ปัญหาการละเมิดสิทธิในพม่า สู่ปัญหาสังคมโลก
การยึดที่ดิน
รัฐบาลทหารพม่าเข้าทำการยึดที่ทำกินชาวบ้าน เพื่อนำที่ดินผืนดังกล่าวไปใช้ปลูกถั่วเพื่อการวิจัยอยู่หลายครั้ง โดยไม่มีการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ชาวบ้านแต่อย่างใด หรือบางครั้งถ้ามีการจ่ายเงินก็จ่ายให้ในจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับพื้นที่ของที่ดินที่ถูกยึดไป
การบังคับใช้แรงงาน
ชาวบ้านไทยใหญ่ถูกทหารพม่าบังคับใช้แรงงานจนไม่มีเวลาทำงานให้กับครอบครัวตนเอง ถูกบังคับให้ตัดไม้และไม้ไผ่และขนไม้เหล่านี้ไปยังที่ค่ายทหารพม่า ถูกบังคับให้สร้างคอกสัตว์ และทำความสะอาดสวนของกองทหารพม่า นอกจากนั้นกองทหารพม่ายังได้บีบเอาเงินจากชาวบ้าน โดยการบังคับราคา โก่งราคาสินค้าและยังบังคับให้ชาวบ้านซื้อสินค้าจากพวกเขา
การข่มขืน
องค์กรด้านสิทธิสตรีภาคประชาชนในรัฐชิน ประเทศพม่า ได้เปิดเผยรายงานที่มีชื่อว่า “รัฐที่ไม่ปลอดภัย” (Unsafe State) ซึ่งแสดงหลักฐานว่ารัฐบาลทหารพม่าสนับสนุนการข่มขืน
การบังคับให้โยกย้ายออกจากถิ่นฐานเดิม
ทหารพม่าจะใช้วิธีการโจมตีและเผาบ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ในอดีตอาเซียนไม่ได้แสดงบทบาทชัดเจนในการเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชน เพราะอาเซียนมีหลักสำคัญที่เรียกว่า วิถีอาเซียน คือ การไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน แต่ในระยะหลังสังคมโลกและสหประชาชาติได้ให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิมนุษยชนมากขึ้น อาเซียนจึงถูกกดดันมากขึ้น ให้แสดงบทบาทต่อปัญหาสิทธิมนุษยชนในพม่า อาเซียนจึงได้ออกแถลงการณ์ตำหนิการละเมิดสิทธิมนุษยชนเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการอย่างใดกับพม่าได้
จากการกระทำที่ไม่เคารพสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลพม่าส่งผลให้ชนกลุ่มน้อยชาวพม่าอยู่
ท่ามกลางการจับตามองขององค์กรสิทธิมนุษยชนจากประเทศต่างๆ ควรส่งเสริมสิทธิพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย คือ สิทธิในการแสดงความคิดเห็น สิทธิทางการเมือง เพราะในประเทศที่ระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็ง ประชาชนมีความเข้าใจหลักประชาธิปไตยพลเมืองย่อมมีสำนึกของการเคารพสิทธิมนุษย์ชน แต่หากประชาชนไม่เข้าใจหลักการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ประชาชนของประเทศนั้นก็จะรักษาเฉพาะสิทธิของตนเอง แต่ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และไม่เกิดสำนึกว่าสิทธิย่อมมาพร้อมกับหน้าที่ที่มีต่อบ้านเมืองและสังคม