The banana is an edible fruit, bota

The banana is an edible fruit, botanically a berry,[2][3] produced by several kinds of large herbaceous flowering plants in the genus Musa.[4] In some countries, bananas used for cooking may be called plantains. The fruit is variable in size, color and firmness, but is usually elongated and curved, with soft flesh rich in starch covered with a rind which may be green, yellow, red, purple, or brown when ripe. The fruits grow in clusters hanging from the top of the plant. Almost all modern edible parthenocarpic (seedless) bananas come from two wild species – Musa acuminata and Musa balbisiana. The scientific names of most cultivated bananas are Musa acuminata, Musa balbisiana, and Musa × paradisiaca for the hybrid Musa acuminata × M. balbisiana, depending on their genomic constitution. The old scientific name Musa sapientum is no longer used.
Musa species are native to tropical Indomalaya and Australia, and are likely to have been first domesticated in Papua New Guinea.[5][6] They are grown in at least 107 countries,[7] primarily for their fruit, and to a lesser extent to make fiber, banana wine and banana beer and as ornamental plants.
Worldwide, there is no sharp distinction between "bananas" and "plantains". Especially in the Americas and Europe, "banana" usually refers to soft, sweet, dessert bananas, particularly those of the Cavendish group, which are the main exports from banana-growing countries. By contrast, Musa cultivars with firmer, starchier fruit are called "plantains". In other regions, such as Southeast Asia, many more kinds of banana are grown and eaten, so the simple twofold distinction is not useful and is not made in local languages.
The term "banana" is also used as the common name for the plants which produce the fruit.[4] This can extend to other members of the genus Musa like the scarlet banana (Musa coccinea), pink banana (Musa velutina) and the Fe'i bananas. It can also refer to members of the genus Ensete, like the snow banana (Ensete glaucum) and the economically important false banana (Ensete ventricosum). Both genera are classified under the banana family, Musaceae


The banana plant is the largest herbaceous flowering plant.[8] All the above-ground parts of a banana plant grow from a structure usually called a "corm".[9] Plants are normally tall and fairly sturdy, and are often mistaken for trees, but what appears to be a trunk is actually a "false stem" or pseudostem. Bananas grow in a wide variety of soils, as long as the soil is at least 60 cm deep, has good drainage and is not compacted.[10] The leaves of banana plants are composed of a "stalk" (petiole) and a blade (lamina). The base of the petiole widens to form a sheath; the tightly packed sheaths make up the pseudostem, which is all that supports the plant. The edges of the sheath meet when it is first produced, making it tubular. As new growth occurs in the centre of the pseudostem the edges are forced apart.[11] Cultivated banana plants vary in height depending on the variety and growing conditions. Most are around 5 m (16 ft) tall, with a range from 'Dwarf Cavendish' plants at around 3 m (10 ft) to 'Gros Michel' at 7 m (23 ft) or more.[12][13] Leaves are spirally arranged and may grow 2.7 metres (8.9 ft) long and 60 cm (2.0 ft) wide.[2] They are easily torn by the wind, resulting in the familiar frond look.[14]
When a banana plant is mature, the corm stops producing new leaves and begins to form a flower spike or inflorescence. A stem develops which grows up inside the pseudostem, carrying the immature inflorescence until eventually it emerges at the top.[15] Each pseudostem normally produces a single inflorescence, also known as the "banana heart". (More are sometimes produced; an exceptional plant in the Philippines produced five.[16]) After fruiting, the pseudostem dies, but offshoots will normally have developed from the base, so that the plant as a whole is perennial. In the plantation system of cultivation, only one of the offshoots will be allowed to develop in order to maintain spacing.[17] The inflorescence contains many bracts (sometimes incorrectly referred to as petals) between rows of flowers. The female flowers (which can develop into fruit) appear in rows further up the stem (closer to the leaves) from the rows of male flowers. The ovary is inferior, meaning that the tiny petals and other flower parts appear at the tip of the ovary.[18]
The banana fruits develop from the banana heart, in a large hanging cluster, made up of tiers (called "hands"), with up to 20 fruit to a tier. The hanging cluster is known as a bunch, comprising 3–20 tiers, or commercially as a "banana stem", and can weigh 30–50 kilograms (66–110 lb). Individual banana fruits (commonly known as a banana or "finger") average 125 grams (0.276 lb), of which approximately 75% is water and 25% dry matter (nutrient table, lower right).
