Haunted castleGlamis CastleThe Cast

Haunted castleGlamis Castle
The Castle is located in Scotland near the village of Glamis, 5 miles west of Forfar. The main keep of the castle dates from the 14th century, and the majestic towers and turrets were added in later years.
Glamis Castle is the ancestral home of the Earls of Strathmore, the Bowes Lyons, It was given to the family as a gift in 1372 by Robert the Bruce. The main keep of the castle dates from the 14th century, and the majestic towers and turrets were added in later years. The Bowes Lyons family is still the present owners of the castle, its members included the Queen Mother, who was born at Glamis and gave birth to Princess Margaret there.
There have been numerous sightings of ghosts at the property over the last century, with up to twenty different spirits residing in the castle and it grounds. Some believe the reason for all the paranormal activity at the castle is down to a "secret room" within the castle that contains a terrible secret. There are several different stories regarding the room and what it contains.
If you stand outside the castle and count the number of windows, and compare them with the number of windows inside the building, you will always be two windows short; supporting the theory of the secret room in Glamis, and what this room contains has been the subject of much debated for over 600 years. Some of the members of staff believe the secret room is on the top story of the castle inside a tower, here they have claimed to have heard strange thuds and bangs coming from within the walls of the building. One theory is that of enemies of the Bowes Lyons were slaughtered in the secret room; others believe that the room had black magic and occult rituals performed in it.
In 1532 Lady Janet Douglas Lady was accused of witchcraft by friends of James V and imprisoned. After several months in a dark dungeon, she was burned alive at the stake outside Edinburgh Castle. Even her young son was condemned to death and imprisoned only to be released after the king had died. Lady Janet Douglas's ghost is known as "The White Lady" she has haunted Glamis Castle for hundreds of years. The apparition has been seen relatively recently in the chapel by a number of witnesses. She is also said to appear above the Clock Tower.
One of the more infamous ghosts is known as Earl Beardie, or Earl Crawford. Allegedly he was a cruel and wicked man, probably stemming from his rebellion against James II. His spirit is said to wander the castle, and there have been reports of children waking to find the figure leaning over their beds. One guest was staying in the Blue Room, when she was awakened by a hand being brushed against her cheek. She awoke to see a ghostly face of a man with a beard hovering over her. Terrified she closed her eyes and when she opened them again the ghostly face had disappeared.
In the 17th century, it was said that a black slave was stripped naked and hunted by the Earls and their hunting dogs. The slave was repeatedly impaled with lances and the dogs literally ripped him apart while the ladies of the castle looked on in laughter. The murdered slave's ghost may be the strange figure known as Jack the Runner, who has been seen darting about the castle as he screams in agony.
One guest at the castle was woken in the early hours by a chilly blast of air; she looked around her room and saw the figure of a man in a suit of chain mail armor, silhouetted against the glow of the candle burning in her daughter's room. The specter seemed to be seeking some way into the child's room, and on finding the door it went in. Seconds later, the mother heard her child scream with terror. Frantically the mother rushed into the room, the child was alone, crying out something about a giant who had come into the room and leaned over her face.
There is a ghost known as the Grey Lady who roams the castle and the grounds, her identity is unknown. Several years ago at a function held at Glamis Castle over 100 guests out on the castle lawn saw her glide past. A prominent Edinburgh lawyer was driving to Glamis on a visit a several years ago, he and some friends had been invited to dinner there. As they drove into the castle grounds they saw the shadowy figure of a woman dressed in grey. To their astonishment she glided along so swiftly she kept pace with the car, and accompanied them right up to the castle doors, before vanishing.
The ghost of a woman with no tongue is said to haunt the grounds, blood still spatters her face as though her tongue has been cut from her mouth. She runs about the grounds pointing at her mutilated face. There is no suggestion as to who she might be. The ghost of a young black boy, who was badly treated around 200 years ago, haunts a stone seat by the door of the Queen's bedroom.
A guest was gazing out of his bedroom window on a moonlit night when he noticed a face gazing back at his from one of the opposite windows. He knew there were other guests staying at the castle, but when he took a second look at the face he noticed that the face was too transparent and misty to be that of another person. The face then disappeared several seconds later the sound of terrified scream came from the area of that window; he thought that it sounded like a man being tortured. He then saw a bent figure of an old woman carrying a heavy bundle across the grounds below. The woman walked a few steps then vanished.
