Easter is one of the most celebrate

Easter is one of the most celebrated festivals of the modern Christian church. According to St.Bede, an English historian of the eighteenth century Easter owes its origin to the old Teutonic mythology. The name Easter was originally derived from the word Eostre. Eostre was the ancient Greek goddess of spring. It was believed that every year, Eostre returned to Earth after a long, cold winter and brought along with her the light and warmth of spring. Thus, ancient Greeks held pagan festivals to welcome Eostre and herald the onset of spring.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อีสเตอร์เป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของคริสตจักรคริสเตียนที่ทันสมัย ตาม st.bede, ประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษของศตวรรษที่สิบแปดอีสเตอร์เป็นหนี้กำเนิดในตำนานเก่าเต็มตัว ชื่ออีสเตอร์มาจาก Eostre เดิมคำว่า Eostre เป็นเทพธิดากรีกโบราณของฤดูใบไม้ผลิ ก็เชื่อว่าทุกปี Eostre กลับไปยังโลกหลังจากที่ยาวฤดูหนาวเย็นและมาพร้อมกับเธอแสงและความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นชาวกรีกโบราณที่จัดขึ้นในงานเทศกาลคนป่าเถื่อนที่จะต้อนรับ Eostre และประกาศการโจมตีของฤดูใบไม้ผลิ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เทศกาลอีสเตอร์เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองมากที่สุดของโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่ง ตาม St.Bede เป็นนักประวัติศาสตร์อังกฤษศตวรรษ eighteenth อีสเตอร์ค้างชำระมาให้เทพปกรณัม Teutonic เก่า ชื่ออีสเตอร์คือแต่เดิมมาจากคำว่า Eostre Eostre เจ้ากรีกโบราณของสปริงได้ มันเป็นความเชื่อที่ทุกปี Eostre กลับสู่โลกหลังยาว เย็นฤดูหนาว และนำไปด้วยไฟและความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้น กรีกโบราณจัดเทศกาลสะเอียน Eostre ยินดีต้อนรับ และเฮรัลด์ของสปริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วันอีสเตอร์คือหนึ่งในงานเทศกาลที่มีชื่อเสียงของโบสถ์ชาวคริสต์ที่ทันสมัย ตามเพื่อไปยัง St . bede วันอีสเตอร์ ภาษาอังกฤษ นักประวัติศาสตร์ของศตวรรษที่สิบแปดที่เป็นหนี้ที่มาของนิทานเยอรมันในศตวรรษที่เก่าแก่ ชื่ออีสเตอร์วันที่ได้มาจากคำว่า eostre เดิม eostre เป็นเทพธิดากรีกที่เก่าแก่ของฤดูใบไม้ผลิ มันเป็นเชื่อว่าทุกๆปี eostre กลับมายังโลกหลังจากเป็นเวลานานฤดูหนาวที่หนาวเย็นและนำไปด้วยความอบอุ่นและแสงของฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นชาวกรีกโบราณจัดงานเทศกาลคนนอกศาสนาให้การต้อนรับ eostre และป่าวประกาศพระบรมราชู ปถัมภ์ ของฤดูใบไม้ผลิ