ผลลัพธ์
ผลการศึกษาตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังนี้ .
4.1 สถานการณ์ไทยโรงเรียนวิชาการระบบการบริหาร
การปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละด้านของงานวิชาการการปฏิบัติอยู่ในระดับสูง
เช่นกัน ปัญหาทั้งหมด และแต่ละด้านอยู่ในระดับ ปานกลาง
4.2 ข้อมูลวิชาการที่มีประสิทธิภาพระบบการบริหารงานในโรงเรียน ประถมศึกษา ดังนี้

4.2.1 ปัจจัยใส่ปัจจัยนำเข้า ประกอบด้วย ผู้บริหารด้านการศึกษาของภาวะผู้นำ ความสามารถของครู คุณลักษณะของนักเรียน
การเรียนรู้การจัดการกระบวนการการเรียนรู้การจัดการสิ่งแวดล้อมและได้รับทรัพยากร