Addition of urea to corn silage at

Addition of urea to corn silage at ensiling
time is currently an accepted practice (10).
The concurrent addition of 0.5% calcium carbonate
also has been recommended by some
researchers. However, the calcium supplied
by 0.5% limestone, when added to 33% dry
matter silage (1.5% of dry matter or 0.52%
added calcium), appears excessive when compared
with National Research Council (14)
recommended allowances for growing cattle.
If the diet is composed of a mixture of corn
silage and corn grain, calcium supplementa
tion will be more critical than with a diet
composed entirely of corn silage. Corn silage
alone is also deficient in phosphorus and supplementation
with this mineral may be desirable
under certain feeding regimens.
Increased levels of organic acids associated
with limestone and urea additions to chopped
corn plants at ensiling time (9, 11), and increased
conversion efficiency of the dry matter
of treated silage by feedlot animals (9)
have served as the bases for the recommendation
to add these compounds at ensiling time.
Essig (9) also reported that others have not
found such conclusive benefits for making
these additions. Since the effects of these
additions on fermentation have received attention
by only a limited number of researchers
(8, 13), this study was initiated to determine
the influence of added urea and limestone
or dicalcium phosphate on corn silage
fermentation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นอกเหนือจากยูเรียเพื่อข้าวโพดหมักที่หมักเวลาในขณะนี้คือการปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับ (10). นอกจากนี้ที่เกิดขึ้นพร้อมกันของแคลเซียมคาร์บอเนต 0.5% นอกจากนี้ยังได้รับการแนะนำโดยนักวิจัย อย่างไรก็ตามแคลเซียมที่มาจากหินปูน 0.5% เมื่อเติมลงไป 33% แห้งหมักเรื่อง(1.5% ของน้ำหนักแห้งหรือ 0.52% เพิ่มแคลเซียม) ปรากฏขึ้นมากเกินไปเมื่อเทียบกับสภาวิจัยแห่งชาติ(14) แนะนำเบี้ยเลี้ยงสำหรับวัวที่เพิ่มขึ้น. ถ้า อาหารที่ประกอบด้วยส่วนผสมของข้าวโพดหมักและเมล็ดข้าวโพดแคลเซียมsupplementa การจะมีความสำคัญมากกว่ากับอาหารประกอบด้วยทั้งหมดของข้าวโพดหมัก หมักข้าวโพดเพียงอย่างเดียวนอกจากนี้ยังมีขาดฟอสฟอรัสและอาหารเสริมที่มีแร่ธาตุนี้อาจจะเป็นที่น่าพอใจภายใต้สูตรการให้อาหารบางอย่าง. เพิ่มระดับของกรดอินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับหินปูนและเพิ่มยูเรียที่จะสับข้าวโพดที่หมักเวลา(9, 11) และเพิ่มประสิทธิภาพการแปลงของแห้งหมักรับการรักษาโดยสัตว์ที่ขุน (9) ได้ทำหน้าที่เป็นฐานสำหรับข้อเสนอแนะที่จะเพิ่มสารเหล่านี้ในเวลาหมัก. Essig (9) ยังมีรายงานว่าคนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้พบประโยชน์ข้อสรุปดังกล่าวสำหรับการทำเพิ่มเติมเหล่านี้ เนื่องจากผลกระทบของเหล่านี้เพิ่มเติมในการหมักได้รับความสนใจโดยเฉพาะการจำกัด จำนวนนักวิจัย(8, 13) การศึกษาครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะตรวจสอบอิทธิพลของปุ๋ยยูเรียเพิ่มและหินปูนหรือไดแคลเซียมฟอสเฟตในข้าวโพดหมักการหมัก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพิ่มข้าวโพดหมักยูเรียในการหมัก
เวลากำลังฝึกการยอมรับ ( 10 )
2 พร้อมกัน 0.5% แคลเซียมคาร์บอเนต
ยังได้รับการแนะนำโดยนักวิจัยบางคน

อย่างไรก็ตามแคลเซียมมา
โดยหินปูน 0.5% เมื่อเพิ่ม 33 % ของวัตถุแห้ง
หมัก ( 1.5 % ของวัตถุแห้งหรือ 0.52 %
เพิ่มแคลเซียม ) ปรากฏมากเกินไปเมื่อเทียบกับสภาวิจัยแห่งชาติ

( 14 )เบี้ยเลี้ยงแนะนำสำหรับโครุ่น .
ถ้าอาหารที่ประกอบด้วยส่วนผสมของข้าวโพดหมัก

และ เมล็ดข้าวโพด แคลเซียม supplementa tion จะสำคัญกว่ากับอาหาร
ประกอบด้วยทั้งหมดของข้าวโพดหมักได้ ข้าวโพดหมัก
คนเดียวยังขาดฟอสฟอรัส และเสริมด้วยแร่นี้อาจจะถูกใจ

ภายใต้หนึ่งให้อาหาร regimens

เพิ่มปริมาณกรดอินทรีย์ที่เกี่ยวข้องด้วยหินปูนและยูเรียเพิ่มข้าวโพดสับ
ในการหมัก ( 9 , 11 ) และการเพิ่มประสิทธิภาพของการแปลงวัตถุแห้ง

ของอาหารสัตว์รักษาสัตว์ feedlot ( 9 )
ได้ทำหน้าที่เป็นฐานสำหรับคำแนะนำ
เพิ่มสารประกอบเหล่านี้ในการหมัก .
เอสซิก ( 9 ) รายงานว่า คนอื่น ๆยังไม่พบข้อสรุปดังกล่าวสร้างประโยชน์

เพิ่มเติมเหล่านี้ เนื่องจากผลของการเหล่านี้
เพิ่มเติมในและได้รับความสนใจ
โดยเพียงจำนวน จำกัด ของนักวิจัย
( 8 , 13 ) การศึกษานี้ได้ริเริ่มขึ้นเพื่อศึกษาอิทธิพลของปุ๋ยยูเรีย และ

เป็นหินปูนหรือความคลั่งในการหมักไซเลจ
ข้าวโพด