Cultivation TheoryWe very briefly c

Cultivation Theory
We very briefly covered Cultivation Theory in an earlier post, give it a read if you are looking for a quick summary, otherwise keep reading for the super-longwinded version…
Cultivation theory (aka cultivation hypothesis, cultivation analysis) was an a theory composed originally by G. Gerbner and later expanded upon by Gerbner & Gross (1976 – Living with television: The violence profile. Journal of Communication, 26, 76.), they began research in the mid-1960s endeavoring to study media effects, specifically whether watching television influences the audiences idea and perception of everyday life, and if so, how. Cultivation theory states that high frequency viewers of television are more susceptible to media messages and the belief that they are real and valid. Heavy viewers are exposed to more violence and therefore are affected by the Mean World Syndrome, the belief that the world is a far worse and dangerous place then it actually is.
Cultivation research is one that studies media effects (in my opinion one of the most controversial areas of media research). Cultivation theorists posit that television viewing can have long-term effects that gradually affect the audience. Their primary focus falls on the effects of viewing in the attitudes of the viewer as opposed to created behavior.
Heavy viewers of TV are thought to be ‘cultivating’ attitudes that seem to believe that the world created by television is an accurate depiction of the real world. The theory suggests that prolonged watching of television can tend to induce a certain paradigm about violence in the world. Theorists break down the effects of cultivation into two distinct levels: first order – is a general beliefs about the our world, and second order – which are specific attitudes, such as a hatred or reverence for law and order, pedophiles, etc.
The theory suggests that this cultivation of attitudes is based on attitudes already present in our society and that the media take those attitudes which are already present and re-present them bundled in a different packaging to their audiences. One of the main tenets of the theory is that television and media cultivate the status quo, they do not challenge it. Many times the viewer is unaware the extent to which they absorb media, many times viewing themselves as moderate viewers when, in fact, they are heavy viewers.
The theory suggests that television and media possess a small but significant influence on the attitudes and beliefs of society about society. Those who absorb more media are those we are more influenced.
Theorists of this persuasion are best known for their study of television violence, a hotly debated, and beaten to death topic. However, there are many studies that expand beyond the study of violence to cover gender, demographics, cultural representations, and political attitudes among many others.
The delta between those considered to be light viewers and heavy viewers is called the cultivation differential. This describes the extent to which an attitude on a particular topic is shaped by exposure to television.
