Abstract: This study was carried ou

Abstract: This study was carried out to assesspressure ulcer stages among bed-ridden patients in Medical, Neurosurgical and Orthopaedic wards inAhmadu Bello University Teaching Hospital (ABUTH) Shika-Zaria. The main aim of this study is to determine the prevalence as well as the stages of pressure ulcers among bed-ridden patients and to assess the Nurses’ awareness and application of the awareness in the stage-based treatment of pressure ulcer in ABUTH. The descriptive survey design was adopted and data was collected with the help of questionnaire and observation checklist. A convenient sampling method was used among the bed-ridden patients and a single-stage cluster method was used among the nurses in the three wards. The study sample consisted of 51 Nurses whom answered a pre-established Questionnaire and 129 bed-ridden patients whom were observed using Observational Checklist. The Major Findings were as follows: the cumulative point prevalence of Pressure ulcer was noted to be 18.6% which is significantly high; Pressure ulcer stages were observed to be highest for Stages III (37.5%), and Stage IV (33.3%) which are the advanced stages, and then low in Stage II (20.8%) and Stage I (8.3%). Furthermore, 96% of Nurses were observed to be aware of pressure ulcer stages and 82% apply their awareness in the stage-based treatment of pressure ulcer. In conclusion, there was a high prevalence of pressure ulcer among bed-ridden patients majority of which were the advanced stage of the condition. Therefore it is recommended that, use of a risk assessment tool such as theBraden Scale on admission will identify if the client has pressure ulcer or not, and if they do, at which stage, health care professionals should be more informed about secondary conditions that may occur in the course of patient’s stay in the hospital rather than emphasis only on primary condition that warranted admission, and patient’s relatives should be informed about the risk factors for the development of pressure ulcers since they are also fully involved in the care.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อ: การศึกษานี้ดำเนินการไประยะแผล assesspressure นั่งเตียงผู้ป่วยในการแพทย์ ศัลยกรรมประสาท และ Orthopaedic วอร์ inAhmadu Shika Bello มหาวิทยาลัยโรงพยาบาลสอน (ABUTH) -Zaria จุดมุ่งหมายหลักของการศึกษานี้เป็น การตรวจสอบความชุกเป็นขั้นตอนของแผลความดันนั่งเตียงผู้ป่วย และ เพื่อประเมินพยาบาลรับรู้และการรับรู้ในการรักษาตามขั้นตอนของแผลความดันใน ABUTH การออกแบบสำรวจอธิบายถูกนำมาใช้ และเก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้การสอบถามและการสังเกต ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างสะดวกสบายผู้ป่วยนั่งเตียง และใช้วิธีการคลัสเตอร์เดียวระหว่างพยาบาลในหอผู้ป่วย 3 ตัวอย่างการศึกษาประกอบด้วยพยาบาล 51 ผู้ที่ตอบแบบสอบถามที่กำหนดขึ้นล่วงหน้าและ 129 นั่งเตียงผู้ป่วยที่ถูกตั้งข้อสังเกตโดยใช้รายการตรวจสอบสังเกตการณ์ ผลการวิจัยที่สำคัญมีดังนี้: ความชุกจุดสะสมของแผลความดันถูกตั้งข้อสังเกตเป็น 18.6% ซึ่งสูงมาก ขั้นแผลความดันถูกตั้งข้อสังเกตระยะ III (37.5%), และระยะ IV (33.3%) ซึ่งเป็นขั้นสูงสุด และจากนั้น ต่ำใน Stage II (20.8%) และเวทีฉัน (8.3%) นอกจากนี้ 96% ของพยาบาลถูกตั้งข้อสังเกตต้องระวังความดันแผลระยะ 82% สมัคร และความตระหนักในการรักษาตามขั้นตอนของแผลความดัน สรุป มีความชุกสูงของแผลความดันระหว่างนั่งเตียงผู้ป่วยส่วนใหญ่ซึ่งเป็นขั้นสูงของสภาพ ดังนั้นดีที่ ใช้เครื่องมือประเมินความเสี่ยงเช่น theBraden อัตราค่าเข้าชมจะระบุว่าไคลเอนต์มีแผลความดัน หรือไม่ และถ้าพวกเขาทำ ขั้นตอนใด การดูแลสุขภาพมืออาชีพควรทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขรองที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยพักในโรงพยาบาลมากกว่าการเน้นเฉพาะเงื่อนไขหลักที่รับประกันเข้าชม และญาติของผู้ป่วยควรจะทราบปัจจัยเสี่ยงสำหรับการพัฒนาของแผลความดันตั้งแต่พวกเขายังมีความเกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ในการดูแล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อ: การศึกษาครั้งนี้ได้รับการดำเนินการถึงขั้นตอน