The government hopes to ease its pu

The government hopes to ease its public debt burden by luring the private sector to invest in multibillion-baht infrastructure projects,especially in telecommunications and transport, through public-private partnerships(ppps).
The Transport Ministry and the state Enterprise Policy Office have been instructed to discuss raising the limit for PPPs in infrastructure development,said Theeraj Athanavanich,deputy directorgeneral of the Public Debt Management Office (PDMO)
Private-sector investment in infrastructure projects through PPPs is limited to 500 billion baht a sector, meaning the government budget is the main source of funding for capital-intensive projects in the telecommunications and transport sectors.
PPPs could be used as an investment channel for procurement in state Railway of Thailand projects, with the private sector buying rolling stock and hiring the SRT to run the train service. Mr Theeraj said.
The private sector may also be approached to invest in the SRT’s Red Line linking Bang Sue and Rangsit.
Mr Theeraj said the cabinet wanted the PDMO to revise its forecast for public debt-to-GDP ratio to reflect future public debt levels better. Although its estimated ratio of less than 50% remains well below the Finance Ministry’s 60% threshold. Estimates by the debt management agency are based on the worst-case scenario.
The PDMO recently said the ratio was expected to peak at 53% in 2019, assuming the government’s infrastructure investments and borrowings amounted to 300-400 billion baht a year, then edge down to 52% in 2020 after most of the infrastructure budget was taken out. Thailand’s public debt as of July 31 amounted to 5.72 trillion baht or 42.9% of GDP
The government’s infrastructure development plan sees 1.9 trillion baht going to megaprojects (aside from water management) in the eight years through 2022.
Apart from PPPs. Tax reform to boost revenue could also ease the government’s debt burden, Mr Theeraj said.
Borrowing to offset the budget deficit is the major contributor to the government’s higher debt, while borrowing for investments averages 100 billion baht a year.
The government borrowed 250 billion baht to finance the 2015 budget deficit and plans to borrow 390 billion for the deficit next fiscal year starting Oct 1. Borrowing to finance the budget deficit is estimated at 300 billion baht a year over the next five years.
For fiscal 2016, the PDMO plans to borrow 563 billion baht including for construction of motorways such as Bang Yai- Kanchanaburi at a cost of 10 billion and Bang Pa-in-Saraburi-Nakhon Ratchasima worth 11.6 billion
Of the 80-billion-baht short-term stim-ulus package for water management and roads, procurement contracts worth 50 billion have been signed. Mr Theeraj added.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รัฐบาลหวังบรรเทาภาระหนี้สาธารณะของ โดยเพื่อล่อให้ภาคเอกชนลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน multibillion บาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจการโทรคมนาคมและการขนส่ง ผ่าน partnerships(ppps) รัฐเอกชน กระทรวงคมนาคมและสำนักงานนโยบายองค์กรรัฐได้รับคำปรึกษาเพิ่มขีดจำกัด PPPs ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน Theeraj Athanavanich, directorgeneral รองของสาธารณะหนี้การจัดการสำนักงาน (PDMO) ที่กล่าวว่า การลงทุนภาคเอกชนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน PPPs เป็น 500 ล้านบาทเป็นภาค ความหมาย งบประมาณรัฐบาลเป็นแหล่งที่มาหลักของเงินทุนสำหรับโครงการ capital-intensive ในภาคโทรคมนาคมและขนส่งจำกัด PPPs สามารถใช้เป็นช่องทางการลงทุนการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการรถไฟไทยรัฐ กับภาคเอกชนซื้อหุ้นกลิ้ง และจ้าง SRT จะเรียกใช้บริการรถไฟ นาย Theeraj กล่าว ภาคเอกชนอาจยังถูกทาบทามให้ลงทุนในของรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงที่เชื่อมโยงบางซื่อและรังสิต นาย Theeraj กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีต้อง PDMO