On notable and oft discussed piece of the theory is know as the “mean and scary world syndrome” (or “mean world syndrome”). In a nutshell, heavy viewing of television and the associated violence (think: ID Network, Law and Order, CSI, NCIS, Bones, etc.) leads the viewer to believe that the world is a much more dangerous place than it actually is, with a serial killer, rapist, or pedophile lurking around every corner.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีการเพาะปลูกเรามากสั้น ๆ ทฤษฎีเพาะปลูกครอบคลุมในก่อนลง ให้อ่านถ้าคุณกำลังมองหาสรุป มิฉะนั้น ให้อ่านสำหรับรุ่นซุปเปอร์ longwinded ...ทฤษฎีปลูก (aka สมมติฐานการเพาะปลูก เพาะปลูกวิเคราะห์) ได้มีทฤษฎีประกอบด้วยเดิม โดย G. Gerbner และภายหลังขยายเมื่อ Gerbner และรวม (1976 – กับโทรทัศน์: ค่าความรุนแรง สมุดรายวันการสื่อสาร 26, 76), พวกเขาเริ่มวิจัยการ endeavoring อัลเลนศึกษาสื่อผล โดยเฉพาะ ว่าดูโทรทัศน์มีอิทธิพลต่อความคิดของผู้ชมและการรับรู้ในชีวิตประจำวัน และ วิธีการ เพาะปลูกทฤษฎีระบุว่า ผู้ชมที่ความถี่สูงของโทรทัศน์มีข้อความสื่อและความเชื่อที่ว่า พวกเขาเป็นจริง และถูกต้อง ผู้ชมจำนวนมากกำลังเผชิญกับความรุนแรงมากขึ้น และจึง ได้รับผลจากความหมายของโลกอาการ ความเชื่อว่า โลกเป็นสถานที่เลวร้าย และอันตรายมาก แล้วเป็นจริงวิจัยเพาะปลูกเป็นที่ทำศึกษาผลกระทบของสื่อ (ในความคิดของฉันพื้นที่ถกเถียงสุดวิจัยสื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง) ผู้เพาะปลูกโพศิตว่า ดูโทรทัศน์จะมีผลระยะยาวที่ค่อย ๆ มีผลต่อผู้ชม โฟกัสหลักของพวกเขาตรงกับผลกระทบของการดูในทัศนคติของตัวแสดงแทนลักษณะการทำงานที่สร้างขึ้นผู้ชมหนักของทีวีมีความคิดที่จะ 'ปลูก' ทัศนคติที่ดูเหมือนจะเชื่อว่า โลกที่สร้างขึ้น โดยโทรทัศน์เป็นการแสดงให้เห็นจริงถูกต้อง ทฤษฎีแนะนำที่ ชมโทรทัศน์เป็นเวลานานสามารถมักจะ ก่อให้เกิดกระบวนทัศน์เกี่ยวกับความรุนแรงในโลก แบ่งทฤษฎีผลของการเพาะปลูกในสองระดับที่แตกต่าง: สั่งแรก – เป็นความเชื่อทั่วไปเกี่ยวกับตัวเราโลก และสองใบสั่ง – ซึ่งเป็นทัศนคติที่เฉพาะเจาะจง เช่นความเกลียดชังหรือความเคารพกฎหมาย และสั่ง pedophiles ฯลฯทฤษฎีแนะนำว่า การเพาะปลูกของทัศนคติเป็นไปตามทัศนคติที่อยู่ในสังคมของเรา และให้สื่อใช้ทัศนคติเหล่านั้นซึ่งมีอยู่แล้ว และอีกปัจจุบันพวกเขารวมอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างกันเพื่อผู้ชม กับความเชื่อหลักของทฤษฎีคือโทรทัศน์ที่สื่อปลูกสภาพ พวกเขาไม่ท้าทายมัน หลายครั้งตัวแสดงไม่ทราบขอบเขตที่พวกเขาดูดซับสื่อ หลายครั้งดูตัวเองเป็นผู้ชมปานกลางเมื่อ ในความเป็นจริง พวกเขามีผู้ชมหนาทฤษฎีที่ชี้ให้เห็นว่า โทรทัศน์และสื่อที่มีขนาดเล็ก แต่สำคัญจากอิทธิพลทัศนคติและความเชื่อของสังคมเกี่ยวกับการสังคม ผู้ที่รับสื่อเพิ่มเติมเป็นที่เราจะได้รับอิทธิพลมากทฤษฎีการชักชวนนี้เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับการศึกษาความรุนแรงในโทรทัศน์ หัวข้อถกเถียงกญี่ปุ่น และตีให้ตาย อย่างไรก็ตาม มีหลายการศึกษาที่ขยายออกไปจากการศึกษาความรุนแรงเพศปก ประชากร แทนวัฒนธรรม และทัศนคติทางการเมืองหลาย ๆเดลต้าระหว่างผู้ถือเป็นผู้ชมแสงและผู้ชมจำนวนมากเรียกว่าการปลูกแตกต่างกัน นี้อธิบายขอบเขตรูปร่างทัศนคติในหัวข้อเฉพาะการสัมผัสกับโทรทัศน์บนเด่น และ oft กล่าวทฤษฎีคือรู้ว่าเป็น "โลกที่น่ากลัว และหมายถึงอาการ" (หรือ "โลกหมายถึงอาการ") สั้น หนักดูโทรทัศน์และความรุนแรงที่เกี่ยวข้อง (คิดว่า: เครือ ข่าย ID กฎหมาย และสั่ง CSI, NCIS กระดูก ฯลฯ) นำไปแสดงที่เชื่อว่า โลกเป็นสถานที่อันตรายมากขึ้นกว่าที่เป็นจริง ฆาตกร rapist หรือ pedophile ที่ซุ่มซ่อนทั่วทุกมุม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีการเพาะปลูก
เราครอบคลุมมากสั้น ๆ ทฤษฎีการเพาะปลูกในโพสต์ก่อนหน้านี้ให้อ่านถ้าคุณกำลังมองหาสรุปอย่างรวดเร็วมิฉะนั้นให้อ่านสำหรับรุ่นซุปเปอร์ longwinded ...