Other paranormal activity includes banging noises, sheets being ripped off beds in the middle of the night, and doors that mysteriously open even though they are locked and bolted.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปราสาทผีสิง castleGlamis
ปราสาทตั้งอยู่ในสกอตแลนด์ใกล้หมู่บ้าน Glamis 5 ไมล์ทางตะวันตกของฟอร์ฟา เก็บหลักของวันที่ปราสาทจากศตวรรษที่ 14 และอาคารอันงดงามและป้อมปราการที่ถูกเพิ่มเข้ามาในปีถัดมา.
Glamis ปราสาทเป็นบ้านของบรรพบุรุษของเอิร์ลแห่งสตราทมที่ Bowes ลียงมันถูกมอบให้กับครอบครัวเป็นของขวัญใน 1372 โดยโรเบิร์ตบรูซ เก็บหลักของวันที่ปราสาทจากศตวรรษที่ 14 และอาคารอันงดงามและป้อมปราการที่ถูกเพิ่มเข้ามาในปีต่อมา ครอบครัว Bowes ลียงยังคงเป็นเจ้าของปัจจุบันของปราสาทสมาชิกรวมถึงพระราชมารดาที่เกิดที่ Glamis และให้กำเนิดเจ้าหญิงมาร์กาเร็มี.
มีการสัมภาษณ์จำนวนมากของผีที่ให้บริการในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาที่มีถึง ถึงยี่สิบวิญญาณที่แตกต่างกันที่อาศัยอยู่ในปราสาทและบริเวณ บางคนเชื่อว่าเหตุผลสำหรับทุกกิจกรรมอาถรรพณ์ที่ปราสาทจะลงไป "ห้องลับ" ที่อยู่ในปราสาทที่มีความลับที่น่ากลัว มีหลายเรื่องราวที่แตกต่างกันเกี่ยวกับห้องพักและสิ่งที่มันมี.
ถ้าคุณยืนอยู่นอกปราสาทและนับจำนวนของหน้าต่างและเปรียบเทียบกับจำนวนหน้าต่างภายในอาคารที่คุณจะเป็นสองหน้าต่างสั้น; สนับสนุนทฤษฎีของห้องลับใน Glamis และสิ่งนี้มีห้องพักได้รับเรื่องของการถกเถียงกันมากมานานกว่า 600 ปีที่ผ่านมา บางส่วนของสมาชิกของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นห้องลับเรื่องบนของปราสาทภายในหอที่นี่พวกเขาได้อ้างว่าเคยได้ยิน thuds แปลกและเรียบมาจากภายในกำแพงของอาคาร ทฤษฎีหนึ่งคือการที่ศัตรูของวส์ลียงถูกฆ่าในห้องลับ คนอื่นเชื่อว่าห้องพักมีมนต์ดำและพิธีกรรมลึกลับที่ดำเนินการอยู่ในนั้น.
ใน 1532 เลดี้เลดี้เจเน็ตดักลาสถูกกล่าวหาว่าคาถาโดยเพื่อนของเจมส์ V และถูกคุมขัง หลังจากหลายเดือนในดันเจี้ยนที่มืดเธอถูกเผาทั้งที่ถือหุ้นอยู่นอกปราสาทเอดินเบอระ แม้ลูกชายคนเล็กของเธอถูกลงโทษประหารและจำคุกเท่านั้นที่จะได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่กษัตริย์เสียชีวิต ผีเลดี้เจเน็ตดักลาสเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น "เลดี้สีขาว" เธอมีผีสิงปราสาท Glamis สำหรับหลายร้อยปี ผีได้รับการเห็นค่อนข้างเร็ว ๆ นี้ในโบสถ์จากจำนวนพยาน นอกจากนี้เธอยังบอกว่าจะปรากฏเหนือหอนาฬิกา.
หนึ่งในผีที่น่าอับอายมากขึ้นเป็นที่รู้จักกันเอิร์ล Beardie หรือเอิร์ลครอว์ฟ ที่ถูกกล่าวหาว่าเขาเป็นคนที่โหดร้ายและความชั่วร้ายที่อาจเกิดจากการก่อจลาจลของเขากับเจมส์ที่สอง วิญญาณของเขาบอกว่าจะเดินปราสาทและมีการรายงานของเด็กตื่นที่จะหาตัวเลขที่พาดผ่านเตียง แขกคนหนึ่งพักอยู่ในห้องสีฟ้าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาด้วยมือถูกแปรงกับแก้มของเธอ เธอตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าที่น่ากลัวของชายคนหนึ่งที่มีเคราโฉบเหนือของเธอ กลัวเธอปิดตาของเธอและเมื่อเธอเปิดพวกเขาอีกครั้งใบหน้าที่น่ากลัวก็หายไป.