The fruit has been described as a "leathery berry".[19] There is a protective outer layer (a peel or skin) with numerous long, thin strings (the phloem bundles), which run lengthwise between the skin and the edible inner portion. The inner part of the common yellow dessert variety can be split lengthwise into three sections that correspond to the inner portions of the three carpels by manually deforming the unopened fruit.[20] In cultivated varieties, the seeds are diminished nearly to non-existence; their remnants are tiny black specks in the interior of the fruit.[21]
Bananas are naturally slightly radioactive,[22][23] more so than most other fruits, because of their potassium content and the small amounts of the isotope potassium-40 found in naturally occurring potassium.[24] The banana equivalent dose of radiation is sometimes used in nuclear communication to compare radiation levels and exposures

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กล้วยเป็นผลไม้กิน botanically เป็นเบอร์รี่, [2] [3] ผลิต โดยพืชดอก herbaceous ขนาดใหญ่ในสกุล Musa หลายชนิด [4] ในบางประเทศ กล้วยใช้ทำอาหารอาจมีการเรียกว่า plantains ผลไม้เป็นตัวแปรขนาด สี และ ไอซ์ แต่มักอีลองเกต และ โค้ง มีอุดมไปด้วยแป้งมีแคบซึ่งอาจเป็นสีเขียว สีเหลือง สีแดง สีม่วง หรือสีน้ำตาลเมื่อสุก เนื้อนุ่ม ผลไม้เติบโตในคลัสเตอร์ที่แขวนจากด้านบนของโรงงาน เกือบทุกสมัยกิน parthenocarpic (ไร้เมล็ด) กล้วยมาจากสองชนิดป่า – กล้วยป่าและกล้วยตานี ชื่อวิทยาศาสตร์ของกล้วยที่ปลูกมากที่สุดคือ กล้วย กล้วยตานี และ Musa paradisiaca ฟิลด์สำหรับการผสม acuminata ×ม.ตานี ตามรัฐธรรมนูญของ genomic ไม่มีใช้ชื่อวิทยาศาสตร์เก่า Musa sapientumชนิด Musa เป็นเจ้า Indomalaya และออสเตรเลียเขตร้อน และมักจะมี domesticated อย่างแรกในปาปัวนิวกินีแล้ว [5] [6] พวกเขาจะพัฒนาประเทศน้อย 107, [7] เป็นหลัก ผลไม้ของพวกเขา และขอบเขตที่น้อยกว่าเพื่อให้เส้นใย ไวน์กล้วย และกล้วยเบียร์ และ เป็นไม้ประดับทั่วโลก มีความแตกต่างไม่คมระหว่าง "กล้วย" และ "plantains" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาและยุโรป "กล้วย" มักจะหมายถึงอ่อน หวาน ขนมกล้วย อย่างยิ่งของคาเวนดิชได้ ซึ่งเป็นการส่งออกหลักจากกล้วยเติบโตประเทศ โดยคมชัด พันธุ์ Musa กับผลไม้แน่นมากขึ้นเท่า starchier จะเรียกว่า "plantains" ในภูมิภาคอื่น ๆ เช่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลาย ๆ อย่างของกล้วยจะโต และรับ ประทาน แตกสองเท่าอย่างไม่มีประโยชน์ และไม่ทำในภาษาท้องถิ่นยังมีใช้คำว่า "กล้วย" เป็นพืชที่ผลชื่อทั่วไป [4] ซึ่งสามารถขยายให้สมาชิกคนอื่น ๆ ของพืชสกุล Musa กล้วยแดงกล้วย (Musa เข็ม), ชมพู (Musa velutina) และกล้วย Fe'i นอกจากนี้มันยังสามารถอ้างถึงสมาชิกของสกุล Ensete กล้วยหิมะ (Ensete glaucum) และบานาน่าเท็จอย่างสำคัญ (Ensete ventricosum) สกุลทั้งสองประเภทภายใต้ครอบครัวกล้วย Musaceaeต้นกล้วยเป็นพืชดอก herbaceous ที่ใหญ่ที่สุด [8] ทุกส่วนเหนือดินของพืชกล้วยเติบโตจากโครงสร้างที่มักจะเรียกว่า "corm" [9] พืชปกติสูง และค่อนข้างทนทาน และมักจะได้ดาวตามปกติสำหรับต้นไม้ แต่สิ่งที่ปรากฏจะ เป็นลำต้น จริงเป็น "เท็จก้าน" pseudostem หรือ กล้วยที่ปลูกในดินเนื้อปูน หลากหลายตราบดินลึกอย่างน้อย 60 ซม. มีการระบายน้ำได้ดี และไม่กระชับ [10] ใบของกล้วยจะประกอบด้วยการ "สาย" (petiole) และใบ (lamina) ฐานของใบ petiole widens แบบ sheath sheaths บรรจุแน่นแต่ง pseudostem ซึ่งทั้งหมดที่สนับสนุนโรงงาน ขอบของ sheath พบเมื่อมันก่อนผลิต ทำท่อ ขณะเจริญเติบโตใหม่เกิดขึ้นใน pseudostem ขอบถูกบังคับรับ [11] ปลูกกล้วยสูงหลากหลายและเงื่อนไขที่เติบโตแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะประมาณ 5 เมตร (16 ฟุตสูง ช่วงจาก 'คาเวนดิชแคระ' พืชประมาณ 3 เมตร (10 ฟุต) 'gros Michel' 7 เมตร (23 ฟุต) หรือมากกว่า) [12] [13] ใบรอยเกลียวจัด และอาจเติบโต 2.7 เมตร (8.9 ฟุต) ยาวและ 60 ซม. (2.0 ฟุต) กว้าง [2] นอกจากนี้พวกเขาได้ที่ขาดลม ในลักษณะ frond คุ้นเคย [14]เมื่อพืชกล้วยสุก corm หยุดผลิตใบใหม่ และเริ่มเก็บชั่วคราวดอกไม้หรือ inflorescence ต้นกำเนิดการพัฒนาที่เติบโตภายใน pseudostem ที่ แบก inflorescence immature จนในที่สุดมันขึ้นด้านบน [15] แต่ละ pseudostem ปกติสร้าง inflorescence เดียว หรือที่เรียกว่า "กล้วยหัวใจ" (เพิ่มเติมบางครั้งผลิต การพืชยกเว้นในฟิลิปปินส์ผลิต 5 [16]) หลังจากติด pseudostem ที่ตาย แต่ offshoots จะปกติมีพัฒนาจากฐาน ที่ยืนต้นพืชทั้งหมด ในระบบสวนการเพาะปลูก หนึ่ง offshoots จะสามารถพัฒนาเพื่อรักษาระยะห่าง [17] inflorescence ที่ประกอบด้วยใน bracts (บางครั้งถูกเรียกว่ากลีบ) ระหว่างแถวของดอกไม้ ดอกไม้หญิง (ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นผลไม้) ปรากฏในแถวต่อไปขึ้นก้าน (ใกล้ชิดกับใบไม้) จากแถวดอกไม้ชาย รังไข่มีน้อย หมายความ ว่า กลีบเล็ก ๆ และส่วนดอกไม้อื่น ๆ ปรากฏอยู่ที่ปลายของรังไข่ [18]ผลไม้กล้วยพัฒนาจากหัวใจกล้วย ในคลัสเตอร์ขนาดใหญ่แขวน ทำค่าของชั้น (เรียกว่า "มือ"), พร้อมกับผลไม้ 20 ระดับ คลัสเตอร์แขวนเป็นที่รู้จักกัน เป็น พวง ประกอบด้วยระดับ 3 – 20 หรือในเชิงพาณิชย์ เป็น "กล้วยก้าน" และสามารถชั่งน้ำหนัก 30 – 50 กิโลกรัม (66 – 110 ปอนด์) ค่าเฉลี่ย (รู้จักกันทั่วไปเป็นกล้วยหรือ "นิ้ว") ผลไม้กล้วยละ 125 กรัม (0.276 ปอนด์), ซึ่งประมาณ 75% เป็น 