หากการส่งมอบสินค้าที่เร็วไป (Early Delivery) ก็จะทำให้เกิดสินค้าคงคลังส่วนเกินหรือ Surplus Inventory คือมีสินค้าส่วนเกินที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ซึ่งเป็นต้นทุนประมาณ 1/3 ของต้นทุนโลจิสติกส์ อย่างไรก็ดี หากการส่งมอบเป็น Late Delivery คือ ส่งมอบล่าช้าก็จะเกิดความเสียหาย คือ วัตถุดิบขาดช่วง ทำให้การผลิตชงักงันและมีผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ และก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง ตลอดห่วงโซ่อุปทานและมีผลกระทบ (Effect) ต่อการส่งมอบกับลูกค้ารายสุดท้าย ซึ่งก็คือผู้บริโภค ดังนั้น การจัดการ JIT Delivery ธุรกิจส่วนใหญ่มักจะป้องกันการผิดพลาดในการส่งมอบ จึงมีการกำหนด Buffer Time คือ ช่วงระยะเวลาการส่งมอบที่ยอมรับได้ แต่เนื่องจากการแข่งขันทางด้านต้นทุน ทำให้ช่องว่างของ Buffer Time จะยิ่งแคบจนเส้นของ Real Time Delivery คือ เส้นเวลาการส่งมอบแบบทันเวลากับเส้นของ Buffer Time กลายเป็นเส้นเดียวกัน ทั้งนี้ JIT เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการผลิตที่ทำให้สต๊อกลดน้อยที่สุด ที่เรียกว่า การผลิตแบบลีน (Lean Production) โดยแนวคิดเกี่ยวกับการผลิตแบบลีนหรือเรียกว่าการผลิตแบบยืดหยุ่น จะเป็นการผลิตด้วยการประหยัดด้วยความเร็ว