Job satisfactionAccording to the JS

Job satisfaction
According to the JSS tool, participants can be assigned to satisfaction, ambivalent or dissatisfaction categories (Spector 1997). The majority of respondents were ambivalent as to whether they were satisfied with their jobs or not (68%), 17.4% reported satisfaction with their job whereas 15% reported dissatisfaction. Job satisfaction levels among the age groups were shown to be statistically different (F = 5.623, P = 0.001) with post-hoc results revealing that nurses in the 20–29 year age group had statistically higher job satisfaction than the 30–39 or 40–49 years age groups. Significant differences in levels of job satisfaction were found among the hospitals (F = 11.30, P < 001). Registered Nurses reported the lowest job satisfaction whereas the Enrolled Nurses and midwives reported the highest levels of job satisfaction with mean scores. These results indicated that the difference in job satisfaction levels by level of nursing education was statistically significant (F = 3.961, P = 0.002). In addition, a significant difference in job satisfaction was indicated among the years of nursing experience groups (F = 6.597, P < 0.001). Post-hoc results revealed that nurses with less years of nursing experience had more job satisfaction than those with more experience. Although nurses without extra responsibility (not ward or unit in-charges or deputies) reported a slightly higher level of job satisfaction than those with this responsibility, the difference was not significant. Like- wise, there were no statistically significant differences in job satisfaction between nurses working on different ward/units.
Job performance
Job performance was assessed using column B overall mean scores of the 6-DSNP which assesses nurses self- rated job performance quality. The mean score for teaching and collaboration scale was the lowest at 2.76 (SD = 0.57) whereas professional development and critical care had the highest mean scores of 3.23 (SD = 0.56) and 3.17 (SD = 0.43), respectively. A significant difference in job performance means among the number of children groups was observed. Nurses without children had higher mean scores for job performance than those with five or more children. No significant differences in job performance were found by age group or by marital status. Significant differences in job performance were also found by type of hospital with the public hospital having the lowest mean score (F = 7.95, P < 0.001). However, there was no significant difference in job performance mean scores between the nursing education groups. As seen in Table 2, the groups which reported higher perceived occupational stress also reported lower job satisfaction and job performance. In summary, analysis of the influence of hospital type on means of occupational stress, job satisfaction and job performance revealed statistically significant differences between the hospitals. Post-hoc results indicated significant differences in occupational stress, job satisfaction and job performance by type of hospital (public vs. private not-for-profit). Nurses in the public hospital reported more occupational stress, had less job satisfaction and rated themselves more poorly on job performance than those in private not-for-profit hospitals.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความพึงพอใจงาน
ตามเครื่องมือซอฟท์แวร์ ร่วมให้ความพึงพอใจ ไม่แน่ใจหรือความไม่พอใจประเภท (Spector 1997) ส่วนใหญ่ของผู้ตอบถูกไม่แน่ใจว่าว่าพวก satisfied กับงาน หรือไม่ (68%), 17.4% รายงานความพึงพอใจกับงานของพวกเขาในขณะที่ 15% รายงานความไม่พอใจ มีแสดงระดับความพึงพอใจงานระหว่างกลุ่มอายุจะแตกต่างกันทางสถิติ (F = 5.623, P = 0.001) เฉพาะกิจลงเผยให้เห็นว่า พยาบาลในกลุ่มอายุปี 20–29 มีสูงทางสถิติผลงานความพึงพอใจกว่า 30–39 หรือ 40–49 ปีกลุ่มอายุ พบ Significant ความแตกต่างในระดับของความพึงพอใจในงานระหว่างโรงพยาบาล (F = 11.30, P < 001) พยาบาลลงทะเบียนรายงานความพึงพอใจในงานต่ำในขณะที่พยาบาลที่ลงทะเบียนและ midwives รายงานความพึงพอใจในงานมีคะแนนเฉลี่ยระดับสูงสุด ผลลัพธ์เหล่านี้บ่งชี้ว่า ความแตกต่างของระดับความพึงพอใจงานตามระดับการศึกษาพยาบาลเป็นทางสถิติ significant (F = 3.961, P = 0.002) นอกจากนี้ เผยต่าง significant ความพึงพอใจในงานระหว่างปีของพยาบาลกลุ่มประสบการณ์ (F = 6.597, P < 0.001) ผลการลงรายการบัญชีเฉพาะกิจเปิดเผยว่า พยาบาล มีน้อยการพยาบาลประสบการณ์มีความพึงพอใจงานมากขึ้นกว่าผู้ที่มีประสบการณ์มากขึ้น แม้ว่าพยาบาลไม่ มีความรับผิดชอบเพิ่มเติม (ไม่ผู้ป่วยหรือหน่วยในค่าธรรมเนียมหรือผู้แทนราษฎรสเปน) รายงานระดับสูงขึ้นเล็กน้อยความพึงพอใจในงานมากกว่าผู้ที่มีความรับผิดชอบนี้ ความแตกต่างไม่ใช่ significant เช่น-wise มีทางสถิติไม่แตกต่างความพึงพอใจในงานระหว่างพยาบาลที่ทำงานบนวอร์ดต่าง ๆ significant / หน่วย.