25% และน้ำแห้งเรื่อง (ตารางธาตุอาหาร ขวาล่าง)ผลไม้ได้ถูกอธิบายว่า เป็น "หนังฟอกเบอร์รี่" [19] มีการป้องกันชั้นนอก (เปลือกหรือผิว) มีจำนวนมากยาว บางสตริงการ (เปลือกชั้นในรวมข้อมูล), ที่รันตามยาวระหว่างผิวหนังและส่วนภายในกิน ได้ ส่วนภายในของความหลากหลายของหวานสีเหลืองทั่วไปสามารถแบ่งตามยาวเป็นสามส่วนที่สอดคล้องกับส่วนภายในของ carpels สาม โดยเปลี่ยนรูปผลไม้ยังด้วยตนเอง [20] ในสายพันธุ์ปลูก เมล็ดพืชจะลดลงเกือบจะไม่ใช่ชาติ เศษของเรียร์เล็ก ๆ สีดำที่ภายในของผลไม้ได้ [21]กล้วยเป็นธรรมชาติเล็กน้อย กัมมันตรังสี [22] [23] ดังกว่าผลไม้อื่น ๆ มากที่สุด เนื่องจากโพแทสเซียมของ เนื้อหาและจำนวนไอโซโทปของโพแทสเซียม-40 ขนาดเล็กพบในโพแทสเซียมเกิดขึ้นตามธรรมชาติ [24] บางครั้งจะใช้ในการสื่อสารนิวเคลียร์กล้วยสมมูลของรังสีเพื่อเปรียบเทียบระดับรังสีและถ่ายภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กล้วยเป็นผลไม้ที่กินได้พฤกษศาสตร์เบอร์รี่ [2] [3] ผลิตโดยหลายชนิดของพืชดอกต้นไม้ขนาดใหญ่ในสกุลมูซา. [4] ในบางประเทศ, กล้วยที่ใช้ในการปรุงอาหารอาจจะเรียกว่าดง ผลไม้ที่เป็นตัวแปรในขนาดสีและความแน่น แต่มักจะยาวและโค้งที่มีเนื้อนุ่มอุดมไปด้วยแป้งปกคลุมด้วยเปลือกซึ่งอาจจะเป็นสีเขียว, สีเหลือง, สีแดง, สีม่วงหรือสีน้ำตาลเมื่อสุก ผลไม้ที่เจริญเติบโตได้ในกลุ่มที่แขวนจากด้านบนของพืช parthenocarpic กินได้เกือบทุกที่ทันสมัย ​​(เมล็ด) กล้วยมาจากทั้งสองสายพันธุ์ป่า - กล้วยป่าและกล้วยตานี ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของกล้วยที่ปลูกมากที่สุดคือกล้วยป่า, กล้วยตานีและมูซา× paradisiaca สำหรับไฮบริดกล้วยป่า× M. balbisiana ขึ้นอยู่กับจีโนมของพวกเขารัฐธรรมนูญ ชื่อทางวิทยาศาสตร์เก่า Musa sapientum ไม่ใช้.
สายพันธุ์มูซาพื้นเมือง Indomalaya เขตร้อนและออสเตรเลียและมีแนวโน้มที่จะได้รับการโดดเด่นเป็นครั้งแรกในปาปัวนิวกินี. [5] [6] พวกเขาจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 107 ประเทศ [ 7] เป็นหลักสำหรับผลไม้ของพวกเขาและในระดับน้อยที่จะทำให้เส้นใยไวน์และเบียร์กล้วยกล้วยและเป็นไม้ประดับ.
ทั่วโลกไม่มีความแตกต่างที่คมชัดระหว่าง "กล้วย" และ "ดง" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปอเมริกาและยุโรป "กล้วย" มักจะหมายถึงนุ่มหวานขนมกล้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคาเวนดิชซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักจากประเทศกล้วยเติบโต ในทางตรงกันข้ามพันธุ์ Musa มีกระชับ starchier ผลไม้ที่เรียกว่า "ดง" ในภูมิภาคอื่น ๆ เช่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชนิดอื่น ๆ อีกมากมายของกล้วยที่ปลูกและกินเพื่อความแตกต่างสองเท่าที่เรียบง่ายไม่เป็นประโยชน์และไม่ได้ทำในภาษาท้องถิ่น.
