In order to evaluate the influence

In order to evaluate the influence of different types of rubber-based agroforestry systems on soil erosion processes,
rainfall and throughfall erosivity (splash erosion potential) were measured in an open field environment and
under different vegetation types using sand-filled Tübingen splash cups. Our results indicate that the splash erosion
potential under rubber monoculture was, on average, 3.12 times greater than those in the open environment.
Splash erosion potential under agroforestry systems was higher than that of an open environment
(ranging from 1.22 to 2.18 times greater), except for the rubber and tea system (0.87 times the open environment).
However, in all but one system (the rubber and orange system), there was a significant reduction in splash
erosion beneath multiple canopies compared to monoculture, especially for the rubber and tea system (0.27
times the monoculture) where it had high sub-canopy closure and low sub-canopy height. The erosion potential
under the forest is closely related to the forest structure, especially height and canopy cover. These results indicate
that low canopy height with high sub-canopy coverage is the major control on the amount of splash erosion,
regardless of how the splash potential is increased by the canopy above. These results highlight the importance of
selecting low near-surface intercrops for constructing rubber-based agroforestry systems. This also accentuates
the importance of an intact litter layer in rubber plantations to protect the soil against splash erosion. Disturbance
of these forests by latex tapping activities, herbicide application and removal of the litter layer during fertilization,
for example, will also lead to higher actual splash erosion rates inside the forests in comparison with the open
environment.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพื่อประเมินอิทธิพลของชนิดของการทำวนเกษตรยางพาราตามระบบในกระบวนการกัดเซาะของดินฝนและ throughfall erosivity (สาดเซาะเกิด) ถูกวัดในสภาพแวดล้อมของช่องเปิด และภายใต้ชนิดต่าง ๆ พืชที่ใช้ถ้วยสาด Tübingen ที่เต็มไปด้วยทราย ผลของเราบ่งชี้ว่า การกัดเซาะของน้ำศักยภาพภายใต้ยางปลูกพืชเชิงเดี่ยวได้ เฉลี่ย 3.12 ครั้งมากกว่าผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปิดสาดเซาะอาจเกิดขึ้นภายใต้ระบบการทำวนเกษตรก็สูงกว่าของแวดล้อม(ถึง 1.22 เท่า 2.18 เหนือ), ยกเว้นระบบยางและชา (0.87 ครั้งเปิดสภาพแวดล้อม)อย่างไรก็ตาม ทุกที่แต่ระบบหนึ่ง (ยางและสีส้มระบบ), ก็ลดความสำคัญในสาดกัดเซาะใต้หลายมุ้งเมื่อเทียบกับการปลูกพืชเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับระบบยางและชา (0.27เวลาการปลูกพืชเชิงเดี่ยว) ที่มีหลังคาสูงย่อยปิดและความสูงของหลังคาต่ำย่อย การกัดเซาะที่มีศักยภาพภายใต้ป่าอย่างใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับโครงสร้างป่า ฝาครอบที่สูงและหลังคาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบุผลลัพธ์เหล่านี้ความสูงที่ต่ำหลังคาคลุมหลังคาสูงย่อยเป็นตัวควบคุมหลักของสาดเซาะโดยไม่คำนึงถึงวิธีการสาดศักยภาพเพิ่มขึ้น โดยหลังคาด้านบน ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นความสำคัญของเลือกต่ำใกล้พื้นผิว intercrops จากยางทำวนเกษตรระบบการก่อสร้าง นี้ยังเน้นความสำคัญของการทิ้งเหมือนเดิมชั้นในสวนยางพาราเพื่อป้องกันดินกับสาดเซาะ รบกวนของป่าเหล่านี้โดยแตะกิจกรรม การประยุกต์ใช้สารกำจัดวัชพืช และกำจัดชั้นครอกระหว่างปฏิสนธิ น้ำยางตัวอย่างเช่น จะนำไปสู่อัตราการกัดเซาะสูงจริงสาดภายในป่าเมื่อเปรียบเทียบกับการเปิดสิ่งแวดล้อม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่อประเมินอิทธิพลของชนิดของยางที่ใช้ระบบวนเกษตรในกระบวนการชะล้างพังทลายของดิน
ปริมาณน้ำฝนและ throughfall erosivity (สาดการกัดเซาะที่อาจเกิดขึ้น) เป็นวัดในสภาพแวดล้อมที่ทุ่งโล่งและ
ภายใต้ชนิดพืชที่แตกต่างกันโดยใช้ทรายที่เต็มไปด้วยTübingenสาดถ้วย ผลของเราแสดงให้เห็นว่าสาดการกัดเซาะ
ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้เชิงเดี่ยวยางพาราโดยเฉลี่ย 3.12 ครั้งยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปิด.