assesspressure แผลของผู้ป่วยเตียงสลัดในทางการแพทย์, ศัลยกรรมประสาทและหอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก inAhmadu Bello มหาวิทยาลัยโรงพยาบาลการเรียนการสอน (ABUTH) Shika-Zaria จุดมุ่งหมายหลักของการศึกษาครั้งนี้คือการศึกษาความชุกเช่นเดียวกับขั้นตอนของการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยเตียงสลัดและเพื่อประเมินการรับรู้ของพยาบาลและการประยุกต์ใช้ความตระหนักในการรักษาตามขั้นตอนของแผลความดันใน ABUTH การออกแบบการสำรวจเชิงพรรณนาถูกนำมาใช้และเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยความช่วยเหลือของแบบสอบถามและการสังเกตการตรวจสอบ วิธีการสุ่มตัวอย่างสะดวกถูกนำมาใช้ในกลุ่มผู้ป่วยเตียงสลัดและวิธีการคลัสเตอร์ขั้นตอนเดียวได้ถูกใช้ในพยาบาลในสามหอผู้ป่วย กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย 51 พยาบาลผู้ตอบก่อนขึ้นแบบสอบถามและ 129 เตียงผู้ป่วยสลัดผู้ที่ถูกตั้งข้อสังเกตการใช้ตรวจสอบการสังเกต ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ความชุกจุดสะสมของแผลความดันก็สังเกตเห็นว่าจะเป็น 18.6% ซึ่งสูงอย่างมีนัยสำคัญ ขั้นตอนความดันแผลถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นที่สูงสุดสำหรับขั้นตอนที่สาม (37.5%) และขั้นที่สี่ (33.3%) ซึ่งเป็นขั้นตอนขั้นสูงและจากนั้นในระดับต่ำในขั้นที่สอง (20.8%) และเวที I (8.3%) นอกจากนี้ 96% ของพยาบาลถูกตั้งข้อสังเกตที่จะตระหนักถึงขั้นตอนแผลดันและ 82% ใช้การรับรู้ของพวกเขาในการรักษาตามขั้นตอนของแผลความดัน สรุปได้ว่ามีความชุกสูงของแผลความดันในผู้ป่วยเตียงสลัดส่วนใหญ่ซึ่งเป็นขั้นสูงของสภาพ ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าการใช้เครื่องมือประเมินความเสี่ยงเช่น theBraden ชั่งในการรับสมัครจะระบุในกรณีที่ลูกค้ามีแผลความดันหรือไม่และถ้าพวกเขาทำที่เวทีผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพควรทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขรองที่อาจ เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาของการเข้าพักของผู้ป่วยในโรงพยาบาลมากกว่าเน้นเฉพาะในเงื่อนไขหลักที่สมควรเข้ารับการรักษาและญาติของผู้ป่วยควรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงสำหรับการพัฒนาของแผลกดทับตั้งแต่พวกเขายังมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการดูแล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ assesspressure ขั้นตอนระหว่างเตียงผู้ป่วยแผลขึ้นในทางการแพทย์ และแผนกศัลยกรรมประสาท โรงพยาบาลและ inahmadu Bello มหาวิทยาลัย ( abuth ) ชิคา Zaria . วัตถุประสงค์หลักของการศึกษานี้ เพื่อศึกษาความชุก ตลอดจนขั้นตอนของการเกิดแผลกดทับในเตียงขึ้น ผู้ป่วยและเพื่อประเมินการรับรู้ของพยาบาลและการประยุกต์ความรู้ในขั้นตอนตามการรักษาของการเกิดแผลกดทับใน abuth . การออกแบบเป็นการสำรวจเชิงพรรณนา ใช้เก็บข้อมูลด้วยความช่วยเหลือของแบบสอบถามและแบบสังเกต . สะดวก ศึกษาระหว่างเตียงผู้ป่วย และต้องใช้วิธีเดียว กลุ่มพยาบาลในหอผู้ป่วย 3 . กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยที่ตอบ 51 พยาบาลก่อนสร้างแบบสอบถามและ 129 เตียงผู้ป่วยที่พบว่ามีการใช้รายการตรวจสอบขึ้นแบบ . ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ : ความชุกของการเกิดแผลกดทับเป็นจุดสะสมไว้เป็น 18.6 % ซึ่งเป็นสถิติสูง ขั้นตอนการเกิดแผลกดทับได้เป็นสูงสุดสำหรับระยะที่สาม ( 37.5 % ) และระยะที่ 4 ( 33.3% ) ซึ่งมีระยะสูงแล้วต่ำ ระยะที่ 2 ( 20.8% ) และเวที ( 8.3% ) นอกจากนี้ พบว่า 96% ของพยาบาลจะต้องทราบขั้นตอนการเกิดแผลกดทับ และ 82% ใช้ความรู้ของพวกเขาในเวทีที่ใช้รักษาแผลความดัน สรุป มีความชุกของการเกิดแผลกดทับของเตียงสูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยขั้นสูงของเงื่อนไข ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้เป็นเครื่องมือประเมินความเสี่ยง เช่น ขนาด thebraden ในการจะระบุว่าหากลูกค้ามีความดัน โรคกระเพาะ หรือไม่ และถ้าพวกเขาทำในขั้นตอนที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพควรทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขรองที่อาจเกิดขึ้นในหลักสูตรของผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล มากกว่าการเน้น เพียงบนเงื่อนไขที่รับประกันการเข้าชม และญาติผู้ป่วยควรทราบเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงสำหรับการพัฒนาของการเกิดแผลกดทับเนื่องจากพวกเขายังเกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ในการดูแล