ทฤษฎีการเพาะปลูก (aka สมมติฐานการเพาะปลูกการวิเคราะห์การเพาะปลูก) เป็นทฤษฎี แต่เดิมประกอบด้วยกรัม Gerbner และต่อมาขยายความโดย Gerbner และรวม (. 1976 - อาศัยอยู่กับโทรทัศน์: ความรุนแรงรายละเอียดวารสารการสื่อสาร, 26, 76) พวกเขาเริ่มการวิจัยในช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 พยายามที่จะศึกษาผลกระทบของสื่อโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะดูโทรทัศน์ที่มีอิทธิพลต่อความคิดที่ผู้ชมและการรับรู้ของชีวิตประจำวันและหากดังนั้นวิธี ทฤษฎีการเพาะปลูกระบุว่าผู้ชมที่มีความถี่สูงของโทรทัศน์จะอ่อนแอมากขึ้นข้อความสื่อและความเชื่อที่ว่าพวกเขาเป็นจริงและถูกต้อง ผู้ชมหนักกำลังเผชิญกับความรุนแรงมากขึ้นและดังนั้นจึงได้รับผลกระทบจากค่าเฉลี่ยโลกซินโดรมความเชื่อที่ว่าโลกเป็นสถานที่ที่เลวร้ายยิ่งไกลและอันตรายแล้วมันเป็นจริง.
การวิจัยการเพาะปลูกเป็นหนึ่งที่ศึกษาผลกระทบของสื่อ (ในความคิดของฉันมากที่สุดแห่งหนึ่ง พื้นที่ความขัดแย้งของการวิจัยสื่อ) ทฤษฎีการเพาะปลูกวางตัวว่าการดูโทรทัศน์สามารถมีผลกระทบระยะยาวที่ค่อยๆส่งผลกระทบต่อผู้ชม เป้าหมายหลักของพวกเขาตกอยู่กับผลกระทบของการดูในทัศนคติของผู้ชมที่เมื่อเทียบกับพฤติกรรมสร้าง.
ผู้ชมหนักของทีวีกำลังคิดว่าจะ 'ปลูกฝังทัศนคติที่ดูเหมือนจะเชื่อว่าโลกที่สร้างขึ้นโดยโทรทัศน์เป็นภาพที่ถูกต้องของจริง โลก. ทฤษฎีที่แสดงให้เห็นว่าการดูโทรทัศน์เป็นเวลานานสามารถมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดกระบวนทัศน์บางอย่างเกี่ยวกับความรุนแรงในโลก ทฤษฎีทำลายลงผลกระทบของการเพาะปลูกเป็นสองระดับที่แตกต่าง: สั่งซื้อครั้งแรก - เป็นความเชื่อทั่วไปเกี่ยวกับโลกของเราและลำดับที่สอง - ที่มีทัศนคติที่เฉพาะเจาะจงเช่นความเกลียดชังหรือความเคารพต่อกฎหมายและระเบียบ pedophiles ฯลฯ
ทฤษฎี แสดงให้เห็นว่าการเพาะปลูกของทัศนคตินี้จะขึ้นอยู่กับทัศนคติที่มีอยู่แล้วในสังคมของเราและที่สื่อใช้ทัศนคติเหล่านั้นซึ่งมีอยู่แล้วในปัจจุบันและใหม่นำเสนอให้รวมในบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างกันให้กับผู้ชมของพวกเขา หนึ่งในหลักคำสอนหลักของทฤษฎีที่เป็นที่โทรทัศน์และสื่อปลูกฝังสภาพที่พวกเขาไม่ได้ท้าทายมัน หลายครั้งที่ผู้ชมจะไม่รู้ขอบเขตที่พวกเขาดูดซับสื่อหลายครั้งดูตัวเองผู้ชมในระดับปานกลางเมื่อในความเป็นจริงพวกเขามีผู้ชมหนัก.
