We studied mobile phone bans in Eng

We studied mobile phone bans in England, as mobile phones are very popular there amongst teenagers. The research involved surveying schools in four cities in England (Birmingham, London, Leicester and Manchester) about their mobile phone policies since 2001 and combining it with student achievement data from externally marked national exams.

After schools banned mobile phones, test scores of students aged 16 increased by 6.4% of a standard deviation, which means that it added the equivalent of five days to the school year.

While our study was based in the UK, where, by 2012, 90.3% of teenagers owned a mobile phone, these results are likely to be significant even here in the US, where 73% of teenagers own a mobile phone.

It is important to note that these gains are prominent amongst the lowest achievers, and changing policy to allow phones in schools has the potential to exacerbate learning inequalities.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เราศึกษาห้ามโทรศัพท์มือถือในอังกฤษ เป็นโทรศัพท์มือถือมีนิยมมากในบรรดาวัยรุ่น งานวิจัยเกี่ยวข้องกับการสำรวจโรงเรียนใน 4 เมืองในอังกฤษ (เบอร์มิ่งแฮม ลอนดอน เลสเตอร์ และแมนเชสเตอร์) เกี่ยวกับนโยบายโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ปี 2001 และรวมข้อมูลผลสัมฤทธิ์นักเรียนจากชาติสอบทำเครื่องหมายภายนอกหลังจากที่โรงเรียนห้ามโทรศัพท์มือถือ คะแนนทดสอบของนักเรียนอายุ 16 เพิ่มขึ้น 6.4% ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งหมายความ ว่า มันเพิ่มเทียบเท่ากับห้าวันปีโรงเรียนในขณะที่เราตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักร ที่ ปี 2012, 90.3% ของวัยรุ่นเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ ผลลัพธ์เหล่านี้มีแนวโน้มที่มีความสำคัญแม้แต่ที่นี่ในสหรัฐอเมริกา ที่ 73% ของวัยรุ่นเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือสิ่งสำคัญที่จะ ทราบว่า กำไรเหล่านี้โดดเด่นท่ามกลาง achievers ต่ำ การเปลี่ยนนโยบายให้โทรศัพท์ในโรงเรียนมีศักยภาพในการทำให้ความเหลื่อมล้ำทางเรียนรุนแรงได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เราศึกษาเรย์แบนโทรศัพท์มือถือในประเทศอังกฤษเป็นโทรศัพท์มือถือเป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่นมี การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจโรงเรียนในสี่เมืองในประเทศอังกฤษ (เบอร์มิงแฮม, ลอนดอน, เลสเตอร์และแมนเชสเตอร์) เกี่ยวกับนโยบายของโทรศัพท์มือถือของพวกเขาตั้งแต่ปี 2001 และรวมกับข้อมูลผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนจากการทำเครื่องหมายภายนอกการสอบระดับชาติ. หลังจากโรงเรียนห้ามโทรศัพท์มือถือผลสอบของนักเรียนอายุ 16 เพิ่มขึ้น 6.4% ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานซึ่งหมายความว่ามันเพิ่มเท่ากับห้าวันไปโรงเรียนปีค. ขณะที่การศึกษาของเราที่อยู่ในสหราชอาณาจักรที่ปี 2012, 90.3% ของวัยรุ่นที่เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือผลลัพธ์เหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะมีความสำคัญแม้ที่นี่ในสหรัฐอเมริกาที่ 73% ของวัยรุ่นที่เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ. มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะทราบว่ากำไรเหล่านี้มีความโดดเด่นในหมู่ที่ประสบความสำเร็จต่ำสุดและการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่จะช่วยให้โทรศัพท์ในโรงเรียนมีศักยภาพที่จะทำให้รุนแรงการเรียนรู้ ความไม่เท่าเทียมกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เราใช้โทรศัพท์มือถือห้ามในอังกฤษ เป็นโทรศัพท์มือถือเป็นที่นิยมมากมีในหมู่วัยรุ่น งานวิจัยการสำรวจโรงเรียนใน 4 เมืองในอังกฤษ ( เบอร์มิงแฮม , ลอนดอน , เลสเตอร์ และ แมนฯ ) เกี่ยวกับนโยบายการโทรศัพท์มือถือของพวกเขาตั้งแต่ปี 2001 และรวมกับนักเรียน ข้อมูลจากภายนอกที่มีการสอบระดับชาติ

หลังจากโรงเรียนห้ามโทรศัพท์มือถือคะแนนสอบของนักเรียนอายุ 16 เพิ่มขึ้น 6.4% ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งหมายความ ว่า มันเพิ่มเท่ากับ 5 วัน ปีโรงเรียน

ในขณะที่การเรียนรู้ของเราใน UK ที่โดย 2012 90.3% ของวัยรุ่นที่เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ ผลลัพธ์เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะพบได้ที่นี่ ในสหรัฐอเมริกาที่ 73% ของวัยรุ่น

เจ้าของโทรศัพท์มือถือมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะทราบว่าผลประโยชน์เหล่านี้จะโดดเด่นในหมู่นักเรียนต่ำสุด และการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อให้โทรศัพท์มือถือในโรงเรียนมีศักยภาพที่จะเพิ่มการเรียนรู้ของอสมการ