Poplar processing residues were use

Poplar processing residues were used for methane production by anaerobic digestion after alkaline treatment and methane production was measured. The highest methane production of 271.9 L/kg volatile solid (VS) was obtained at conditions of 35 g/L and 5.0% NaOH, which was 113.8% higher than non-alkaline treated samples, and 28.9% higher than that of corn straw, which is the conventional anaerobic digestion material in China. The maximal enhancement of 275.5% obtained at conditions of 50 g/L and 7.0% NaOH. Degradation of cellulose, hemicellulose and lignin after treatment increased by 4.0–9.0%, 3.3–6.2%, and 11.1–20.5%, respectively, with NaOH dose ranged from 3.0% to 7.0%. Scanning electron microscopy (SEM), FTIR spectra and Crystallinity measurements showed that the lignocellulosic structures were disrupted by NaOH. The results indicate poplar processing residues might be an efficient substrate for methane production after alkaline treatment.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปอปลาร์ประมวลผลตกค้างถูกใช้สำหรับการผลิตมีเทน โดยไม่ใช้ออกซิเจนย่อยอาหารหลังจากบำบัดและมีเทนผลิตด่างถูกวัด การผลิตมีเทนสูงสุดของของแข็งระเหย 271.9 L/kg (VS) ถูกรับในเงื่อนไขของ 35 g/L และ 5.0% NaOH ที่ 113.8% สูงกว่าตัวอย่างการบำบัดไม่ใช่ด่าง และ 28.9% สูงกว่าที่ฟางข้าวโพด ซึ่งเป็นวัสดุย่อยอาหารไม่ใช้ทั่วไปในประเทศจีน เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของ% 275.5 รับในเงื่อนไขของ 50 g/L และ 7.0% NaOH ย่อยสลายเซลลูโลส hemicellulose และ lignin หลังจากเพิ่มขึ้น 4.0 – 9.0%, 3.3 – 6.2% และ 11.1 – 20.5% ตามลำดับ กับ NaOH ยารักษาอยู่ในช่วง 3.0% จาก 7.0% สแกน microscopy อิเล็กตรอน (SEM), แรมสเป็คตรา FTIR และ Crystallinity วัดแสดงให้เห็นว่า โครงสร้าง lignocellulosic ได้ระหว่างสองวัน ด้วย NaOH ผลระบุปอปลาร์ประมวลผลตกค้างอาจมีพื้นผิวมีประสิทธิภาพสำหรับการผลิตมีเทนหลังรักษาด่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การประมวลผลตกค้​​างป็อปลาร์ถูกนำมาใช้ในการผลิตก๊าซมีเทนจากการหมักหลังการรักษาอัลคาไลน์และการผลิตก๊าซมีเทนวัด การผลิตก๊าซมีเทนสูงสุดของ 271.9 ลิตร / kg ระเหยที่เป็นของแข็ง (VS) ที่ได้รับในเงื่อนไขของ 35 กรัม / ลิตรและ 5.0% NaOH ซึ่งเป็น 113.8% สูงกว่าที่ไม่ได้รับการรักษาด่างตัวอย่างและ 28.9% สูงกว่าที่ทำจากฟางข้าวโพด ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการย่อยอาหารทั่วไปในประเทศจีน การเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของ 275.5% ได้ที่เงื่อนไขของ 50 กรัม / ลิตรและ 7.0% NaOH ย่อยสลายเซลลูโลสเฮมิเซลลูโลสและลิกนินหลังการรักษาเพิ่มขึ้น 4.0-9.0%, 3.3-6.2% และ 11.1-20.5% ตามลำดับมีปริมาณ NaOH ตั้งแต่ 3.0% ถึง 7.0% กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด (SEM) สเปกตรัม FTIR และการวัดผลึกแสดงให้เห็นว่าโครงสร้างลิกโนเซลลูโลสถูกรบกวนด้วย NaOH ผลการวิจัยพบสารตกค้างในการประมวลผลต้นไม้ชนิดหนึ่งอาจจะมีพื้นผิวที่มีประสิทธิภาพในการผลิตก๊าซมีเทนหลังการรักษาอัลคาไลน์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตกค้างของต้นไม้ชนิดหนึ่งใช้ในการผลิตก๊าซมีเทนจากการหมักหลังจากการรักษาและการผลิตก๊าซมีเทนเป็นด่างได้ การผลิตก๊าซมีเทนสูงสุดของ 271.9 ลิตร / กิโลกรัมของแข็งระเหย ( VS ) ได้เงื่อนไข 35 กรัมต่อลิตรและ 5.0 เปอร์เซ็นต์โซเดียมไฮดรอกไซด์ซึ่งเป็นด่าง 113.8 % สูงกว่าไม่รับตัวอย่างและ 28.9% สูงกว่าฟางข้าวโพดซึ่งเป็นวัสดุแบบย่อยไร้อากาศในประเทศจีน เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของ 275.5 % ที่ได้รับเงื่อนไข / L และ 7.0 % NaOH 50 กรัม การย่อยสลายเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนิน หลังการรักษาเพิ่มขึ้น 4.0 – 9.0 % , 3.3 และร้อยละ 6.2 และ 11.1 - 20.5 % ตามลำดับ มีปริมาณตั้งแต่ 3.0 ร้อยละ 7.0 % กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด ( SEM )FTIR spectra และการวัดความเป็นผลึกพบว่าโครงสร้าง lignocellulosic ถูกแทรกแซงด้วย NaOH การตกค้างของต้นไม้ชนิดหนึ่งอาจมีประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพการผลิตก๊าซมีเทน หลังด่าง รักษา