4. Thanks to economic growth and ra

4. Thanks to economic growth and rapid economic restructuring, as well as reform of the tax system and tax administration, the Government’s budgetary revenues increased rapidly from 13.5% of GDP in 1991 to an average of about 28.7% of GDP during the period 2006 – 2010 (i.e. aggregated revenues from all the four budget levels, including those from crude oil, land use right transfers, and sale of state-owned premises). Corporate income tax (CIT) and Value Added Tax (VAT) are the two most important revenues, which together account for over 50% of the total budgetary revenue. In addition, import duties and the special consumption (excise) tax contribute a further 20% of total revenue. As a result, Vietnam has had little dependence on grant aid, which has never exceeded 0.5 per cent of GDP in recent years. Meanwhile expenditure has also followed a rising trend, increasing from 16% of GDP in 1991 to 30% of GDP in 2010. In order to finance the required infrastructure development and the expansion of the social safety net, the Government has implemented an overall budget deficit policy throughout the period since the mid-1990s.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

4. ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจ และปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว รวมทั้งปฏิรูประบบภาษีและบริหารภาษี รายได้งบประมาณของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 13.5% ของ GDP ในปีพ.ศ. 2534 โดยเฉลี่ยประมาณ 28.7% ของ GDP ช่วง 2006-2010 (เช่นรายได้รวมจากระดับทั้งหมดประมาณ 4 รวมทั้งจากน้ำมันดิบ ที่ดินโอนย้ายขวาใช้ และการขายของบริเวณรัฐ) มูลค่าเพิ่มภาษี (VAT) และภาษีเงินได้นิติบุคคล (เมือง) เป็นรายได้สำคัญสอง ซึ่งมีรวมกันกว่า 50% ของรายได้งบประมาณรวม นอกจากนี้ อากรและภาษีการใช้พิเศษ (สรรพสามิต) ช่วยเพิ่มเติม 20% ของรายได้รวม ดัง เวียดนามได้มีน้อยพึ่งพาเงินช่วยเหลือช่วย ซึ่งไม่เกินร้อยละ 0.5 ของ GDP ในปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน รายจ่ายมียังตามแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เพิ่มจาก 16% ของ GDP ในปีพ.ศ. 2534 การ 30% ของ GDP ในปี 2553 การเงินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและการขยายตัวของ net ความปลอดภัยทางสังคม รัฐบาลได้ดำเนินการโดยรวมเป็นงบประมาณขาดดุลนโยบายตลอดระยะเวลาตั้งแต่ช่วงกลาง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

4. ขอขอบคุณการเติบโตทางเศรษฐกิจและการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับการปฏิรูประบบภาษีและการบริหารภาษีรายได้จากงบประมาณของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 13.5% ของ GDP ในปี 1991 เพื่อเฉลี่ยประมาณ 28.7% ของจีดีพีในช่วงเวลา 2006 - 2010 (คือรายได้รวมจากทุกสี่ระดับงบประมาณรวมทั้งผู้ที่มาจากน้ำมันดิบที่ดินใช้บริการรถรับส่งที่ถูกต้องและการขายของสถ​​านที่ที่รัฐเป็นเจ้าของ) ภาษีเงินได้นิติบุคคล (CIT) และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นสองรายได้ที่สำคัญที่สุดซึ่งร่วมกันบัญชีกว่า 50% ของรายได้จากงบประมาณรวม นอกจากนี้ยังมีอากรขาเข้าและการบริโภคพิเศษ (ภาษีสรรพสามิต) ภาษีมีส่วนร่วมอีก 20% ของรายได้รวม เป็นผลให้เวียดนามมีการพึ่งพาอาศัยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการช่วยเหลือทุนซึ่งได้ไม่เกินร้อยละ 0.5 ของ GDP ในปีที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายในขณะเดียวกันยังได้ดำเนินการตามแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นจาก 16% ของจีดีพีในปี 1991 ถึง 30% ของ GDP ในปี 2010 เพื่อเป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและการขยายตัวของเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคมที่รัฐบาลได้ดำเนินการขาดดุลงบประมาณโดยรวม นโยบายตลอดระยะเวลานับตั้งแต่กลางปี​​ 1990

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

4 . ขอบคุณกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการปฏิรูประบบภาษีและการบริหารภาษีของรัฐบาล รายได้งบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 13.5 % ของ GDP ในปี 1991 เพื่อเฉลี่ยประมาณ 28.7 % ของ GDP ในช่วงปี 2549 – 2553 ( เช่นรวมรายได้จากงบประมาณทั้งหมดสี่ระดับ รวมถึงผู้ที่จาก น้ำมันดิบ การใช้ประโยชน์ที่ดิน ถูกโอนย้ายและการขายจากสถานที่ของรัฐ ) ภาษีเงินได้นิติบุคคล ( CIT ) และภาษีมูลค่าเพิ่ม ( VAT ) เป็นสองที่สำคัญที่สุดของรายได้ ซึ่งร่วมกันบัญชีสำหรับมากกว่า 50% ของรายได้โดยรวม นอกจากนี้ อากรขาเข้าและภาษีการบริโภคพิเศษ ( สรรพสามิต ) ส่วนอีก 20 % ของรายได้ทั้งหมด ส่งผลให้เวียดนามมีการพึ่งพาน้อยในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งมีไม่เกิน 05 ร้อยละของ GDP ในปีล่าสุด ในขณะเดียวกันรายจ่ายก็เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 16% ของ GDP ในปี 1991 ถึง 30 % ของ GDP ในปี 2010 เพื่อการเงินบังคับใช้โครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาและการขยายตัวของสุทธิความปลอดภัยทางสังคม รัฐบาลได้ใช้นโยบายขาดดุลงบประมาณโดยรวม ตลอดระยะเวลาตั้งแต่กลางปี 1990 .