คำว่า "กล้วย" นอกจากนี้ยังใช้เป็นชื่อทั่วไปสำหรับพืช ซึ่งผลิตผลไม้. [4] นี้สามารถขยายไปยังสมาชิกคนอื่น ๆ ของพืชและสัตว์มูซาเช่นกล้วยสีแดง (มูซาชิเนีย) สีชมพูกล้วย (Musa velutina) และกล้วย Fe'i นอกจากนี้ยังสามารถอ้างถึงสมาชิกประเภท Ensete เช่นกล้วยหิมะ (กล้วยนวล) และกล้วยเท็จสำคัญทางเศรษฐกิจ (Ensete ventricosum) จำพวกทั้งสองจะถูกจัดอยู่ในครอบครัวกล้วย Musaceae พืชกล้วยเป็นพืชดอกต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด. [8] ทุกชิ้นส่วนเหนือพื้นดินของพืชกล้วยเติบโตจากโครงสร้างมักจะเรียกว่า "หัว". [9] พืชเป็นปกติ สูงและทนทานเป็นธรรมและมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นต้นไม้ แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นลำต้นเป็นจริง "ต้นกำเนิดเป็นเท็จ" หรือเทียม กล้วยเติบโตในความหลากหลายของดินตราบดินอย่างน้อย 60 ซม. ลึกมีการระบายน้ำดีและไม่ได้อัด. [10] ใบของต้นกล้วยที่มีองค์ประกอบของ "ก้าน" (ก้านใบ) และใบมีด (แผ่น) ฐานของก้านใบกว้างในรูปแบบปลอก; ฝักแน่นทำขึ้นเทียมซึ่งเป็นสิ่งที่สนับสนุนพืช ขอบของเปลือกตอบสนองเมื่อมีการผลิตครั้งแรกทำให้ท่อ ขณะที่การเจริญเติบโตใหม่เกิดขึ้นในใจกลางของเทียมขอบถูกบังคับออกจากกัน. [11] ปลูกต้นกล้วยแตกต่างกันไปในระดับความสูงขึ้นอยู่กับความหลากหลายและสภาพการเจริญเติบโต ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 5 เมตร (16 ฟุต) มีช่วงจากพืชแคระคาเวนดิช 'ที่ประมาณ 3 เมตร (10 ฟุต)' Gros Michel 'ที่ 7 เมตร (23 ฟุต) หรือมากกว่า. [12] [13] ใบ มีการจัดเป็นเกลียวและอาจเติบโต 2.7 เมตร (8.9 ฟุต) และ 60 ซม. (2.0 ฟุต). [2] พวกเขาจะฉีกขาดได้ง่ายตามลมส่งผลให้ในลักษณะเฟินคุ้นเคย. [14] เมื่อพืชกล้วยเป็นผู้ใหญ่ หัวหยุดการผลิตใบใหม่และการเริ่มต้นที่จะสร้างดอกเข็มหรือช่อดอก ต้นกำเนิดพัฒนาที่เติบโตขึ้นภายในเทียมถือช่อดอกอ่อนจนในที่สุดมันโผล่ออกมาที่ด้านบน. [15] แต่ละเทียมปกติผลิตช่อดอกเดียวหรือที่เรียกว่า "หัวใจกล้วย" (เพิ่มเติมบางครั้งผลิต. โรงงานพิเศษในฟิลิปปินส์ห้า [16]) หลังจากที่ผลการเทียมตาย แต่หน่อปกติจะมีการพัฒนาจากฐานเพื่อให้โรงงานที่เป็นทั้งเป็นไม้ยืนต้น ในระบบการเพาะปลูกของการเพาะปลูกเพียงคนเดียวของหน่อจะได้รับอนุญาตในการพัฒนาเพื่อรักษาระยะห่าง. [17] ช่อดอกมีใบประดับจำนวนมาก (บางครั้งถูกเรียกว่ากลีบ) ระหว่างแถวของดอกไม้ ดอกเพศหญิง (ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นผลไม้) ปรากฏในแถวที่เพิ่มเติมขึ้นลำต้น (ใกล้ชิดกับใบ) จากแถวของดอกไม้ชาย รังไข่จะด้อยกว่าหมายความว่ากลีบเล็ก ๆ และชิ้นส่วนดอกไม้อื่น ๆ ปรากฏที่ปลายสุดของรังไข่. [18] ผลไม้กล้วยพัฒนาจากหัวใจกล้วยในกลุ่มแขวนขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากชั้น (เรียกว่า "มือ") ที่มีถึง 