Plant growth models have been devel

Plant growth models have been developed for the purpose of increasing our knowledge of plants, improving agricultural practices, as a tool in landscaping, and for the purpose of optimization and control. Modelling efforts have taken several different approaches depending on the intended use of the model. Many plant growth models are empirical, and apply fitted functions without considering the biological mechanisms underlying plant growth. These models have the benefit of simplicity, but are not mechanistic and therefore cannot be applied to a variety of species or over a wide range of conditions [1]. In contrast, complex metabolic models give a more complete description of reactions taking place within the cells, and are useful tools for studying plant development [2][3]. However, because of the large complexity, these models are typically over-parameterized and unidentifiable, making them unsuitable for prediction and control purposes. Process based models and functional-structural models attempt to bridge this gap. These models consider at least some plant processes and interactions between the plant and the environment. Process based models typically refer to those models that do not take plant morphology into account [4][5], while functional structural models generally include an empirical view of plant architecture [6][7][8][9] . These models work well under certain environmental conditions, but they are usually developed for plant growth under field conditions, and therefore neglect the effect of some important environmental variables (for example carbon dioxide and oxygen concentration). More mechanistic models, based on the reaction kinetics of the most important processes, should be applicable over a wider range of condtions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พืชเจริญเติบโตของรุ่นได้รับการพัฒนา เพื่อเพิ่มความรู้ของเราของพืช การปรับปรุงการเกษตร เป็นเครื่องมือในการจัดสวน และ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุม อย่าพยายามทำหลายวิธีแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้แบบจำลอง หลายพืชเติบโตรุ่นเชิงประจักษ์ และใช้ฟังก์ชันติดตั้งโดยไม่ต้องพิจารณากลไกชีวภาพต้นพืชเจริญเติบโต รุ่นเหล่านี้มีความเรียบง่าย แต่ไม่มีกลไก และดังนั้นจึง ไม่สามารถใช้กับหลากหลาย ของสายพันธุ์ หรือช่วงกว้างของเงื่อนไข [1] ตรงกันข้าม รุ่นเผาผลาญซับซ้อนให้คำอธิบายของปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ และมีเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการศึกษาพัฒนาโรง [2] [3] อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความซับซ้อนขนาดใหญ่ รุ่นเหล่านี้โดยทั่วไปพารามิเตอร์มากเกินไป และ ได้ รับ ทำให้พวกเขาไม่เหมาะสมสำหรับการทำนายและการควบคุม รูปงานโครงสร้างและแบบจำลองกระบวนการคะแนนพยายามเชื่อมช่องว่างนี้ รุ่นเหล่านี้พิจารณาพืชกระบวนการและปฏิสัมพันธ์ระหว่างพืชและสภาพแวดล้อมบางอย่าง แบบจำลองกระบวนการที่ใช้โดยทั่วไปหมายถึงโมเดลเหล่านั้นที่ได้คำนึงสัณฐานวิทยาพืช [4] [5], ในขณะที่ทำงานแบบจำลองโครงสร้างทั่วไปมองเชิงประจักษ์ของสถาปัตยกรรมพืช [6] [7] [8] [9] รุ่นเหล่านี้ทำงานได้ดีภายใต้สภาพแวดล้อมบาง แต่พวกเขามักจะได้รับการพัฒนาเจริญเติบโตของพืชภายใต้เงื่อนไขฟิลด์ และดังนั้น ละเลยผลกระทบของตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อมบางอย่างสำคัญ (ตัวอย่างเช่นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจนความเข้มข้น) กลไกเพิ่มเติมรุ่น อิงจลนพลศาสตร์ปฏิกิริยาของกระบวนการที่สำคัญที่สุด ควรจะใช้ในช่วงกว้างของ condtions