สาดศักยภาพการกัดเซาะภายใต้ระบบวนเกษตรที่สูงกว่าของสภาพแวดล้อมที่เปิด
(ตั้งแต่ 1.22-2.18 ครั้งยิ่งใหญ่) ยกเว้นยางและชาระบบ (0.87 เท่าของสภาพแวดล้อมที่เปิด).
อย่างไรก็ตามในทั้งหมด แต่ระบบใดระบบหนึ่ง (ยางและสีส้มระบบ) มีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในการสาด
กัดเซาะใต้หลังคาหลายเทียบกับเชิงเดี่ยวโดยเฉพาะยางพาราและ ระบบชา (0.27
ครั้งเชิงเดี่ยว) ในกรณีที่มีการปิดย่อยหลังคาสูงและความสูงย่อยหลังคาต่ำ ที่มีศักยภาพการกัดเซาะ
ใต้ป่าอย่างใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างป่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสูงและหลังคาฝาครอบ ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้
ว่าความสูงของหลังคาต่ำที่มีความคุ้มครองสูงย่อยหลังคาคือการควบคุมที่สำคัญเกี่ยวกับจำนวนเงินของการกัดเซาะสาด,
คำนึงถึงวิธีการที่มีศักยภาพสาดจะเพิ่มขึ้นตามหลังคาดังกล่าวข้างต้น ผลการศึกษานี้เน้นความสำคัญของ
การเลือกต่ำ intercrops ใกล้พื้นผิวสำหรับการสร้างระบบวนเกษตรยางตาม นอกจากนี้ยังเน้น
ความสำคัญของชั้นครอกเหมือนเดิมในสวนยางเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินกับสาด ความวุ่นวาย
ของป่าเหล่านี้ได้มาจากกิจกรรมน้ำยางเคาะ, การประยุกต์ใช้สารกำจัดวัชพืชและการกำจัดของชั้นครอกในระหว่างการปฏิสนธิ
เช่นนี้ยังจะนำไปสู่อัตราการกัดเซาะที่เกิดขึ้นจริงสาดที่สูงขึ้นภายในป่าในการเปรียบเทียบกับเปิด
สภาพแวดล้อม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพื่อศึกษาอิทธิพลของชนิดที่แตกต่างกันของยางตามระบบวนเกษตรในกระบวนการกัดเซาะดินปริมาณน้ำฝนและ throughfall มาน ( สาดวัดศักยภาพการกัดเซาะ ) ในสภาพแวดล้อมที่กลางแจ้งและภายใต้ ชนิดพืชที่แตกต่างกันโดยใช้ทรายเต็ม T ü Bingen สาดแก้ว ผลของเราระบุว่าสาดเซาะที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การยาง เฉลี่ย 3.12 เท่าสูงกว่าในสภาพแวดล้อมที่เปิดศักยภาพการชะสาดภายใต้ระบบวนเกษตร สูงกว่าของสภาพแวดล้อมที่เปิด( ตั้งแต่ 1.22 ถึง 2.18 มากขึ้นครั้ง ) ยกเว้นระบบยางและชา ( 0.87 เท่าสิ่งแวดล้อมเปิด )อย่างไรก็ตาม ในทั้งหมด แต่ระบบหนึ่ง ( ยางและระบบส้ม ) , มีการสาดการกัดเซาะใต้หลังคาเมื่อเทียบกับแบบเดี่ยว โดยเฉพาะระบบยางและชา ( 0.27ครั้งเดี่ยว ) ที่ได้ปิดหลังคาและกันสาดย่อยย่อยสูงสูงต่ำ การกัดเซาะที่มีศักยภาพในป่าที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับโครงสร้างป่า โดยเฉพาะความสูง และหลังคาคลุม ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ว่าที่ทรงพุ่มสูงต่ำมีความครอบคลุมกันสาดซับสูงเป็นหลักในการควบคุมปริมาณของการสาดโดยไม่คำนึงถึงวิธีการสาดศักยภาพเพิ่มขึ้น โดยหลังคาด้านบน ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นความสำคัญของการเลือกต่ำใกล้พื้นผิวยางมีการใช้ระบบวนเกษตร . นอกจากนี้ยังเน้นความสำคัญของชั้นเหมือนเดิมแคร่ในสวนยางเพื่อปกป้องดินต่อการกัดเซาะสาด การจลาจลของป่าเหล่านี้ โดยกรีดยางต่างๆ วัชพืช การใช้และการกำจัดขยะชั้นในระหว่างการปฏิสนธิตัวอย่างเช่น จะนำไปสู่ที่สูงจริง Splash อัตราการกัดกร่อนภายในป่าในการเปรียบเทียบกับการเปิดสิ่งแวดล้อม