ในศตวรรษที่ 17 มันก็บอกว่าทาสผิวดำถูกปล้นเปล่าและตามล่าโดยเอิร์ลและสุนัขล่าสัตว์ ทาสถูกเสียบด้วยซ้ำหอกและสุนัขอย่างแท้จริงฉีกออกจากกันในขณะที่เขาผู้หญิงของปราสาทมองในเสียงหัวเราะ ผีทาสฆ่าอาจจะรูปแปลก ๆ ที่รู้จักกันในขณะที่แจ็ครองชนะเลิศอันดับที่ได้รับการเห็นพุ่งเกี่ยวกับปราสาทในขณะที่เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด.
แขกคนหนึ่งที่ปราสาทตื่นในชั่วโมงแรกโดยระเบิดที่อากาศหนาวเย็นของอากาศ; เธอมองไปรอบ ๆ ห้องของเธอและเห็นร่างของชายคนหนึ่งในชุดเกราะจดหมายลูกโซ่เงากับการเรืองแสงของเทียนเผาไหม้ในห้องของลูกสาวของเธอ ปีศาจดูเหมือนจะกำลังมองหาวิธีที่เข้ามาในห้องของเด็กบางส่วนและในการหาประตูมันไปใน. วินาทีต่อมาแม่ได้ยินลูกของเธอกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เมามันแม่วิ่งเข้าไปในห้องที่เด็กเป็นคนเดียวร้องไห้ออกมาบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับยักษ์ใหญ่ที่ได้เข้ามาในห้องและโน้มตัวไปข้างหน้าเธอ.
มีผีที่รู้จักในนามเลดี้สีเทาที่เดินเตร่ปราสาทและบริเวณตัวตนของเธอ ไม่เป็นที่รู้จัก หลายปีที่ผ่านมาที่ฟังก์ชั่นที่จัดขึ้นที่ปราสาท Glamis มากกว่า 100 ท่านออกมาบนสนามหญ้าปราสาทเห็นเหินผ่านมาของเธอ ทนายความที่โดดเด่นเอดินบะระกำลังขับรถไป Glamis ในการเข้าชมเป็นเวลาหลายปีที่ผ่านมาเขาและเพื่อนบางคนได้รับเชิญไปรับประทานอาหารค่ำที่นั่น ขณะที่พวกเขาขับรถเข้าไปในบริเวณปราสาทที่พวกเขาเห็นเงาร่างของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสีเทา ความประหลาดใจของพวกเขาที่เธอเดินตามเพื่อให้ได้อย่างรวดเร็วเธอเก็บไว้ทันกับรถและมาพร้อมกับพวกเขาไปจนถึงประตูปราสาทก่อนที่จะหายไป.
ผีของผู้หญิงด้วยลิ้นไม่มีการกล่าวถึงหลอกหลอนบริเวณที่เลือดยังคง spatters ใบหน้าของเธอราวกับว่า ลิ้นของเธอได้รับการตัดออกมาจากปากของเธอ เธอวิ่งเกี่ยวกับบริเวณที่ชี้ไปที่ใบหน้าของเธอขาดวิ่น มีข้อเสนอแนะว่าใครเธออาจจะไม่เป็น ผีของเด็กหนุ่มผิวดำที่ได้รับการรักษาไม่ดีประมาณ 200 ปีที่ผ่านมาหลอกหลอนที่นั่งหินประตูห้องนอนสมเด็จพระราชินีฯ .
ผู้เข้าพักได้รับการมองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอนของเขาในคืนเดือนหงายเมื่อเขาสังเกตเห็นใบหน้าจ้องกลับมาที่ ของเขาจากหนึ่งของหน้าต่างตรงข้าม เขารู้ว่ามีแขกคนอื่น ๆ อยู่ที่ปราสาท แต่เมื่อเขาได้ดูสองที่ใบหน้าเขาสังเกตเห็นว่าใบหน้าเป็นโปร่งใสเกินไปและหมอกเป็นที่ของบุคคลอื่น ใบหน้าแล้วก็หายไปหลายวินาทีต่อมาเสียงกรีดร้องกลัวมาจากพื้นที่ของหน้าต่างนั้น; เขาคิดว่ามันฟังเหมือนคนถูกทรมาน จากนั้นเขาก็เห็นเป็นรูปโค้งงอของหญิงชราคนหนึ่งแบกมัดหนักทั่วทั้งบริเวณด้านล่าง ผู้หญิงที่เดินไม่กี่ก้าวแล้วหายไป.