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รุ่นเจริญเติบโตของพืชได้รับการพัฒนาเพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่มความรู้ของโรงงานของเราในการปรับปรุงการปฏิบัติทางการเกษตร, เป็นเครื่องมือในการจัดสวนและเพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่มประสิทธิภาพและการควบคุม ความพยายามในการสร้างแบบจำลองได้นำวิธีการที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของรูปแบบ รุ่นเจริญเติบโตของพืชหลายคนมีการทดลองและใช้ฟังก์ชั่นที่ติดตั้งโดยไม่พิจารณากลไกทางชีววิทยาพื้นฐานเจริญเติบโตของพืช รูปแบบเหล่านี้ได้รับประโยชน์จากความเรียบง่าย แต่ไม่กลไกและดังนั้นจึงไม่สามารถนำมาใช้เพื่อความหลากหลายของสายพันธุ์หรือในช่วงที่กว้างของเงื่อนไข [1] ในทางตรงกันข้ามการที่ซับซ้อนแบบจำลองการเผาผลาญให้คำอธิบายที่สมบูรณ์มากขึ้นในการเกิดปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นภายในเซลล์และเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการศึกษาการพัฒนาพืช [2] [3] แต่เนื่องจากความซับซ้อนขนาดใหญ่รูปแบบเหล่านี้มักจะมีมากกว่าการแปรและป้อมปราการที่ทำให้พวกเขาไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์การคาดการณ์และการควบคุม รุ่นตามกระบวนการและรูปแบบการทำงานโครงสร้างพยายามที่จะลดช่องว่างนี้ รูปแบบเหล่านี้พิจารณาอย่างน้อยบางส่วนกระบวนการอาคารและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพืชและสิ่งแวดล้อม แบบจำลองกระบวนการตามมักจะอ้างอิงถึงโมเดลที่ไม่ได้ใช้ลักษณะทางสัณฐานวิทยาของพืชเข้าบัญชี [4] [5] ในขณะที่รูปแบบโครงสร้างการทำงานโดยทั่วไปรวมถึงมุมมองเชิงประจักษ์ของสถ​​าปัตยกรรมพืช [6] [7] [8] [9] รูปแบบเหล่านี้ทำงานได้ดีภายใต้สภาพแวดล้อมบางอย่าง แต่พวกเขามักจะพัฒนาสำหรับการเจริญเติบโตของพืชในสภาพสนามและดังนั้นจึงละเลยผลกระทบของตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อมบางอย่างที่สำคัญ (สำหรับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และตัวอย่างเช่นความเข้มข้นของออกซิเจน) รุ่นกลไกอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาจลนพลศาสตร์ของกระบวนการที่สำคัญที่สุดควรจะใช้ได้ในช่วงกว้างของ condtions

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แบบจำลองการเจริญเติบโตของพืชได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่มความรู้ของเราในพืช การปรับปรุงการปฏิบัติทางการเกษตรเป็นเครื่องมือในภูมิทัศน์ และ สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มประสิทธิภาพและการควบคุม หุ่นจำลองความพยายามได้หลายวิธีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของแบบจำลอง หลายของพืช รุ่นเชิงประจักษ์ และใช้ติดตั้งฟังก์ชั่นโดยไม่พิจารณากลไกทางชีววิทยาสำหรับการเจริญเติบโตของพืช รุ่นนี้มีประโยชน์ของความเรียบง่าย แต่ไม่ได้มีกลไกและดังนั้นจึงไม่สามารถใช้กับความหลากหลายของชนิดหรือมากกว่าที่หลากหลายของเงื่อนไข [ 1 ] ในทางตรงกันข้ามรุ่นการเผาผลาญอาหารที่ซับซ้อนให้คำอธิบายที่สมบูรณ์มากขึ้นของปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ และมีเครื่องมือที่เป็นประโยชน์สำหรับการศึกษาการพัฒนาพืช [ 2 ] [ 3 ] อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความซับซ้อนขนาดใหญ่ โมเดลเหล่านี้มักจะมีมากกว่าและพารามิเตอร์ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ทำให้พวกเขาไม่เหมาะสมในการทำนายและควบคุมวัตถุประสงค์ แบบจำลองกระบวนการตามรูปแบบโครงสร้างหน้าที่และพยายามที่จะสร้างสะพานเชื่อมช่องว่างนี้ โมเดลเหล่านี้พิจารณาอย่างน้อยบางส่วนของพืชและกระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างพืชกับสิ่งแวดล้อม ขั้นตอนตามรูปแบบโดยทั่วไปหมายถึงนางแบบที่ไม่ใช้สัณฐานวิทยาพืชในบัญชี [ 4 ] [ 5 ] ในขณะที่การทำงานโครงสร้างแบบจำลองเชิงประจักษ์โดยทั่วไปรวมถึงมุมมองของพืชสถาปัตยกรรม [ 6 ] [ 7 ] [ 8 ] [ 9 ] รูปแบบเหล่านี้ทำงานได้ดีภายใต้สภาพแวดล้อมบางอย่าง แต่พวกเขามักจะพัฒนาขึ้นเพื่อการเจริญเติบโตของพืชภายใต้สภาวะและดังนั้นจึงละเลยผลกระทบของปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ( เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และความเข้มข้นของออกซิเจน ) รูปแบบกลไกเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาจลนพลศาสตร์ของกระบวนการที่สำคัญที่สุดควรจะสามารถใช้ได้ในช่วงกว้างของ condtions .