Sedentary lifestyle is an escalatin

Sedentary lifestyle is an escalating epidemic (Dunstan et al., 2012;
Hamilton et al., 2008; Thorp et al., 2011). Despite the known health benefits
of physical activity (Haskell et al., 2007; Warburton et al., 2006;
Young et al., 2014a), less than 30% of American adults 18 to 24 years
of age met the federal Physical Activity Guidelines in 2012 (National
Center for Health Statistics, 2014). Due to major life event changes associated
with the independence and work schedule, a high proportion of
young adults are sedentary or irregularly active (Gordon-Larsen et al.,
2004; Woods et al., 2002). This statistic is alarming because sedentary
habits developed in younger ages are likely to continue into later life
(Kvaavik et al., 2003).
Improved technologies for both broadcasting health messages
(Chou et al., 2013; Kreps and Neuhauser, 2010) and providing supportive
social influences (Centola, 2013) make social media a promising
intervention platform for increasing physical activity. Although health
providers and entrepreneurs have attempted to use social media for
promoting health and fitness (Bennett and Glasgow, 2009; Chou et al.,
2013; Korda and Itani, 2013; Li et al., 2013; Young et al., 2014b), recent
meta-analyses have provided mixed support for its effectiveness
(Laranjo et al., 2015; Maher et al., 2014). Little is known about whether
or how social media can be used to design a cost-effective solution for
sedentary lifestyles.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แย่ ๆ เป็นโรคระบาดใหม่ (Dunstan ร้อยเอ็ด 2012แฮมิลตัน et al. 2008 Thorp et al. 2011) แม้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นที่รู้จักกิจกรรมทางกายภาพ (เบสและ al. 2007 วอร์เบอร์ตัน et al. 2006หนุ่มร้อยเอ็ด 2014a), น้อยกว่า 30% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 18 ถึง 24 ปีอายุตามแนวทางกิจกรรมทางกายภาพของรัฐบาลกลางใน 2012 (ชาติศูนย์สำหรับสุขภาพสถิติ 2014) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ชีวิตที่สำคัญที่เกี่ยวข้องมีเวลาอิสระและทำงาน สูงสัดส่วนของคนหนุ่มสาวอยู่ประจำ หรือใช้งานไม่สม่ำเสมอ (Gordon Larsen et al.,2004 ไม้ et al. 2002) สถิตินี้จะกลัวเพราะอยู่ประจำนิสัยในวัยเด็กมีแนวโน้มที่ต้องการเข้ามาในชีวิตภายหลัง(Kvaavik et al. 2003)เทคโนโลยีดีขึ้นสำหรับข้อความทั้งสองสุขภาพออกอากาศ(โชวร้อยเอ็ด 2013 Kreps และโรงแรม 2010) และให้การสนับสนุนอิทธิพลทางสังคม (Centola, 2013) ให้สังคมมีแนวโน้มแทรกแซงการแพลตฟอร์มในการเพิ่มกิจกรรมทางกายภาพ แม้ว่าสุขภาพผู้ให้บริการและผู้ประกอบการได้พยายามที่จะใช้การสื่อส่งเสริมสุขภาพและออกกำลังกาย (เบนและกลาสโกว์ 2009 โชว et al.,2013 Korda และ Itani, 2013 Li et al. 2013 หนุ่มร้อยเอ็ด 2014b), ล่าสุดmeta-วิเคราะห์ได้ให้การสนับสนุนผสมสำหรับประสิทธิผลของ(Laranjo et al. 2015 บรรยาย et al. 2014) น้อยเป็นที่รู้จักกันว่าหรือ วิธีที่สังคมใช้ในการออกแบบโซลูชันคุ้มค่าสำหรับการชีวิตอยู่ประจำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชีวิตอยู่ประจำเป็นโรคระบาดที่เพิ่มขึ้น (Dunstan et al, 2012;.
แฮมิลตัน et al, 2008;.. Thorp et al, 2011) แม้จะเป็นที่รู้จักประโยชน์ต่อสุขภาพ
ของการออกกำลังกาย (Haskell et al, 2007;. บูร et al, 2006;.