อาถรรพณ์กิจกรรมอื่น ๆ รวมถึงเสียงการต่อสู้แผ่นถูกฉีกออกเตียงในตอนกลางคืนและประตูที่เปิดไปอย่างลึกลับถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกล็อคและปิด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปราสาทผีสิง castleglamis
ปราสาท ตั้งอยู่ในสกอตแลนด์ ใกล้หมู่บ้าน glamis 5 ไมล์ทางทิศตะวันตกของ Forfar . ให้หลักของปราสาทวันที่จากศตวรรษที่ 14 และหอคอยตระหง่านและ turrets เพิ่มเติมในปีต่อมา . . .
glamis ปราสาทแห่งนี้เป็นบ้านของบรรพบุรุษของเอิร์ลใน Strathmore , Bowes ลียง มอบให้กับ ครอบครัวเป็นของขวัญในที่ 264 โดยโรเบิร์ตบรูซ .ให้หลักของปราสาทวันที่จากศตวรรษที่ 14 และหอคอยตระหง่านและ turrets เพิ่มเติมในปีต่อมา ครอบครัว Bowes ลียงยังเจ้าของปัจจุบันของปราสาท สมาชิกรวมพระชนนีซึ่งเกิดที่ glamis และให้กำเนิดเจ้าหญิงมากาเร็ตมี .
มีจํานวนมากเห็นผีในโรงแรมกว่าศตวรรษสุดท้ายมีถึงยี่สิบแตกต่างกัน วิญญาณที่อาศัยอยู่ในปราสาทและพื้นที่ บางคนเชื่อว่าเหตุผลทั้งหมดกิจกรรมอาถรรพณ์ที่ปราสาทถูกลง " ห้องลับ " ภายในปราสาทนั้นมีความลับที่น่ากลัว มีหลายเรื่องราวที่แตกต่างกันเกี่ยวกับห้องและสิ่งที่มันมี .
ถ้าคุณยืนอยู่ข้างนอกปราสาท และนับจำนวนของหน้าต่างและเปรียบเทียบกับจำนวนของหน้าต่างภายในอาคาร , คุณจะได้รับหน้าต่างสองบานสั้นเสมอ สนับสนุนทฤษฎีของห้องแห่งความลับใน glamis และว่าในห้องนี้มีได้รับเรื่องการถกเถียงกันมานานกว่า 600 ปี บางส่วนของสมาชิกของพนักงานเชื่อว่า ห้องแห่งความลับคือเรื่องที่ด้านบนของปราสาท ภายในหอคอยที่นี่พวกเขาได้อ้างว่าได้ยินเสียงโครมครามที่แปลกและหน้าม้าที่มาจากภายในผนังของอาคาร ทฤษฎีหนึ่งก็คือศัตรูของ Bowes ลียงถูกฆ่าในห้องลับ คนอื่นเชื่อว่า ในห้องมีพิธีกรรมเวทมนตร์และลึกลับดำเนินใน ดักลาส , Lady Janet
ในผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าคาถา โดยเพื่อนของเจมส์วี และจำคุกหลังจากหลายเดือนในคุกมืด เธอ คือ ชีวิตที่ถูกเผาที่ถือหุ้นอยู่ข้างนอกปราสาทเอดินเบอระ แม้แต่ลูกชายของเธอยังถูกประณามตายและถูกคุมขังเท่านั้นที่จะได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่กษัตริย์ได้ตายไปแล้ว สุภาพสตรีเจเน็ต ดักลาส ผีเป็นที่รู้จักกันเป็น " ผู้หญิง " สีขาว เธอมีปราสาทผีสิง glamis เป็นเวลาหลายร้อยปีวิญญาณได้รับการเห็นค่อนข้างเมื่อเร็ว ๆนี้ในโบสถ์ โดยตัวเลขของพยาน เธอยังกล่าวว่าปรากฏอยู่เหนือ หอนาฬิกา
