In contrast, Burger King was percei

In contrast, Burger King was perceived by industry analysts as having significant problems. As a result, Burger King’s share price had fallen by half from 2008 to 2010. During fiscal year 2010 (ending June 30), Burger King earned $186.8 million on revenues of $2.50 billion. Although its total revenues had dropped only slightly from $2.54 billion in fiscal 2009 and increased from $2.45 billion in 2008, net income fell from $200.1 million in 2009 and $189.6 million in 2008. Even though same-store sales stayed positive for McDonald’s during the recession, they dropped 2.3% for Burger King from fiscal 2009 to 2010. In addition, some analysts were concerned that expenses were high at Burger King’s
company-owned restaurants. Expenses as a percentage of total company-owned restaurant revenues were 87.8% in fiscal 2010 for Burger King compared to only 81.8% for McDonald’s in fiscal 2009.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตรงกันข้าม เบอร์เกอร์คิงถูกรับรู้ โดยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเป็นปัญหาสำคัญ ดัง เบอร์เกอร์คิงราคาหุ้นได้ลดลงจากช่วงครึ่งปี 2551 ถึง 2553 ในระหว่างปีงบประมาณ 2553 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน), เบอร์เกอร์คิงได้รับ $186.8 ล้านรายได้รวม $2.50 พันล้าน แม้ว่ารายได้ที่ได้ลดลงเพียงเล็กน้อยจาก 2.54 พันล้านเหรียญในปี 2009 และเพิ่มขึ้นจาก 2.45 พันล้านดอลลาร์ในปี 2008 กำไรสุทธิตกจาก 200.1 ล้านเหรียญในปี 2009 และ 189.6 ล้านเหรียญในปี 2008 แม้ว่าการขายของร้านเดียวกันอยู่บวกแมคโดนัลด์ในช่วงภาวะถดถอย พวกเขาลดลง 2.3% สำหรับเบอร์เกอร์คิงจากเงิน 2009 กับ 2010 นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางคนกังวลว่า ค่าใช้จ่ายได้สูงที่เบอร์เกอร์คิงส์ร้านอาหารของบริษัท ค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมของบริษัทร้านอาหารถูก 87.8% ในปีงบประมาณ 2553 สำหรับเบอร์เกอร์คิงเทียบกับเพียง 81.8% สำหรับแมคโดนัลด์ในปีงบประมาณ 2552

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในทางตรงกันข้ามเบอร์เกอร์คิงรับรู้โดยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมที่มีปัญหาที่สำคัญ เป็นผลให้ราคาหุ้นของเบอร์เกอร์คิงได้ลดลงครึ่งหนึ่งจากปี 2008 ถึงปี 2010 ในระหว่างปีบัญชี 2010 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน) เบอร์เกอร์คิงได้รับ 186.8 $ ล้านรายได้ 2.50 พันล้าน $ แม้ว่ารายได้รวมได้ลดลงเพียงเล็กน้อยจาก 2.54 $ พันล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2009 และเพิ่มขึ้นจาก 2.45 $ พันล้านในปี 2008 รายได้สุทธิลดลงจาก 200.1 ล้าน $ ในปี 2009 และ 189.6 ล้าน $ ในปี 2008 แม้ว่ายอดขายสาขาเดิมที่อยู่ในเชิงบวกสำหรับโดนัลด์ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย พวกเขาลดลง 2.3% สำหรับเบอร์เกอร์คิงจากปีงบประมาณ 2009 ถึงปี 2010 นอกจากนี้นักวิเคราะห์บางคนกังวลว่าค่าใช้จ่ายที่อยู่ในระดับสูงที่เบอร์เกอร์คิง
ร้านอาหารที่เป็นเจ้าของ บริษัท ค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้จากร้านอาหารของ บริษัท ที่เป็นเจ้าของทั้งหมด 87.8% ในปีงบประมาณ 2010 สำหรับเบอร์เกอร์คิงเท่านั้นเมื่อเทียบกับ 81.8% สำหรับโดนัลด์ในปีงบประมาณ 2009

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในทางตรงกันข้าม , Burger King ถูกรับรู้โดยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมว่ามีปัญหาที่สำคัญ เป็นผลให้ราคาหุ้นเบอร์เกอร์คิงได้ลดลงครึ่งหนึ่งจาก 2551 ถึง 2553 ในช่วงปีงบประมาณ 2553 ( สิ้นสุด 30 มิถุนายน ) , Burger King ได้รับ $ 186.8 ล้านในรายได้ของ $ 2.50 พันล้าน แม้ว่ารายได้รวมของมันได้ลดลงเพียงเล็กน้อยจาก $ 2.54 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2552 และเพิ่มขึ้นจาก $ 2.45 พันล้านในปี 2551 มีกำไรสุทธิลดลงจาก $ 200.1 ล้านบาทและ $ 189.6 ล้านบาทในปี 2551 แม้ว่าการขายร้านเดียวกันอยู่ในเชิงบวกสำหรับแมคโดนัลด์ในช่วงภาวะถดถอยที่พวกเขาลดลง 2.3% สำหรับเบอร์เกอร์ คิง จากงบประมาณปี 2553 นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางคนกังวลว่าค่าใช้จ่ายสูงของเบอร์เกอร์คิงบริษัทที่เป็นเจ้าของร้านอาหาร ค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมบริษัทเป็นเจ้าของร้านอาหารเป็น 87.8 ในปีงบประมาณ 2553 สำหรับเบอร์เกอร์คิงเมื่อเทียบกับเพียงร้อยละ 81.8 แมคโดนัลด์ในปีงบประมาณ 2552