20 ผลไม้ชั้น กลุ่มแขวนเป็นที่รู้จักกันเป็นพวงประกอบ 3-20 ชั้นหรือในเชิงพาณิชย์เป็น "ก้านกล้วย" และสามารถชั่งน้ำหนัก 30-50 กิโลกรัม (66-110 ปอนด์) ผลไม้กล้วยส่วนบุคคล (ที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นกล้วยหรือ "นิ้ว") เฉลี่ย 125 กรัม (0.276 £) ที่ประมาณ 75% เป็นน้ำและ 25% น้ำหนักแห้ง (ตารางธาตุอาหารต่ำขวา). ผลไม้ที่ได้รับการอธิบายว่าเป็น " เหนียว Berry ". [19] มีชั้นนอกป้องกัน (เปลือกหรือผิว) ที่มีจำนวนมากยาวสตริงบาง (รวมกลุ่ม phloem) ซึ่งวิ่งยาวระหว่างผิวหนังและส่วนในกิน ส่วนด้านในของความหลากหลายขนมสีเหลืองทั่วไปสามารถแบ่งตามยาวออกเป็นสามส่วนที่สอดคล้องกับส่วนด้านในของสาม carpels โดยการเปลี่ยนรูปผลไม้ที่ปิดสนิท [20] ในพันธุ์ที่ปลูกเมล็ดจะลดลงเกือบจะไม่ใช่ตัวตน. เศษของพวกเขามีจุดสีดำเล็ก ๆ ในการตกแต่งภายในของผลไม้. [21] กล้วยเป็นธรรมชาติของสารกัมมันตรังสีเล็กน้อย [22] [23] ขึ้นดังนั้นกว่าผลไม้อื่น ๆ เพราะเนื้อหาของโพแทสเซียมของพวกเขาและจำนวนเงินที่เล็ก ๆ ของโพแทสเซียม-40 ไอโซโทป ที่พบในธรรมชาติที่เกิดขึ้นโพแทสเซียม. [24] กล้วยเทียบเท่าปริมาณของรังสีบางครั้งใช้ในการสื่อสารนิวเคลียร์เพื่อเปรียบเทียบระดับรังสีและความเสี่ยง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กล้วยคือผลไม้ที่กิน botanically เบอร์รี่ [ 2 ] [ 3 ] โดยผลิตหลายชนิดของพืชไม้ดอกขนาดใหญ่ไม้ล้มลุกในสกุล Musa . [ 4 ] ในบางประเทศ กล้วย ใช้ปรุงอาหาร อาจจะเรียกว่ากล้วย . ผลคือ ตัวแปร ในขนาด สี และความแน่น แต่มักจะยาวและโค้ง กับเนื้ออุดมไปด้วยแป้งปกคลุมไปด้วยเปลือกซึ่งอาจมีสีเขียว สีเหลือง สีแดง สีม่วงอ่อนหรือสีน้ำตาล เมื่อสุก ผลไม้ที่เติบโตในกลุ่มห้อยจากด้านบนของพืช เกือบทั้งหมด ( ไม่มีเมล็ด ) อกทุกทันสมัยกินกล้วยมาจากสองสายพันธุ์ป่า ( กล้วยป่ากับกล้วยตานี . ชื่อของนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ปลูกกล้วยป่ากล้วย , กล้วยตานี และมูซา× paradisiaca สำหรับไฮบริด balbisiana กล้วยป่า×เมตร ,ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญพันธุกรรมของพวกเขา ชื่อวิทยาศาสตร์ Musa sapientum เก่าไม่ใช้อีกต่อไป .
มูซาชนิดพื้นเมืองเขตร้อนนโดมาลายา และออสเตรเลีย และมีแนวโน้มที่จะได้รับแรกที่โดดเด่นในปาปัวนิวกินี . [ 5 ] [ 6 ] พวกเขาจะเติบโตอย่างน้อย 107 ประเทศ [ 7 ] เป็นหลัก ผลไม้ และในระดับที่น้อยกว่าการให้ไฟเบอร์ ไวน์และเบียร์ กล้วยกล้วยและไม้ประดับ
ทั่วโลก ไม่มีคม ความแตกต่างระหว่าง " กล้วย " และ " กล้วย " โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาและยุโรป " กล้วย " มักจะหมายถึง นุ่ม หวาน ขนม กล้วย โดยเฉพาะกลุ่ม คาเวนดิช ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ การปลูกกล้วย โดยคมชัด , พันธุ์กล้วยกับกระชับ , ผลไม้ starchier เรียกว่า " กล้วย " ในภูมิภาคอื่น ๆเช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลาย ๆ ชนิดของกล้วยปลูกและรับประทาน ดังนั้น ความแตกต่างประการง่ายๆ ไม่เป็นประโยชน์ และไม่ทำในภาษาท้องถิ่น
