ประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่มีประวัติ

ประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมประเพณีจึงมีความเกี่ยวข้อง กับประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และวิถีชีวิตของคนในประเทศ ศิลปวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่
* ระบำอัปสรา (Apsara Dance) เป็นการแสดงนาฏศิลป์ที่โดดเด่นของกัมพูชา ซึ่งถอดแบบการ แต่งกายและท่าร่ายรำมาจากภาพจำหลักรูปนางอัปสรที่ปราสาทนครวัด นางอัปสราตัวเอกองค์แรก คือ เจ้าหญิงบุพผาเทวี พระราชธิดาในเจ้าสีหนุ เป็นระบำที่กำเนิดขึ้นเพื่อ เข้าฉากภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัดที่กำกับโดย Marchel Camus ชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า L"Oiseau du Paradis ก็คือ The Bird of Paradise หลังจากนั้น ระบำอัปสรา ก็เป็นระบำขวัญใจชาวกัมพูชา ใครได้ เป็นตัวเอกในระบำอัปสรานั้นเชื่อได้ว่า เป็นตัวนางชั้นยอดแห่งยุคสมัยนครวัด เป็นอุดมคติแห่งชาติกัมพูชา นางอัปสราในนครวัดก็เป็นอุดมคติแห่งสตรีเขมร ดังนั้นการชุบชีวิตนางอัปสราออกมาเป็น ระบำระดับชาตินั้นมีความหมายในเชิงชาติพันธุ์นิยม เพื่อให้เข้าถึงสัญลักษณ์สูงสุดแห่งสตรีแขมร์ ระบำอัปสรามีชื่อเสียง ขึ้นมาด้วยการอิงบนความยิ่งใหญ่ของนครวัด และระบำอัปสราก็จำลองภาพสลักที่แน่นิ่งไร้ความ เคลื่อนไหวในนครวัดให้หลุดออกมามีชีวิต ดอกไม้เหนือเศียรนางอัปสราส่วน ใหญ่ในปราสาทนครวัดคือ ดอกฉัตร พระอินทร์ เนื่องจากรูปทรงของดอกชนิดนี้พ้องกันกับภาพสลัก เขมรเรียกดอกไม้ชนิดนี้ ว่า "ดอกเสนียดสก" เสนียด คือสิ่งที่เอามาเสียด และสก คือผม ชื่อของดอกไม้บ่งบอกว่าเป็นดอกสำหรับเสียดผม เข้าใจว่าสมัยโบราณสตรีชั้นสูง ของเขมรคงประดับ ศีรษะด้วยดอกไม้หลายชนิด หนึ่งในนั้นคือดอกฉัตรพระอินทร์ ดังหลักฐานภาพสลักนางอัปสรา ที่พบ ในปราสาทหินขอม ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของช่างสลักจากที่ได้เห็นของจริง


* เทศกาลน้ำ (Water festival) หรือ “บอน อม ตุก” (Bon Om Tuk) เทศกาลประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของกัมพูชา จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนเพื่อเป็นการแสดงความสำนึกในพระคุณของ แม่น้ำที่นำความอุดมสมบูรณ์ มาให้ โดยจะมีการแข่งเรือยาว แสดงพลุดอกไม้ไฟ การ แสดงขบวนเรือประดับไฟ เและขบวนพาเหรด บริเวณทะเลสาบ "โตนเลสาบ" ที่จัดขึ้น ทุกปีตั้งแต่ วันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ จนถึงแรม 1 ค่ำ เดือน
พฤศจิกายน ซึ่งทางการกัมพูชา ประกาศให้เป็น วันหยุด 3 วัน เพราะน้ำในแม่น้ำโขงเมื่อขึ้นสูง จะไหลไป
ที่ทะเลสาบ เนื่องจากในช่วงปลาย ฤดูฝนในเดือนพฤศจิกายน น้ำในทะลสาบลดต่ำลง ทำให้น้ำไหลลง กลับสู่ลำน้ำโขงอีกครั้ง ชาวกัมพูชาจะร่วมกันลอยทุ่นที่ประดับด้วยดวงไฟ ไปตาม แม่น้ำโขง ขณะที่การ
แข่งเรือ เป็นการรำลึก ถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้า ชัยวรมันที่ 7 ช่วงศตวรรษที่ 12 ในยุคเมืองพระนคร อาณาจักรเขมรที่กำลังรุ่งเรืองมีชัย เหนืออาณาจักรจาม ในการสู้รบ ทางเรือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานวัฒนธรรมประเพณีจึงมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ความเชื่อและวิถีชีวิตของคนในประเทศศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ได้แก่