เพื่อปรับปรุงการคาดการณ์สำหรับอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP สาธารณะถึงระดับหนี้สาธารณะในอนาคตดีกว่า แม้ว่าอัตราส่วนการประเมินน้อยกว่า 50% ยังคงอยู่ต่ำกว่าขีดจำกัดของกระทรวงเงิน 60% ดี ประเมิน โดยหน่วยงานจัดการหนี้สินจะยึดปฎิ PDMO กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้คาดว่าอัตราส่วน peak ที่ 53% ใน 2019 สมมติว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และเงินกู้ยืมมี 300-400 ล้านบาทปี แล้วขอบลงไป 52% เป็น 2020 หลังจากที่งบประมาณโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกนำออกมา หนี้สาธารณะของไทย ณ 31 กรกฎาคมมี 5.72 แสนล้านบาทหรือ 42.9% ของ GDP แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลเห็น 1.9 ล้านล้านบาทไปในแปดปีผ่าน 2022 รวบรัด (นอกเหนือจากการจัดการน้ำ) นอกจากภาษี PPPs ปฏิรูปเพื่อเพิ่มรายได้นอกจากนี้ยังสามารถบรรเทาภาระหนี้ของรัฐบาล นาย Theeraj กล่าว กู้ยืมเงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเป็นผู้สนับสนุนหลักการของรัฐบาลหนี้สูง ในขณะที่หาค่าเฉลี่ยของการกู้ยืมการลงทุน 100 ล้านบาทต่อปี รัฐบาลยืม 250 ล้านบาทให้เงินขาดดุลงบประมาณ 2015 และแผนกู้ 390 ล้านสำหรับดุลปีถัดไปที่เริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคม ยืมเงินขาดดุลงบประมาณคือประมาณ 300 ล้านบาทปีถัดไปห้าปี สำหรับเงิน 2016, PDMO แผนกู้ 563 ล้านบาทสำหรับก่อสร้างทางหลวงเช่นบางใหญ่ - กาญจนบุรีมีต้นทุน 10 ล้านและบางปะอินในสระบุรีนครราชสีมามูลค่า 11600 ล้านดอลลาร์ 80 ล้านบาท แพคเกจ stim ulus ระยะสั้นสำหรับการจัดการน้ำและถนน สัญญาจัดซื้อจัดจ้างมูลค่า 50 พันล้านได้ถูกลง นาย Theeraj เพิ่ม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รัฐบาลหวังที่จะลดภาระหนี้สาธารณะโดยการล่อภาคเอกชนที่จะลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลายพันล้านบาทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสื่อสารและการขนส่งผ่านความร่วมมือภาครัฐและเอกชน (PPPs).
กระทรวงคมนาคมและรัฐวิสาหกิจสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ได้รับการสั่งการ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเพิ่มขีด จำกัด สำหรับ PPPs ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน Theeraj Athanavanich กล่าวว่ารองผู้อำนวยการ directorgeneral ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน)
การลงทุนภาคเอกชนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานผ่าน PPPs ถูก จำกัด ถึง 500 พันล้านบาทภาคหมายถึงงบประมาณของรัฐบาลคือ แหล่งที่มาของเงินทุนสำหรับโครงการทุนมากในการสื่อสารโทรคมนาคมและภาคการขนส่ง.
PPPs สามารถนำมาใช้เป็นช่องทางในการลงทุนสำหรับการจัดซื้อในรัฐของโครงการรถไฟไทยกับภาคเอกชนในการซื้อหุ้นรีดและการจ้างงานรฟทที่จะเรียกใช้บริการรถไฟ นาย Theeraj กล่าว.
ภาคเอกชนนอกจากนี้ยังอาจได้รับการทาบทามที่จะลงทุนในสายของรฟทสีแดงเชื่อมโยงบางซื่อและรังสิต.
นาย Theeraj กล่าวว่าคณะรัฐมนตรีต้องการสาธารณะที่จะแก้ไขการคาดการณ์สำหรับอัตราส่วนหนี้สินต่อจีดีพีของประชาชนที่จะสะท้อนให้เห็นถึงระดับหนี้สาธารณะในอนาคต ดีกว่า แม้ว่าอัตราส่วนโดยประมาณของน้อยกว่า 50% ยังคงต่ำกว่ากระทรวงการคลังเกณฑ์ 60% การประเมินโดยหน่วยงานการจัดการหนี้จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดกรณี.
สาธารณะเร็ว ๆ นี้ว่าอัตราส่วนที่คาดว่าจะสูงสุดที่ 53% ในปี 2019 สมมติว่ารัฐบาลลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและเงินกู้ยืมจำนวน 300-400 ล้านบาทปีแล้วขอบ ลงไป 52% ในปี 2020 หลังจากที่งบประมาณส่วนใหญ่ของโครงสร้างพื้นฐานถูกนำออกมา หนี้สาธารณะของประเทศไทย ณ วันที่ 31 กรกฎาคมมีจำนวน 5720000000000 บาทหรือ 42.9% ของ GDP
แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่เห็น 1900000000000 บาทไปโครงการใหญ่ (นอกเหนือจากการบริหารจัดการน้ำ) ในช่วงแปดปีที่ผ่านมา 2022
นอกเหนือจาก PPPs การปฏิรูปภาษีเพื่อเพิ่มรายได้นอกจากนี้ยังสามารถลดภาระหนี้ของรัฐบาลนาย Theeraj กล่าว.
การกู้ยืมเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับรัฐบาลของหนี้ที่สูงขึ้นในขณะที่การกู้ยืมเงินสำหรับค่าเฉลี่ยการลงทุน 100,000,000,000 บาทต่อปี.
รัฐบาลยืม 250,000,000,000 บาท เพื่อเป็นเงินทุนการขาดดุลงบประมาณในปี 2015 และมีแผนจะกู้ 390000000000 สำหรับการขาดดุลปีงบประมาณถัดไปเริ่มต้นตุลาคม 1. การกู้ยืมเงินทุนเพื่อการขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปีในช่วงห้าปีถัดไป.