. หนุ่ม, et al, 2014a) น้อยกว่า 30% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 18-24 ปี
อายุได้พบกับรัฐบาลกลางกิจกรรมแนวทางกายภาพ ในปี 2012 (National
ศูนย์สุขภาพสถิติ 2014) เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้อง
กับความเป็นอิสระและตารางการทำงานเป็นสัดส่วนที่สูงของ
เยาวชนเหล่านี้จะอยู่ประจำหรือใช้งานไม่สม่ำเสมอ (Gordon-เสน, et al.,
2004. วูดส์, et al, 2002) สถิตินี้เป็นที่น่าตกใจเพราะอยู่ประจำ
นิสัยการพัฒนาในทุกเพศทุกวัยที่มีอายุน้อยกว่ามีแนวโน้มที่จะยังคงเข้ามาในชีวิตในภายหลัง
(Kvaavik et al, 2003)..
เทคโนโลยีที่ดีขึ้นสำหรับทั้งข้อความสุขภาพกระจายเสียง
(Chou, et al, 2013;. Kreps และ Neuhauser, 2010) และการให้ การสนับสนุน
ที่มีอิทธิพลต่อสังคม (Centola, 2013) ทำให้สื่อสังคมที่มีแนวโน้ม
แพลตฟอร์มการแทรกแซงการเพิ่มกิจกรรมทางกาย แม้ว่าสุขภาพของ
ผู้ให้บริการและผู้ประกอบการมีความพยายามที่จะใช้สื่อทางสังคมสำหรับ
การส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกาย (เบนเน็ตต์และกลาสโกว์ 2009; Chou, et al.,
2013; Korda และ Itani, 2013; Li et al, 2013;.. หนุ่ม, et al, 2014b) ล่าสุด
อภิวิเคราะห์ได้ให้การสนับสนุนผสมประสิทธิผล
(Laranjo et al, 2015;.. เฮอร์ et al, 2014) ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับว่า
หรือวิธีการสื่อสังคมสามารถนำมาใช้ในการออกแบบวิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสำหรับ
การดำเนินชีวิตอยู่ประจำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชีวิตอยู่ประจำเป็น escalating โรคระบาด ( ดันสแตน et al . , 2012 ;แฮมิลตัน et al . , 2008 ; Thorp et al . , 2011 ) แม้จะรู้จักกันได้ประโยชน์ต่อสุขภาพกิจกรรมทางกาย ( c et al . , 2007 ; Warburton et al . , 2006 ;หนุ่ม et al . , 2014a ) น้อยกว่า 30% ของผู้ใหญ่อเมริกัน 18 ถึง 24 ปี- พบกับกิจกรรมทางกายภาพ แนวทางของรัฐบาลกลางในปี 2012 ( ชาติศูนย์สถิติสุขภาพ ปี 2014 ) เนื่องจากเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงชีวิตที่สำคัญที่เกี่ยวข้องมีความเป็นอิสระและตารางการทำงาน มีสัดส่วนสูงหนุ่มสาว sedentary หรือตัวเขียนปราดเปรียว ( กอร์ดอน ลาร์เซน et al . ,2004 ; ป่า et al . , 2002 ) สถิตินี้เป็นที่น่าตกใจ เพราะกลุ่มนิสัยที่พัฒนาในเด็กอายุมีแนวโน้มที่จะยังคงเข้ามาในชีวิตในภายหลัง( kvaavik et al . , 2003 )พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพออกอากาศข้อความ( โช et al . , 2013 ; เครปส์ และ Neuhauser , 2010 ) และให้การสนับสนุนอิทธิพลสังคม ( เชนโทล่า , 2013 ) ทำให้สื่อสังคมเป็นสัญญาการแทรกแซงของแพลตฟอร์มสำหรับการเพิ่มกิจกรรมทางกายภาพ . แม้ว่าสุขภาพผู้ให้บริการและผู้ประกอบการได้พยายามที่จะใช้สื่อทางสังคมสำหรับการส่งเสริมสุขภาพและฟิตเนส ( เบนเน็ตต์และกลาสโกว์ , 2009 ; Chou et al . ,กอร์ดา itani 2013 ; และ , 2013 ; Li et al . , 2013 ; เด็ก et al . , 2014b ) ล่าสุดโดยวิธีการวิเคราะห์เมต้าได้ให้การสนับสนุนผสมสำหรับประสิทธิภาพของ( laranjo et al . , 2015 ; Maher et al . , 2010 ) เป็นที่รู้จักกันเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับว่าหรือวิธีการสื่อสังคมสามารถใช้ออกแบบโซลูชั่นที่คุ้มค่าสำหรับฝรั่งจ๋า sedentary .