* ระบำอัปสรา (เต้นรำอัปสรา) เป็นการแสดงนาฏศิลป์ที่โดดเด่นของกัมพูชาซึ่งถอดแบบการแต่งกายและท่าร่ายรำมาจากภาพจำหลักรูปนางอัปสรที่ปราสาทนครวัดนางอัปสราตัวเอกองค์แรกคือเจ้าหญิงบุพผาเทวีพระราชธิดาในเจ้าสีหนุ คามิว Marchel ชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า L "Oiseau ดูพาราดิสก็คือเดอะการเวกหลังจากนั้นระบำอัปสราก็เป็นระบำขวัญใจชาวกัมพูชาใครได้เป็นตัวเอกในระบำอัปสรานั้นเชื่อได้ว่าเข้าฉากภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัดที่กำกับโดย เป็นอุดมคติแห่งชาติกัมพูชานางอัปสราในนครวัดก็เป็นอุดมคติแห่งสตรีเขมรดังนั้นการชุบชีวิตนางอัปสราออกมาเป็นระบำระดับชาตินั้นมีความหมายในเชิงชาติพันธุ์นิยมเพื่อให้เข้าถึงสัญลักษณ์สูงสุดแห่งสตรีแขมร์ ขึ้นมาด้วยการอิงบนความยิ่งใหญ่ของนครวัดและระบำอัปสราก็จำลองภาพสลักที่แน่นิ่งไร้ความเคลื่อนไหวในนครวัดให้หลุดออกมามีชีวิตดอกไม้เหนือเศียรนางอัปสราส่วนใหญ่ในปราสาทนครวัดคือดอกฉัตรพระอินทร์ เขมรเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า "ดอกเสนียดสก" เสนียดคือสิ่งที่เอามาเสียดและสกคือผมชื่อของดอกไม้บ่งบอกว่าเป็นดอกสำหรับเสียดผมเข้าใจว่าสมัยโบราณสตรีชั้นสูงของเขมรคงประดับศีรษะด้วยดอกไม้หลายชนิด ดังหลักฐานภาพสลักนางอัปสราที่พบในปราสาทหินขอมซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของช่างสลักจากที่ได้เห็นของจริง


* เทศกาลน้ำ (เทศกาลน้ำ) หรือ "บอนอมตุก" (บอนออมตุ๊) เทศกาลประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของกัมพูชาจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนเพื่อเป็นการแสดงความสำนึกในพระคุณของแม่น้ำที่นำความอุดมสมบูรณ์มาให้โดยจะมีการแข่งเรือยาว ตามหลักแสดงขบวนเรือประดับไฟเและขบวนพาเหรดบริเวณทะเลสาบ "โตนเลสาบ" ที่จัดขึ้นทุกปีตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำจนถึงแรม 1 ค่ำเดือน
พฤศจิกายนซึ่งทางการกัมพูชาประกาศให้เป็นวันหยุด 3 วันเพราะน้ำในแม่น้ำโขงเมื่อขึ้นสูงจะไหลไป
ที่ทะเลสาบเนื่องจากในช่วงปลายฤดูฝนในเดือนพฤศจิกายนน้ำในทะลสาบลดต่ำลงทำให้น้ำไหลลงกลับสู่ลำน้ำโขงอีกครั้งชาวกัมพูชาจะร่วมกันลอยทุ่นที่ประดับด้วยดวงไฟไปตามแม่น้ำโขงขณะที่การ
แข่งเรือเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ช่วงศตวรรษที่ 12 ในยุคเมืองพระนครอาณาจักรเขมรที่กำลังรุ่งเรืองมีชัยเหนืออาณาจักรจามในการสู้รบทางเรือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กับประวัติศาสตร์ความเชื่อและวิถีชีวิตของคนประเทศศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ ใน
* ระบำอัปสรา (Apsara เต้นรำ) ซึ่งถอดแบบการ นางอัปสราตัวเอกองค์แรกคือเจ้าหญิงบุพผาเทวีพระราชธิดาในเจ้าสีหนุเป็นระบำที่กำเนิดขึ้นเพื่อ Marchel กามูชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า L "Oiseau du Paradis ก็คือนกพาราไดซ์หลังจากนั้นระบำอัปสราก็เป็นระบำขวัญใจชาวกัมพูชาใครได้ เป็นอุดมคติแห่งชาติกัมพูชา ระบำอัปสรามีชื่อเสียง ดอกไม้เหนือเศียรนางอัปสราส่วนใหญ่ในปราสาทนครวัดคือดอกฉัตรพระอินทร์ เขมรเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า "ดอกเสนียดสก" เสนียดคือสิ่งที่เอามาเสียดและสกคือผม เข้าใจว่าสมัยโบราณสตรีชั้นสูงของเขมรคงประดับศีรษะด้วยดอกไม้หลายชนิดหนึ่งในนั้นคือดอกฉัตรพระอินทร์ดังหลักฐานภาพสลักนางอัปสราที่พบในปราสาทหินขอม เทศกาลน้ำ (เทศกาลน้ำ) หรือ "บอนอมตุก" (บอนอ้อมตุ๊ก) แม่น้ำที่นำความอุดมสมบูรณ์มาให้โดยจะมีการแข่งเรือยาวแสดงพลุดอกไม้ไฟการแสดงขบวนเรือประดับไฟเและขบวนพาเหรดบริเวณทะเลสาบ "โตนเลสาบ" ที่จัดขึ้นทุกปีตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำจนถึงแรม 1 ค่ำเดือนพฤศจิกายนซึ่งทางการกัมพูชาประกาศให้เป็นวันหยุด 3 วันเพราะน้ำในแม่น้ำโขงเมื่อขึ้นสูงจะไหลไปที่ทะเลสาบเนื่องจากในช่วงปลายฤดูฝนในเดือนพฤศจิกายนน้ำในทะลสาบลดต่ำลงทำให้น้ำไหลลงกลับสู่ลำน้ำ โขงอีกครั้ง ไปตามแม่น้ำโขงขณะที่การแข่งเรือเป็นการรำลึก ชัยวรมันที่ 7 ช่วงศตวรรษที่ 12 ในยุคเมืองพระนคร เหนืออาณาจักรจามในการสู้รบทางเรือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานวัฒนธรรมประเพณีจึงมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ความเชื่อและวิถีชีวิตของคนในประเทศศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ได้แก่
* ระบำอัปสรา ( นางอัปสราเต้นรำ ) เป็นการแสดงนาฏศิลป์ที่โดดเด่นของกัมพูชาซึ่งถอดแบบการแต่งกายและท่าร่ายรำมาจากภาพจำหลักรูปนางอัปสรที่ปราสาทนครวัดนางอัปสราตัวเอกองค์แรกความเจ้าหญิงบุพผาเทวีพระราชธิดาในเจ้าสีหนุเข้าฉากภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัดที่กำกับโดย marchel คามิวชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า L " oiseau du Paradis ก็คือปักษาสวรรค์หลังจากนั้นระบำอัปสราก็เป็นระบำขวัญใจชาวกัมพูชาใครได้เป็นตัวเอกในระบำอัปสรานั้นเชื่อได้ว่าเป็นอุดมคติแห่งชาติกัมพูชานางอัปสราในนครวัดก็เป็นอุดมคติแห่งสตรีเขมรดังนั้นการชุบชีวิตนางอัปสราออกมาเป็นระบำระดับชาตินั้นมีความหมายในเชิงชาติพันธุ์นิยมเพื่อให้เข้าถึงสัญลักษณ์สูงสุดแห่งสตรีแขมร์ขึ้นมาด้วยการอิงบนความยิ่งใหญ่ของนครวัดและระบำอัปสราก็จำลองภาพสลักที่แน่นิ่งไร้ความเคลื่อนไหวในนครวัดให้หลุดออกมามีชีวิตดอกไม้เหนือเศียรนางอัปสราส่วนใหญ่ในปราสาทนครวัดคือดอกฉัตรพระอินทร์เขมรเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า " ดอกเสนียดสก " เสนียดคือสิ่งที่เอามาเสียดและสกคือผมชื่อของดอกไม้บ่งบอกว่าเป็นดอกสำหรับเสียดผมเข้าใจว่าสมัยโบราณสตรีชั้นสูงของเขมรคงประดับศีรษะด้วยดอกไม้หลายชนิดดังหลักฐานภาพสลักนางอัปสราที่พบในปราสาทหินขอมซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของช่างสลักจากที่ได้เห็นของจริง


* เทศกาลน้ำ ( เทศกาลสงกรานต์ ) ค็อค " บอนอมตุก " บอน ( โอม สามล้อ ) เทศกาลประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของกัมพูชาจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนเพื่อเป็นการแสดงความสำนึกในพระคุณของแม่น้ำที่นำความอุดมสมบูรณ์มาให้โดยจะมีการแข่งเรือยาวการแสดงขบวนเรือประดับไฟเและขบวนพาเหรดบริเวณทะเลสาบ " โตนเลสาบ " ที่จัดขึ้นทุกปีตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำจนถึงแรมค่ำเดือน
1พฤศจิกายนซึ่งทางการกัมพูชาประกาศให้เป็นวันหยุดได้รับเลือกตั้งผ่านกระบวนการประชาธิปไตยของพม่าเพราะน้ำในแม่น้ำโขงเมื่อขึ้นสูงจะไหลไป
3ที่ทะเลสาบเนื่องจากในช่วงปลายฤดูฝนในเดือนพฤศจิกายนน้ำในทะลสาบลดต่ำลงทำให้น้ำไหลลงกลับสู่ลำน้ำโขงอีกครั้งชาวกัมพูชาจะร่วมกันลอยทุ่นที่ประดับด้วยดวงไฟไปตามแม่น้ำโขงขณะที่การ
แข่งเรือเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ช่วงศตวรรษที่ 12 ในยุคเมืองพระนครอาณาจักรเขมรที่กำลังรุ่งเรืองมีชัยเหนืออาณาจักรจามในการสู้รบทางเรือ