หนึ่งผีน่าอับอายเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเป็นเอิร์ล Beardie หรือเอิร์ล ครอฟอร์ด ถูกกล่าวหาว่าเขาเป็นคนโหดร้ายและชั่วร้ายอาจเกิดจากการจลาจลกับเจมส์ ii วิญญาณของเขาบอกว่าเดินปราสาทและมีรายงานเด็กตื่นเพื่อหารูปที่พาดผ่านเตียงของพวกเขา แขกคนหนึ่งอยู่ในห้องสีฟ้า เมื่อเธอถูกปลุกให้ตื่นโดยมือถูกปัดจากแก้มของเธอ เธอตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าที่น่ากลัวของชายที่มีเคราโฉบเหนือเธอ กลัวเธอปิดตาของเธอและเมื่อเธอเปิดมันออกมาอีกครั้ง ใบหน้าที่น่ากลัวได้หายไป
ในศตวรรษที่ 17มันถูกกล่าวว่าเป็นทาสสีดำถูกปล้นเปลือย และถูกตามล่าโดยเอิร์ลและสุนัขล่าสัตว์ของพวกเขา ทาสที่ถูกเสียบด้วยหอกซ้ำๆ และหมาหมายฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ในขณะที่ฝ่ายของปราสาทมองในเสียงหัวเราะ การฆ่าทาสของผีอาจจะแปลกรูปที่เรียกว่าแจ็คนัก ที่ได้เห็น darting เกี่ยวกับปราสาทเขากรีดร้องอย่างทรมาน
แขกคนหนึ่งที่ปราสาทถูกปลุกในชั่วโมงแรกโดยระเบิดของอากาศที่หนาวเย็น เธอมองไปรอบ ๆห้อง เธอเห็นร่างของชายในชุดสูทของจดหมายลูกโซ่เกราะ silhouetted กับแสงของเทียนไหม้ในห้องของลูกสาวของเธอ สางดูเหมือนจะหาวิธีเข้าไปในห้องของเด็ก และในการหาประตูมันเข้าไป วินาทีต่อมาแม่ได้ยินว่าลูกของเธอกรีดร้องอย่างหวาดกลัว เมามัน แม่วิ่งเข้ามาในห้อง เด็กอยู่คนเดียว ร้องไห้ออกมาอย่างกับยักษ์ที่เข้ามาในห้องและโน้มใบหน้าของเธอ
มีผีผู้หญิงที่รู้จักกันเป็นสีเทาราวปราสาทและพื้นที่ เอกลักษณ์ของเธอคือ ไม่รู้จักหลายปีมาแล้วที่งานจัดขึ้นที่ปราสาท glamis กว่า 100 ท่าน บนปราสาทที่สนามหญ้าเห็นอดีตของเธอเหิน ที่โดดเด่นทนายความก็ขับรถไป glamis บนไปเมื่อหลายปีก่อน เขาและเพื่อนๆ ได้รับการเชิญไปทานข้าวที่นั่น ขณะที่พวกเขาขับรถเข้าไปในบริเวณปราสาท พวกเขาเห็นรูปเงาของผู้หญิงในชุดสีเทาเพื่อความประหลาดใจของเธอกไลดิดตามอย่างรวดเร็ว เธอเก็บไว้ก้าวกับรถและมีพวกเขาขึ้นสู่ตัวปราสาท ประตู ก่อนจะหายไป
ผีผู้หญิงไม่มีลิ้นว่า สิงภูมี เลือดยัง spatters หน้าเธอเหมือนลิ้นของเธอถูกตัดจากปากของเธอ เธอวิ่งประมาณพื้นที่ชี้มาที่เธอโดนใบหน้า ไม่มีข้อเสนอแนะเพื่อที่เธออาจจะผีเด็กดำหนุ่ม ใครไม่ดีถือว่าประมาณ 200 ปีที่ผ่านมา หลอกหลอนหินที่นั่งตรงประตูห้องนอนของราชินี .
แขกก็จ้องออกไปนอกหน้าต่างห้องนอนของเขาในคืนเดือนหงาย เมื่อเขาสังเกตเห็นใบหน้าที่จ้องมองกลับมาที่เขาจากหน้าต่างบานหนึ่งที่อยู่ตรงข้าม เขารู้ว่ามีแขกอยู่ที่ปราสาทแต่เมื่อเขาสำรวจดูใบหน้าเขาสังเกตเห็นว่า หน้าก็ใส และฝ้าจะของบุคคลอื่น หน้าแล้วหายไปหลายวินาทีต่อมาเสียงหวาดกลัวกรีดร้องมาจากพื้นที่ของหน้าต่างนั้น เขาคิดว่ามันเหมือนคนถูกทรมาน แล้วเขาก็เห็นร่างของหญิงชราที่ถือมัดหนักข้ามลานด้านล่างผู้หญิงเดินไม่กี่ก้าวก็หายไป
กิจกรรมอาถรรพณ์อื่น ๆรวมถึงเสียงเคาะแผ่นถูกกระชากออกจากเตียงในตอนกลางคืน และประตูก็เปิด แม้ว่าพวกเขาจะถูกล็อคและปิด