A supply chain, in its classical fo

A supply chain, in its classical form (forward supply chain), is a combination of processes to fulfill customers’ requests and includes all possible entities like suppliers, manufacturers, transporters, warehouses, retailers, and customers themselves (Chopra and Meindl, 2010). According to the American Reverse Logistics Executive Council, reverse logistics is defined as “The process of planning, implementing, and controlling the efficient, cost effective flow of raw materials, in-process inventory, finished goods and related information from the point of consumption to the point of origin for the purpose of recapturing value or proper disposal” (Rogers & Tibben-Lembke, 1998). Indeed, reverse logistics, in general forms, start from end users (first customers) where used products are collected from customers (return products) and then attempts to manage EOL products through different decisions are undertaken including recycling (to have more raw materials or raw parts), remanufacturing (to resale them to second markets or if possible to first customers), repairing (to sell in the second markets through repairing), and finally, disposing of some used parts.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ซัพพลายเชน แบบคลาสสิก (ห่วงโซ่อุปทานไปข้างหน้า), เป็นชุดของกระบวนการเพื่อตอบสนองคำขอของลูกค้า และมีเอนทิตีได้ทั้งหมดเช่นซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต ผู้ คลังสินค้า ร้านค้าปลีก และลูกค้าเอง (โชปราและ Meindl, 2010) ตามอเมริกันกลับโลจิสติกส์บริหารสภา โลจิสติกส์ย้อนกลับถูกกำหนดเป็น "กระบวนการวางแผน นำ และการควบคุมการไหลมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิภาพต้นทุนของวัตถุดิบ สินค้าคงคลังในกระบวนการ สินค้าสำเร็จรูป และข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากจุดการใช้จุดกำเนิดเพื่อ recapturing ค่าหรือกำจัดที่เหมาะสม" (โรเจอร์สและ Tibben-Lembke, 1998) จริง โลจิสติกส์ย้อนกลับ ในรูปแบบทั่วไป เริ่มจากผู้ใช้ (ลูกค้าคนแรก) ที่ใช้ผลิตภัณฑ์รวบรวมจากลูกค้า (คืนสินค้า) และจากนั้น ดำเนินการพยายามจัดการผลิตภัณฑ์ EOL โดยตัดสินใจที่แตกต่างกันรวมถึงการรีไซเคิลมีมากขึ้นวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนการดิบ), remanufacturing (จะขายพวกเขาไปยังสองตลาด หรือถ้าเป็นไปได้ถึงแรกลูกค้า), ซ่อม (จะขายในตลาดที่สองผ่านการซ่อมแซม) และสุดท้าย ทิ้งของบางอย่างใช้ชิ้นส่วน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ห่วงโซ่อุปทานในรูปแบบคลาสสิก (ไปข้างหน้าห่วงโซ่อุปทาน) คือการรวมกันของกระบวนการเพื่อตอบสนองการร้องขอของลูกค้าและมีหน่วยงานที่เป็นไปได้ทั้งหมดเช่นซัพพลายเออร์, ผู้ผลิต, การขนส่ง, โกดัง, ร้านค้าปลีกและลูกค้าตัวเอง (Chopra และ Meindl 2010) . ตามที่ย้อนกลับอเมริกันจิสติกส์คณะผู้บริหารโลจิสติกกลับถูกกำหนดให้เป็น "กระบวนการของการวางแผนการดำเนินการและการควบคุมที่มีประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายในการไหลที่มีประสิทธิภาพของวัตถุดิบสินค้าคงคลังในกระบวนการสินค้าสำเร็จรูปและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากจุดของการบริโภคเพื่อ จุดกำเนิดเพื่อวัตถุประสงค์ในการปล้นค่าหรือการกำจัดที่เหมาะสม "(โรเจอร์สและ Tibben-Lembke, 1998) อันที่จริงกลับจิสติกส์ในรูปแบบทั่วไปเริ่มต้นจากผู้ใช้ (ลูกค้ารายแรก) ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้จะถูกเก็บรวบรวมจากลูกค้า (ผลิตภัณฑ์กลับ) และจากนั้นพยายามที่จะจัดการผลิตภัณฑ์ EOL ผ่านการตัดสินใจที่แตกต่างกันจะดำเนินการรวมทั้งการรีไซเคิล (จะมีวัตถุดิบมากขึ้นหรือดิบ ชิ้นส่วน) remanufacturing (เพื่อขายคืนพวกเขาไปยังตลาดที่สองหรือถ้าเป็นไปได้ให้กับลูกค้าครั้งแรก) ซ่อม (ที่จะขายในตลาดที่สองผ่านการซ่อม) และสุดท้ายการกำจัดชิ้นส่วนที่ใช้บางส่วน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โซ่อุปทานในรูปแบบคลาสสิก ( โซ่ไปข้างหน้าอุปทาน ) คือการรวมกันของกระบวนการเพื่อตอบสนองการร้องขอของลูกค้า และรวมถึงหน่วยงานที่เป็นไปได้ทั้งหมดเช่นซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต , ขนส่ง , คลังสินค้า , ร้านค้าปลีก และลูกค้าเอง ( Chopra และ meindl , 2010 ) ตามที่อเมริกันสภาผู้บริหารโลจิสติกส์ย้อนกลับ ,โลจิสติกส์ย้อนกลับ หมายถึง " กระบวนการวางแผน การดำเนินงานและการควบคุมที่มีประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพการไหลของวัตถุดิบ สินค้าคงคลังกระบวนการสินค้าสำเร็จรูป และข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากจุดของการจุดเริ่มต้นเพื่อการจับกุมตัวค่า หรือขายทิ้งเหมาะสม " ( โรเจอร์& tibben lembke , 1998 ) แน่นอน โลจิสติกส์ย้อนกลับ ในรูปแบบทั่วไปเริ่มจากผู้ใช้ ( ลูกค้า ) ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่รวบรวมจากลูกค้า ( ผลิตภัณฑ์คืน ) และจากนั้นพยายามที่จะจัดการสินค้า EOL ผ่านการตัดสินใจต่างมีปัญหารวมทั้งการรีไซเคิล ( มีวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนวัตถุดิบ ) , remanufacturing ( เพื่อขายให้ตลาดที่สอง หรือถ้าเป็นไปได้ให้ลูกค้าก่อน )ซ่อม ( เพื่อขายในตลาดที่สองผ่านการซ่อม ) และในที่สุดก็กำจัดของบางชิ้นส่วนที่ใช้ .