สำหรับปีงบการเงิน 2016 สบนวางแผนที่จะ ยืม 563,000,000,000 บาทรวมทั้งการก่อสร้างมอเตอร์เวย์เช่นบาง Yai- กาญจนบุรีในราคา 10 พันล้านและบางปะอินในสระบุรี-นครราชสีมามูลค่า 11600000000
ของแพคเกจ 80 ล้านบาทในระยะสั้นกระตุ้น-ลัสสำหรับน้ำ การจัดการและถนนสัญญาจัดซื้อจัดจ้างมูลค่า 50000000000 ได้รับการลงนาม นาย Theeraj เพิ่ม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รัฐบาลหวังที่จะบรรเทาภาระหนี้สาธารณะ โดยดึงเอกชนลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ทรัพย์สินหลายล้านบาท โดยเฉพาะในด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและการขนส่งผ่านความร่วมมือภาครัฐและเอกชน ( PPPs ) .
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ ได้รับสั่งให้ปรึกษาเพิ่มวงเงิน PPPs ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกล่าวว่า theeraj athanavanich รอง directorgeneral ของสํานักงานบริหารหนี้สาธารณะ ( International )
ภาคเอกชน การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคผ่าน PPPs จำกัดที่ 500 ล้านบาท เป็นภาค หมายถึง งบประมาณของรัฐ เป็นแหล่งที่มาหลักของเงินทุนสำหรับโครงการทุนในกิจการโทรคมนาคมและการขนส่ง
ภาค .ppps สามารถใช้เป็นช่องทางสำหรับการลงทุนในโครงการจัดซื้อจัดจ้างการรถไฟแห่งประเทศไทย กับภาคเอกชน การซื้อหุ้นกลิ้ง และเช่า รฟท. จะวิ่งรถไฟบริการ นาย theeraj กล่าว .
ภาคเอกชนอาจเข้ามาลงทุนในของ SRT สายสีแดง บางซื่อ รังสิต
และการเชื่อมโยง .นาย theeraj กล่าวว่าคณะรัฐมนตรีต้องการ ให้การต้อนรับ เพื่อทบทวนการคาดการณ์สำหรับหนี้สาธารณะต่อ GDP สะท้อนอนาคตหนี้สาธารณะในระดับที่ดีขึ้น แม้ว่าการประมาณอัตราส่วนที่น้อยกว่า 50% ยังคงดีด้านล่างกระทรวงการคลัง 60% เกณฑ์ การประเมินโดยหน่วยงานการจัดการหนี้จะขึ้นอยู่กับสถาณการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ให้การต้อนรับ เมื่อเร็วๆ นี้
กล่าวว่าอัตราส่วนที่คาดว่าจะสูงสุดที่ร้อยละ 53 ในปี 2019สมมติว่ารัฐบาลโครงสร้างพื้นฐานการลงทุนและกู้ยืมจำนวน 300-400 ล้านบาทต่อปี แล้วขอบลง 52% ในปี 2020 หลังจากที่ส่วนใหญ่ของงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานถูกนำออกมาแล้ว หนี้สาธารณะของประเทศไทย ณ 31 กรกฎาคมจำนวน 5.72 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 42.9 แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล GDP
เห็น 19 ล้านล้านบาท ไปให้ธนาคาร ( นอกเหนือจากการจัดการน้ำในแปดปีโดย 2022 .
นอกจาก ppps . การปฏิรูปภาษีเพื่อเพิ่มรายได้สามารถบรรเทาภาระหนี้ของรัฐบาล นาย theeraj กล่าว .
ยืมเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับรัฐบาลของหนี้ที่สูงขึ้น ในขณะที่การกู้ยืมเพื่อการลงทุนเฉลี่ย 100 ล้านบาทต่อปี .
รัฐบาลยืมเงิน 250 ล้านบาท และการขาดดุลงบประมาณ การเงิน และแผนการเงิน 390 พันล้านขาดดุลปีงบประมาณถัดไป เริ่ม 1 ตุลาคม การกู้ยืมเงินการขาดดุลงบประมาณจะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปีมากกว่าห้าปีถัดไป .
ปีงบประมาณ 2016 ,การต้อนรับ วางแผนที่จะยืม 563 ล้านบาท รวมทั้งการสร้างมอเตอร์เวย์บางใหญ่ - กาญจนบุรี เช่น ในราคา 10 ล้าน และบางปะอิน สระบุรี นครราชสีมา มูลค่า 11.6 พันล้าน
ของ 80 ล้านบาท ระยะสั้น Stim ulus แพคเกจสำหรับการจัดการน้ำและถนน จัดซื้อ สัญญามูลค่า 50 ล้าน มีการเซ็น นาย theeraj เพิ่ม