The farmers whose annual income fal

The farmers whose annual income falls below RS.360,000 have higher probabilities to undertake adaptation to
climate change. This contradictory results may be due to the fact that the farmers who earn higher income have
generally own large size of lands and cannot be managed their cultivation with the variability of weather conditions
to cope up with climate change. The results also reveal that farmers who come to know the changing patterns of the
climate through television and radio have a higher probability of adaptation to the climate change. Higher educated
framers who know well about climate changes are more likely to adapt to climate change. The probability of farmers
who grow beans as the major crop to adapt to climate change is 94% higher than those who do not grow other crops.
Farmers located in the alluvial plains and hilly agro-ecological zones tend to do high adaptation as compared to
those located in windy and river side agro-ecological zones. The social capital or being a member in a farmers’
society is also important in choosing certain adaptation methods and the probability of adapting to climate change is
62%. The farmers who can access to formal loans tend to adapt to climate change with a high probability of 57%.
The distance to input market is an influencing factor of choosing the mean of appropriate adaption to climate change
and farmers who can easily access to input markets within 10 km have a higher probability of 74% to undertake
adaptation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

น่าจะดำเนินการปรับตัวที่สูงขึ้นจะมีเกษตรกรที่มีรายได้ต่อปีน้อยกว่า RS.360,000การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ผลลัพธ์ที่ขัดแย้งนี้อาจจะเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่ามีเกษตรกรที่ได้รับรายได้ที่สูงขึ้นโดยทั่วไปเป็นเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ และไม่สามารถจัดการการเพาะปลูก มีความแปรปรวนของสภาพอากาศจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลการเปิดเผยว่า ชาวนาได้รู้การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการสภาพภูมิอากาศผ่านทางโทรทัศน์วิทยุและมีโอกาสการปรับตัวเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ศึกษาสูงกว่าframers ที่รู้ดีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจะปรับตัว ความน่าเป็นของเกษตรกรที่ปลูกเมล็ดพืชสำคัญปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็น 94% สูงกว่าผู้ที่ไม่เจริญเติบโตพืชอื่น ๆเกษตรกรที่อยู่ในราบลุ่มน้ำ และพื้นที่ระบบนิเวศเกษตรที่เนินเขามีแนวโน้มจะปรับตัวสูงเมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในที่ลมแรง และโซนระบบนิเวศเกษตรด้านแม่น้ำ ทุนทางสังคมหรือการเป็นสมาชิกในการเกษตรกรสังคมเป็นสิ่งที่สำคัญในการเลือกวิธีการปรับตัวบางอย่าง และความเป็นไปได้ของการปรับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ62% เกษตรกรที่สามารถเข้าถึงเงินกู้ยืมทางการมักจะ ปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมีโอกาสสูง 57%ระยะการป้อนตลาดเป็นปัจจัยมีอิทธิพลต่อการเลือกความหมายของ adaption เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงและเกษตรกรที่สามารถเข้าถึงเพื่อป้อนตลาดภายใน 10 กม. มีโอกาส 74% ทำปรับตัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกษตรกรที่มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า RS.360,000 มีความน่าจะเป็นสูงที่จะดำเนินการปรับตัวต่อการ
เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นี้ส่งผลให้ความขัดแย้งอาจจะเป็นเพราะความจริงที่ว่าเกษตรกรที่ได้รับรายได้ที่สูงขึ้นได้
โดยทั่วไปเป็นเจ้าของขนาดใหญ่ของดินแดนและไม่สามารถจัดการการเพาะปลูกของพวกเขาด้วยความแปรปรวนของสภาพอากาศ
ที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้จากผลการศึกษาพบว่าเกษตรกรที่มาทำความรู้จักกับรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของ
สภาพภูมิอากาศผ่านทางโทรทัศน์และวิทยุมีโอกาสสูงขึ้นของการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การศึกษาสูงกว่า
กรอบที่รู้ดีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ น่าจะเป็นของเกษตรกร
ที่ปลูกถั่วเป็นพืชที่สำคัญในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็น 94% สูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ปลูกพืชอื่น ๆ .
เกษตรกรอยู่ในที่ราบลุ่มน้ำและเป็นเนินเขาโซนนิเวศเกษตรมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ
ผู้ที่ ตั้งอยู่ในเขตนิเวศเกษตรลมแรงและริมแม่น้ำ ทุนทางสังคมหรือการเป็นสมาชิกในเกษตรกร
สังคมยังเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกวิธีการปรับตัวบางอย่างและความน่าจะเป็นในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็น
62% เกษตรกรที่สามารถเข้าถึงการกู้ยืมเงินอย่างเป็นทางการมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีโอกาสสูงในการ 57%.
ระยะทางไปยังตลาดการป้อนข้อมูลเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกค่าเฉลี่ยของการปรับตัวที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และเกษตรกรผู้ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายไปยังตลาดการป้อนข้อมูล ภายใน 10 กมมีโอกาสสูงกว่า 74% ที่จะดำเนินการ
ปรับตัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เกษตรกรที่มีรายได้ต่ำกว่า rs.360000 มีความน่าจะเป็นสูงที่จะดำเนินการ ?การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นี้ขัดแย้ง ผลลัพธ์อาจจะเนื่องจากความจริงที่ว่าเกษตรกรที่ได้รับรายได้ที่สูงขึ้นได้โดยทั่วไปเป็นเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่และการเพาะปลูกของพวกเขาไม่สามารถจัดการกับความแปรปรวนของอากาศเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลการวิจัยยังพบว่าเกษตรกรที่ได้มารู้จักกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของภูมิอากาศผ่านโทรทัศน์และวิทยุมีความน่าจะเป็นสูงของการปรับตัวเพื่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การศึกษาสูงเกษตรกรที่ทราบดีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีแนวโน้มที่จะปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความน่าจะเป็น ของเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเป็นพืชหลักเพื่อปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 94 % สูงกว่าผู้ที่ไม่ปลูกพืชอื่น ๆเกษตรกรตั้งอยู่ในที่ราบและเนินเขา เกษตรเชิงนิเวศ จนถึงโซนมักจะทำการปรับตัวสูงเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่อยู่ในลมแรงและแม่น้ำด้านระบบนิเวศเกษตร โซน ทุนทางสังคม หรือการเป็นสมาชิกในฟาร์มสังคมยังเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกบางและการปรับตัววิธีความน่าจะเป็นของการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศคือร้อยละ 62 เกษตรกรที่สามารถเข้าถึงเงินกู้อย่างเป็นทางการมีแนวโน้มที่จะปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับความน่าจะเป็นสูงของ 57 %ระยะทางเข้าตลาดเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกความหมายของการปรับตัวที่เหมาะสมเพื่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและเกษตรกรที่สามารถเข้าถึงตลาดปัจจัยการผลิตภายใน 10 กม. มีความน่าจะเป็นสูงของ 74% รับปากการปรับตัว