คำว่า " กล้วย " ยังถูกใช้เป็นชื่อทั่วไปสำหรับพืชที่ผลิตจากผลไม้ [ 4 ] นี้สามารถขยายไปยังสมาชิกคนอื่น ๆของประเภทมูซาเหมือนกล้วยสีแดง ( มูซาศึกษา ) กล้วยสีชมพู ( มูซา velutina ) และ fe'i กล้วยนอกจากนี้ยังสามารถอ้างถึงสมาชิกของสกุล ensete ดั่งหิมะกล้วย ( ensete glaucum ) และที่สำคัญเศรษฐกิจเท็จกล้วย ( ensete ventricosum ) ทั้งสกุลถูกจัดอยู่ในตระกูลกล้วย กล้วย


ต้นกล้วยที่ใหญ่ที่สุดไม้ล้มลุกไม้ดอก [ 8 ] ทั้งหมดเหนือพื้นดิน ส่วนของต้นกล้วยเติบโตจากโครงสร้างมักจะเรียกว่า " หัว "[ 9 ] พืชปกติสูงและแข็งแรงพอสมควร และมักจะเข้าใจผิดสำหรับต้นไม้ แต่สิ่งที่ปรากฏเป็นลำต้นจริงเท็จ " ก้าน " หรือ 4 . กล้วยที่ปลูกในหลากหลายดิน ตราบใดที่ดินอย่างน้อย 60 เซนติเมตร ลึก มีการระบายน้ำและไม่อัด [ 10 ] ใบของพืชกล้วยจะประกอบด้วย " ต้น " ( ก้านใบ ) และใบ ( ใบ )โคนก้านใบกว้างรูปแบบปลอกหุ้ม ; แน่นทำให้ C ซึ่งเป็นทั้งหมดที่สนับสนุนพืช ขอบของปลอกพบเมื่อมันเป็นครั้งแรกที่ทำให้ท่อ การเจริญเติบโตใหม่เกิดขึ้นในช่วงกลางของ C ขอบถูกบังคับออกจากกัน [ 11 ] กล้วยหอมพืชแตกต่างกันไปในความสูงขึ้นอยู่กับพันธุ์และสภาพปลูก .ส่วนใหญ่จะประมาณ 5 เมตร ( 16 ฟุต ) สูง ในช่วงที่ ' ' พืชแคระ คาเวนดิช ที่ประมาณ 3 เมตร ( 10 ฟุต ) ' ' ใน Gros Michel 7 เมตร ( 23 ฟุต ) หรือมากกว่า . [ 12 ] [ 13 ] ใบ spirally จัดและอาจเติบโต 2.7 เมตร ( 8 ฟุต ) ยาว 60 เซนติเมตร ( 2 ฟุต ) กว้าง [ 2 ] พวกเขาจะขาดง่าย โดยลมที่เกิดในดูใบที่คุ้นเคย [ 14 ]
เมื่อกล้วยเป็นพืชที่ผู้ใหญ่ที่หัวจะหยุดการผลิตใบใหม่และเริ่มเป็นรูปดอกไม้ ขัดขวาง หรือช่อดอก ต้นพัฒนา ซึ่งเติบโตขึ้นภายใน 4 ถือช่อดอกอ่อน จนในที่สุดก็ปรากฏที่ด้านบน [ 15 ] แต่ละ C ปกติผลิตช่อดอกเดี่ยว หรือที่เรียกว่าหัวใจ " กล้วย " ( เพิ่มเติม บางครั้งผลิต โรงงานผลิต พิเศษ ใน ฟิลิปปินส์ 5[ 16 ] ) หลังจากผล , 4 ตาย แต่ offshoots ปกติจะได้พัฒนาจากฐาน เพื่อให้พืชที่เป็นทั้งยืนต้น . ในระบบของการปลูกสวนป่า เพียงหนึ่งของ offshoots จะอนุญาตให้พัฒนาเพื่อรักษาระยะห่าง [ 17 ] ช่อดอกมีหลายใบ ( บางครั้งถูกเรียกว่า กลีบ ) ระหว่างแถวของดอกไม้ดอกไม้หญิง ( ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นผลไม้ ) ปรากฏในแถวต่อไปขึ้นลำต้น ( อีกใบ ) จากแถวของดอกตัวผู้ รังไข่จะด้อยกว่า หมายความว่า กลีบเล็ก ๆและดอกไม้อื่น ๆปรากฏที่ส่วนปลายของรังไข่ [ 18 ]
กล้วยกล้วยผลไม้พัฒนามาจากหัวใจ ในขนาดใหญ่แขวนคลัสเตอร์ สร้างขึ้นจากชั้น ( เรียกว่า " มือ " ) มีถึง 20 ผลไม้ที่ให้ชั้น