งานประสิทธิภาพ
ปฏิบัติงานที่ประเมินโดยใช้คอลัมน์ B หมายถึง คะแนนของ 6-DSNP ซึ่งดำรงชีวิตพยาบาลตนเอง-จัดอันดับคุณภาพประสิทธิภาพงานโดยรวม คะแนนเฉลี่ยในระดับที่สอนและทำงานร่วมกันได้ต่ำสุดที่ 2.76 (SD = 0.57) ในขณะที่การพัฒนาอาชีพและดูแลสำคัญมีคะแนนเฉลี่ยสูงสุดของ 3.23 (SD = 0.56) และ 3.17 (SD = 0.43), ตามลำดับ Significant ความแตกต่างในการปฏิบัติงานหมายความว่า ในจำนวนเด็กกลุ่มที่สังเกต พยาบาลไม่ มีเด็กมีสูงหมายถึงคะแนนการปฏิบัติงานมากกว่าผู้ที่มี five หรือเด็กเพิ่มเติม พบความแตกต่างไม่ significant ในการปฏิบัติงาน ตามกลุ่มอายุ หรือสถานภาพสมรส นอกจากนี้ยังพบความแตกต่าง Significant ในการปฏิบัติงานตามชนิดของโรงพยาบาลสาธารณะโรงพยาบาลมีคะแนนเฉลี่ยต่ำสุด (F = 7.95, P < 0.001) อย่างไรก็ตาม มีไม่ significant ความแตกต่างคะแนนเฉลี่ยของประสิทธิภาพงานระหว่างพยาบาลในกลุ่มการศึกษา เห็นในตารางที่ 2 กลุ่มที่รายงานสูงเครียดอาชีวรับรู้รายงานความพึงพอใจงานที่ต่ำและปฏิบัติงาน ในสรุป การวิเคราะห์ influence ของโรงพยาบาลชนิดหมายถึงความเครียดอาชีว ความพึงพอใจในงานและปฏิบัติงานเปิดเผยทางสถิติ significant ความแตกต่างระหว่างโรงพยาบาล ผลการลงรายการบัญชีเฉพาะกิจบุ significant ความแตกต่างในความเครียดอาชีว ความพึงพอใจในงานและปฏิบัติงานตามชนิดของโรงพยาบาล (มหาชนกับเอกชนไม่สำหรับ-profit) พยาบาลในโรงพยาบาลสาธารณะรายงานอาชีวเครียดเพิ่มมากขึ้น มีความพึงพอใจงานน้อย และคะแนนตัวเองไม่ดีขึ้นในการปฏิบัติงานในโรงพยาบาลเอกชนไม่สำหรับ-profit.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พึงพอใจในงาน
ตามที่เครื่องมือ JSS ผู้เข้าร่วมจะได้รับมอบหมายให้เป็นที่พอใจประเภทสับสนหรือความไม่พอใจ (สเปคเตอร์ 1997) ส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามมีความเด็ดขาดเป็นไปได้ว่าพวกเขามีความพึงพอใจกับงานของพวกเขาหรือไม่ (68%), 17.4% รายงานความพึงพอใจกับงานของพวกเขาในขณะที่ 15% รายงานความไม่พอใจ ระดับความพึงพอใจในหมู่กลุ่มอายุที่มีการแสดงที่จะแตกต่างทางสถิติ (F = 5.623, P = 0.001) โดยมีผลการโพสต์แสดงให้เห็นว่านักเรียนพยาบาลอยู่ในกลุ่มอายุ 20-29 ปีมีความพึงพอใจในงานสถิติสูงกว่า 30-39 หรือ 40 -49 ปีกลุ่มอายุ ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในระดับความพึงพอใจในการทำงานของเขาถูกพบในโรงพยาบาล (F = 11.30, P <001) พยาบาลที่ลงทะเบียนรายงานความพึงพอใจต่ำสุดในขณะที่พยาบาลเข้าร่วมและพยาบาลผดุงครรภ์รายงานระดับสูงสุดของความพึงพอใจในงานมีคะแนนเฉลี่ย ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าแตกต่างในระดับความพึงพอใจจำแนกตามระดับการศึกษาพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (F = 3.961, P = 0.002) นอกจากนี้ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความพึงพอใจของงานคือการแสดงให้เห็นในปีที่ผ่านมาของกลุ่มการพยาบาลประสบการณ์ (F = 6.597, p <0.001) ผล Post-hoc