ทฤษฎีที่แสดงให้เห็นว่าโทรทัศน์และสื่อมีอิทธิพลขนาดเล็ก แต่มีความหมายเกี่ยวกับทัศนคติและความเชื่อของ สังคมเกี่ยวกับสังคม บรรดาผู้ที่ดูดซับสื่ออื่น ๆ ที่เราได้รับอิทธิพลมากขึ้น.
ทฤษฎีของการชักชวนนี้เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับการศึกษาของพวกเขาจากความรุนแรงในโทรทัศน์ที่ถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิงและทุบตีจนตายหัวข้อ แต่มีการศึกษาจำนวนมากที่ขยายเกินการศึกษาของความรุนแรงทางเพศที่จะครอบคลุมประชากรการแสดงทางวัฒนธรรมและทัศนคติทางการเมืองของคนอื่น ๆ .
เดลต้าระหว่างการพิจารณาให้เป็นผู้ชมและผู้ชมแสงหนักเรียกว่าค่าการเพาะปลูก นี้จะอธิบายถึงขอบเขตที่มีทัศนคติในหัวข้อเฉพาะเป็นรูปโดยการสัมผัสกับโทรทัศน์.
เกี่ยวกับชิ้นส่วนที่โดดเด่นและพูดคุยกันบ่อยของทฤษฎีคือรู้ว่าเป็น "หมายถึงกลุ่มอาการของโรคและโลกที่น่ากลัว" (หรือ "หมายถึงกลุ่มอาการของโรคโลก") สรุปการดูหนักของโทรทัศน์และความรุนแรงที่เกี่ยวข้อง (คิดว่า: รหัสเครือข่ายกฎหมายและคำสั่ง, CSI, NCIS, กระดูก ฯลฯ ) นำไปสู่ผู้ชมที่จะเชื่อว่าโลกเป็นสถานที่มากอันตรายมากขึ้นกว่าที่เป็นจริง, กับฆาตกรต่อเนื่องข่มขืนหรือเฒ่าหัวงูที่ซุ่มซ่อนทั่วทุกซอกมุม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีการพัฒนาเราสั้นมากครอบคลุมทฤษฎีในการโพสต์ก่อนหน้านี้ ให้มันอ่าน ถ้าคุณกำลังมองหาบทสรุปมิฉะนั้นโปรดอ่านรุ่น longwinded สุดๆ . . .ทฤษฎีการพัฒนา ( aka การเพาะปลูกสมมติฐาน การวิเคราะห์การปลูก ) เป็นทฤษฎีประกอบด้วยเดิมโดย เกิร์บเนอร์และต่อมาขยายขึ้นโดยเกิร์บเนอร์ & ขั้นต้น ( 1976 ) อยู่กับโทรทัศน์ : ความรุนแรงโปรไฟล์ วารสารการสื่อสาร , 26 , 76 ) , พวกเขาได้เริ่มงานวิจัยในช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 endeavoring เพื่อการศึกษาสื่อ ผล โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะดูโทรทัศน์อิทธิพลผู้ชมความคิดและการรับรู้ของชีวิต และหากดังนั้นอย่างไร ทฤษฎีการระบุว่าผู้ชมความถี่สูงของโทรทัศน์จะอ่อนไหวกับข้อความที่สื่อ และความเชื่อที่พวกเขาเป็นจริงและถูกต้อง ผู้ชมหนักจะสัมผัสกับความรุนแรงมากขึ้นและดังนั้นจึงได้รับผลกระทบจากโลกใจร้าย ซินโดรม ความเชื่อว่าโลกเป็นสถานที่ที่เลวร้ายและอันตราย มันจริง ๆงานวิจัยการปลูกนั้น สื่อศึกษาผล ( ในความคิดของฉันเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถกเถียงกันมากที่สุดของการวิจัยสื่อ ) นักทฤษฎีการวางตัวว่า ดู โทรทัศน์ สามารถ มี ผล ระยะยาวมีผลต่อผู้ชมค่อยๆ เน้นหลักของพวกเขาอยู่ในผลของการดูในทัศนคติของผู้ชมเป็นนอกคอกที่สร้างพฤติกรรมหนัก ผู้ชมของโทรทัศน์จะคิดว่าเป็น ' ปลูก ' ทัศนคติที่ดูเหมือนจะเชื่อว่า โลกที่สร้างขึ้นโดยโทรทัศน์เป็นภาพที่ถูกต้องของโลกที่แท้จริง ทฤษฎีแสดงให้เห็นว่าเวลาดูโทรทัศน์สามารถมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดกระบวนทัศน์บางอย่างเกี่ยวกับความรุนแรงในโลก ทฤษฎีแบ่งผลของการปลูกออกเป็นสองระดับที่แตกต่างกัน : - ลำดับแรกคือทั่วไปความเชื่อเกี่ยวกับโลกของเรา และอันดับที่สอง ซึ่งเป็นทัศนคติที่เฉพาะเจาะจง ( เช่นความเกลียดชังหรือเคารพกฎหมายและการสั่งซื้อ pedophiles ฯลฯทฤษฎีนี้เห็นว่าการปลูกฝังทัศนคติขึ้นอยู่กับทัศนคติแล้ว ปัจจุบันในสังคมของเรา และที่สื่อใช้ทัศนคติเหล่านั้นที่มีอยู่แล้วและปัจจุบันพวกเขารวมอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างกันให้กับผู้ชมของพวกเขา หนึ่งในหลักการหลักของทฤษฎี คือ โทรทัศน์ และสื่อสร้างสถานะที่เป็นอยู่ มันไม่ท้าทายมัน หลายครั้งที่ดูไม่รู้ว่าขอบเขตที่พวกเขาดูดซับสื่อหลายๆครั้งดูว่าตัวเองเป็นผู้ชมปานกลางเมื่อในความเป็นจริงพวกเขาจะดูหนักทฤษฎีแสดงให้เห็นว่าโทรทัศน์และสื่อที่มีอิทธิพลเล็กๆแต่สำคัญในทัศนคติและความเชื่อของสังคมเกี่ยวกับสังคม คนที่รับสื่อที่เรามีต่อ .ทฤษฎีของการจูงใจนี้เป็นที่รู้จักดีที่สุดสำหรับการศึกษาของพวกเขาจากโทรทัศน์ความรุนแรง การถกเถียง และตีเรื่องความตาย อย่างไรก็ตาม มีหลายการศึกษาที่ขยายการศึกษาความรุนแรงปกปิดเพศ ประชากร , การแสดงทางวัฒนธรรมและทัศนคติทางการเมืองในหมู่อื่น ๆอีกมากมายเดลต้าระหว่างเหล่านั้นถือว่าเป็นผู้ชมและผู้ชมหนักเบา เรียกว่า ปลูกที่แตกต่างกัน นี้จะอธิบายถึงขอบเขตที่ทัศนคติในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง คือ รูป โดยการเปิดรับโทรทัศน์บนเด่นและ discussed ชิ้นส่วนของทฤษฎีนี้ว่าเป็น " หมายถึงโลกและน่ากลัว ซินโดรม " ( หรือ " หมายถึงโลกดาวน์ซินโดรม " ) ในรุปดูหนักของโทรทัศน์และมีความรุนแรง ( คิด : เครือข่าย , กฎหมายและการสั่งซื้อ , CSI , NCIS , กระดูก ฯลฯ id ) นำผู้ชมเชื่อว่า โลกนี้มันเป็นที่ที่อันตรายกว่านั้นจริงๆคือฆาตกรต่อเนื่อง ข่มขืน หรือญาติผู้ใหญ่ที่ซุ่มซ่อนอยู่ทุกมุมถนน