เปิดเผยว่าพยาบาลที่มีน้อยกว่าปีที่ผ่านมาจากประสบการณ์การพยาบาลมีความพึงพอใจการทำงานมากขึ้นกว่าผู้ที่มีประสบการณ์มากขึ้น แม้ว่าพยาบาลโดยไม่ต้องรับผิดชอบเป็นพิเศษ (ไม่ได้ป้องกันหรือหน่วยงานในค่าใช้จ่ายหรือเจ้าหน้าที่) รายงานระดับที่สูงขึ้นเล็กน้อยของความพึงพอใจในการทำงานมากกว่าผู้ที่มีความรับผิดชอบนี้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญไม่ได้ เช่นฉลาดไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในความพึงพอใจระหว่างพยาบาลที่ทำงานในหอผู้ป่วย / หน่วยที่แตกต่างกัน
การปฏิบัติงาน
ที่มีประสิทธิภาพการทำงานได้รับการประเมินโดยใช้คอลัมน์ B โดยรวมเฉลี่ยของคะแนน 6 DSNP ซึ่งประเมินพยาบาล คุณภาพการปฏิบัติงานด้วยตนเองคะแนน คะแนนเฉลี่ยสำหรับขนาดการเรียนการสอนและการทำงานร่วมกันมีค่าต่ำสุดที่ 2.76 (SD = 0.57) ในขณะที่การพัฒนาวิชาชีพและการดูแลที่สำคัญมีคะแนนสูงสุดเฉลี่ย 3.23 (SD = 0.56) และ 3.17 (SD = 0.43) ตามลำดับ ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการปฏิบัติงานหมายถึงในหมู่จำนวนของเด็กกลุ่มที่ได้รับการตั้งข้อสังเกต พยาบาลโดยเด็กมีคะแนนเฉลี่ยที่สูงขึ้นสำหรับการปฏิบัติงานมากกว่าผู้ที่มีห้าหรือมากกว่าเด็ก ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในการปฏิบัติงานของเขาถูกพบโดยกลุ่มอายุหรือสถานภาพการสมรส ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการปฏิบัติงานนอกจากนี้ยังพบตามประเภทของโรงพยาบาลที่มีโรงพยาบาลของรัฐที่มีคะแนนเฉลี่ยต่ำสุด (F = 7.95, p <0.001) แต่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการปฏิบัติงานมีคะแนนเฉลี่ยระหว่างกลุ่มการศึกษาพยาบาล เท่าที่เห็นในตารางที่ 2 กลุ่มซึ่งรายงานความเครียดสูงกว่าการรับรู้ยังรายงานความพึงพอใจลดลงและการปฏิบัติงาน ในการสรุปการวิเคราะห์อิทธิพลของประเภทของโรงพยาบาลในความหมายของความเครียดความพึงพอใจในการทำงานและการปฏิบัติงานพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างโรงพยาบาล ผล Post-hoc ชี้ให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความเครียดความพึงพอใจในการทำงานและการปฏิบัติงานตามประเภทของโรงพยาบาล (ประชาชนกับภาคเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไร) พยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐที่มีการรายงานความเครียดมากขึ้นมีความพึงพอใจในการทำงานน้อยลงและจัดอันดับตัวเองไม่ดีมากขึ้นในการปฏิบัติงานมากกว่าผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลที่ไม่แสวงหาผลกำไรภาคเอกชน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความพึงพอใจ
เป็นไปตาม JSS เครื่องมือ , ผู้เข้าร่วมสามารถมอบหมายให้ความสนใจหรือความไม่พอใจประเภท ( สเป็กเตอร์ 1997 ) ส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามสนใจว่าพวกเขาพอจึงเอ็ดกับงานของตน หรือ ไม่ ( 68% ) , 17.4% รายงานความพึงพอใจกับงานของพวกเขาในขณะที่ 15% ถึงความไม่พอใจความพึงพอใจในการปฏิบัติงานระดับระหว่างกลุ่มอายุได้แสดงให้เห็นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( r = 5.623 , p = 0.001 ) หาผลเปิดเผยว่า พยาบาลใน 20 – 29 ปี กลุ่มอายุ มีความพึงพอใจในการปฏิบัติงานแตกต่างกัน สูงกว่า 30 – 39 หรือ 40 – 49 ปี กลุ่มอายุ . signi จึงไม่สามารถ ความแตกต่างของระดับความพึงพอใจ พบว่า ในโรงพยาบาล ( f = 11 , p < . 001 )พยาบาลรายงานค่าความพึงพอใจในขณะที่เรียนพยาบาลและผดุงครรภ์รายงานระดับสูงสุดของความพึงพอใจในงานกับคะแนน หมายถึง ผลการทดลองนี้ชี้ให้เห็นว่า ความแตกต่างในระดับความพึงพอใจในงานตามระดับการศึกษาทางการพยาบาล มีความสัมพันธ์ทาง signi จึงไม่สามารถ ( F = 3.961 , p = 0.002 ) นอกจากนี้เป็น signi จึงไม่สามารถระบุความแตกต่างในการปฏิบัติงานระหว่างปีของกลุ่มประสบการณ์การพยาบาล ( F = 6.597 , p < 0.001 ) หาผลการศึกษาพบว่า พยาบาลกับปีของประสบการณ์ในงานพยาบาลมีความพึงพอใจมากขึ้นกว่าผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าแม้ว่าพยาบาลโดยไม่มีความรับผิดชอบพิเศษ ( ไม่ใช่แผนกหรือหน่วยในข้อหา หรือเจ้าหน้าที่ ) รายงานสูงกว่าเล็กน้อยระดับความพึงพอใจสูงกว่ากลุ่มที่มีความรับผิดชอบนี้ ความแตกต่างไม่ได้ signi จึงไม่ได้ ชอบ - ปัญญา พบว่ามี signi จึงไม่สามารถความแตกต่างในความพึงพอใจระหว่างประจำการในหน่วยผู้ป่วย /
การปฏิบัติงานแตกต่างกันผลการปฏิบัติงานโดยรวมและใช้ค่าเฉลี่ยของคะแนนประเมินตนเอง 6-dsnp ซึ่งพยาบาล  คะแนนการปฏิบัติงานคุณภาพ คอลัมน์ B . ค่าเฉลี่ยสำหรับการสอนและระดับความร่วมมือต่ำสุดที่ 2.76 ( SD = 0.57 ) และการพัฒนาอาชีพ และการดูแลผู้ป่วยวิกฤติ ได้คะแนนสูงสุดค่าเฉลี่ย 3.23 ( SD = 0.36 ) และไต้หวัน ( SD = 0.67 ) ตามลำดับเป็น signi จึงไม่สามารถความแตกต่างในการปฏิบัติงาน หมายถึง ระหว่างหมายเลขของกลุ่มเด็ก ) พยาบาลที่ไม่มีลูก มีระดับการปฏิบัติงานสูงกว่าจึงได้หรือกับเด็กมากขึ้น ไม่ signi จึงไม่พบความแตกต่างในการปฏิบัติงานโดยกลุ่มอายุหรือสถานภาพsigni จึงไม่พบความแตกต่างในการปฏิบัติงานตามประเภทของโรงพยาบาล กับโรงพยาบาลเอกชน มีคะแนนเฉลี่ยต่ำสุด ( F = 7.95 , p < 0.001 ) แต่ไม่มี signi จึงไม่สามารถเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของ คะแนนผลการปฏิบัติงานระหว่างการศึกษาพยาบาลกลุ่ม เท่าที่เห็นในตารางที่ 2กลุ่มที่รายงานการรับรู้ความเครียดยังมีรายงานลดความพึงพอใจในงานและการปฏิบัติงาน ในการสรุป การวิเคราะห์ในfl uence โรงพยาบาลประเภทในวิธีการของความเครียด ความพึงพอใจในงานและการปฏิบัติงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ signi จึงไม่สามารถเปิดเผยความแตกต่างระหว่างโรงพยาบาล หา signi จึงไม่พบความแตกต่างในความเครียดอาชีวความพึงพอใจในงานกับการปฏิบัติงานตามประเภทของโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนจึงไม่โปรหรอก ) พยาบาลในโรงพยาบาลรัฐบาลรายงานความเครียดมากขึ้น มีความพึงพอใจในการปฏิบัติงานน้อยกว่า และคะแนนตัวเองมากกว่างานในการปฏิบัติงานมากกว่ากลุ่มเอกชนไม่ใช่โปร T

จึงไปโรงพยาบาล