การตกแต่ง (DECORATION ) หมายถึงการจัด ประดับเพื่อความงามของอาคาร สถานท การแปล - การตกแต่ง (DECORATION ) หมายถึงการจัด ประดับเพื่อความงามของอาคาร สถานท ไทย วิธีการพูด

การตกแต่ง (DECORATION ) หมายถึงการจ

การตกแต่ง (DECORATION ) หมายถึงการจัด ประดับเพื่อความงามของอาคาร สถานที่ทั้งภายในและนอกอาคาร รวมทั้งบริเวณที่อยู่โดยรอบของอาคารด้วย โดยการใช้สิ่งประดิษฐ์คิดค้นขึ้นหรือจากธรรมชาตินำมาดัดแปรงเพื่อการตกแต่ง เพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านประโยชน์ใช้สอย และให้คุณค่าความสวยงาม

ในปัจจุบันการตกแต่งก็อาจหมายถึง ภาพจิตรกรรมที่เขียนขึ้น หรือรูปประติมากรรมสำหรับประดับภายในอาคาร สถาปัตยที่เรียกว่าศิลปตกแต่ง (DECORATIVE ARTS ) ศิลปะเพื่อศิลปะบริสุทธิ์ ( PURE ARTS ) ปัจจุบันนี้การตกแต่งยังหมายถึง การกำหนดโครงสีตกแต่งภายในอาคาร ในห้อง การออกแบบกำหนดสีพรม การออกแบบเครื่องเรือน ( FURNITURE ) รูปภาพ รูปปั้น และสิ่งประดับเพื่อความสวยงามเหล่านี้เป็นต้น

ศิลปตกแต่งหรือมัณฑนศิลป์
( DECORATIVE ARTS OR MINOR ARTS )
หมายถึงบรรดาผลิตกรรมศิลปะชนิดที่เรียกว่าจุลศิลป์ เช่น ช่างถม ช่างเงินช่างทอง ช่างแก้ว ช่างเครื่องปั้นดินเผา และงานช่างอื่น ๆ ถ้าศิลปตกแต่งเหล่านี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการค้า ก็อาจเรียกได้ว่าเป็น "พาณิชยศิลป์" ยังมีคำว่า ประยุกต์ศิลป์ ( APPLIED ARTS ) ซึ่งหมายความถึงศิลปตกแต่งด้วยเพราะเป็นศิลปะที่นำเอาไปใช้สำหรับวัตถุซึ่งเป็นของใช้ตามธรรมดา เหตุนี้พาณิชยศิลป์และประยุกต์ศิลป์จึงตรงกับศิลปตกแต่ง

ประวัติความเป็นมาของการตกแต่ง
การตกแต่งหรือศิลปตกแต่งนี้เป็นศิลปะที่มนุษย์เริ่มรู้จักตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ( PREHISTORIC PERIOD) ในยุกหินเก่ามนุษย์เริ่มรู้จักการตกแต่งถํ้าที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยในสมัยนั้น ดังจะพบได้จากการเขียนภาพสีตกแต่งบนผนังถํ้า เช่น ถํ้าอัลตามิรา ( (ALTARMIRA) ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของสเปน ในยุคต่อมาเป็นยุคหินใหม่

ต่อมาในสมัยประวัติศาสตร์ ศิลปะสร้างขึ้นเพื่อเหตุผลทางศาสนา เพื่อพระมหากษัตริย์หรือประวัติศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ ประกอบด้วยงานจิตรกรรม
( PAINTING ) ประติมากรรม ( SCULPTURE ) การประกอบกระเบื้องสี ( MOSAIC ) ภาพประดับกระจกสี ( STAINEDGLASS ) โดยทำเป็นเรื่องของเทพเจ้าต่าง ๆ เกี่ยวกับทางศาสนาหรือพิธีการต่าง ๆ

ในปัจจุบัน ศิลปะการตกแต่งได้เปลี่ยนไปจากเดิมบ้างเพราะทางสถาปัตยกรรมได้เปลี่ยนแปลงรูปทรงไปจากสมัยโบราณมาก สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ถือความเรียบง่ายมีโครงสร้างเป็นเหลี่ยมเป็นแท่งตรงไปตรงมา จึงมีวิธีการตกแต่งต่างกันไปตามลักษณะการใช้สอย ความจำเป็นและสภาพทางเศษฐกิจ

ลักษณะของอาคารที่ใช้ตกแต่ง
แยกลักษณะของอาาคารโดยคำนึงถึงหน้าที่ของอาคารแต่ละประเภทออกเป็น 4 ลักษณะด้วยกันคือ
1. อาคารของทางราชการ ( OFFICIAL BUILDING )
2. อาคารสาธารณะ ( PUBLIC BUILDING )
3. อาคารพาณิชย์ ( COMMERCIAL BUILDING )
4. อาคารส่วนบุคคล ( PRIVATE BUILDING )
ลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของอาคารแต่ละประเภทที่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงไม่เหมือนกันจึงเป็นตัวนำความคิดหลักในการออกแบบตกแต่ง อย่างสอดคล้องเหมาะสมตามหน้าที่ใช้สอยและความงาม จึงทำให้เกิดมีลักษณะอาคารที่มีรูปแบบและหน้าที่ใช้สอยที่แปลกตาออกไป โดยเน้นเรื่องประโยชน์ใช้สอยของพื้นที่มากยิ่งขึ้นรูปแบบของอาคารจึงเป็นลักษณะการออกแบบผสมผสานระหว่างอาคารพาณิชย์และอาคารส่วน
บุคคลที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป

ลักษณะงานสำหรับการตกแต่ง
การตกแต่งจะคำนึงถึงวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการคือ ประการแรกเป็นการออกแบบตกแต่งเพื่อตอบสนองทางร่างกาย ประการที่สองเป็นการออกแบบตกแต่งเพื่อตอบสนองทางด้านจิตใจซึ่งสองประเภทนี้จำแนกออกได้ตามลักษณะหน้าที่ใช้สอยและหน้าที่การตกแต่ง
เป็น 4 ประเภทคือ
1. รูปภาพหรือภาพเขียนตกแต่ง ( PICTURE OR DECORATIVE PAINTING )
2. ภาพปั้น-แกะสลัก เพื่อตกแต่ง ( DECORATIVE SCULPTURE )
3. เครื่องเรือนหรือคุรุภัณฑ์ ( FURNITURE )
4. ประเภทสิ่งบันเทิงและสิ่งประดับ ( ENTERTAMENT AND DECORATION )

หลักเบื้องต้นในการออกแบบตกแต่ง
1. เส้น ( LINE ) เป็นส่วนประกอบพื้นฐานสำคัญในการออกแบบ เพราะเส้นจะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดรูปทรง รูปร่างที่จะนำไปใช้ในการตกแต่ง
ลักษณะของเส้นจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
เส้นตรง ให้ความรู้สึกแข็ง ตรงไปตรงมา
เส้นโค้ง ให้ความรู้สึกอ่อนไหว
เส้นซิกแซก ให้ความรู้สึกยอกย้อน รุนแรง
เส้นดิ่ง ให้ความรู้สึกในทางสูง เด่น สง่างาม
เส้นระดับ ให้ความรู้สึกทางกว้างยาว
เส้นโค้งเป็นแนวคลื่น ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว
เส้นตรงตัดกันเป็นกากบาท ให้ความรู้สึกขัดแย้ง
เส้นก้นหอย ให้ความรู้สึกหมุนเวียน
เส้นแย้ง ให้ความรู้สึก กระด้างหรือการแตกแยก
2. รูปทรง ( FORM ) เกิดจากการนำเส้นมาต่อกันเป็นรูปทรงแปลก ๆ มากมาย และทำให้รู้สึกต่างกันออกไป นอกจากนี้เราได้รูปทรงจากธรรมชาติที่มีความงามในตัวเองเสมอ รูปทรงที่ได้จากการนำเส้นมาต่อกันเป็นรูปทรงใหม่เรียกว่ารูปทรงเลขาคณิต
( GEOMETRICAL FOME ) ที่นำมาใช้ออกแบบเครื่องเรือนเครื่องประดับตกแต่งและสถาปัตยกรรมต่าง ๆ รูปทรงเลขาคณิต ได้แก่
รูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า ให้ความรู้สึกแข็งแรง ไม่เอนเอียง
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ให้ความรู้สึกกว้างขวาง สง่างาม
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตรง ให้ความรู้สึกสูงเด่น และไม่ปลอดภัย
รูปสี่เหลี่ยมคางหมู ให้ความรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย
รูปสามเหลี่ยม ให้ความรู้สึกเด่น สง่า รุนแรง
รูปทรงกลม ให้ความรู้สึกกลมกลืนนุ่มนวล
รูปทรงอิสระ ( FREE FOME ) ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวไม่แน่นอน
3. คุณค่าของแสงและเงา ( CHIAROSCURO ) เมื่อได้ลักษณะของรูปทรง ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงผลที่จะได้รับจากแสงสว่าง ไม่ว่าจะเป็นแสง
สว่างจากธรรมชาติหรือจากหลอดไฟฟ้าซึ่งจะทำให้เกิดแสงตกทอด อันเป็นผลต่อแสงสว่างภาพในอาคาร และการกำหนดโครงสีภายใน ภายนอกอาคารเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์กัน
สีเขียวแก่กับสีเทา ( DARK GREEN-COMBINED WITH GRAYS ) ทำให้เกิดความรู้สึกเศร้า ความชรา ความสงบเงียบ
สีเทากลาง ( MIDDLE GRAYS ) ทำให้เกิดความรู้สึกสงบเงียบ สุภาพ
สีขาวและสีดำอยู่ด้วยกัน ( BLACK AND WHITE TOGETHER ) ทำให้เกิดความหดหู่ใจ เศร้าสลด เงียบเหงา
สีขาว ( WHITE ) ทำให้เกิดความบริสุทธิ์ สดชื่น
4. เนื้อที่และช่องไฟ ( AREA AND SPACE ) ผู้ออกแบบจะต้องออกแบบเครื่องเรือนให้สัมพันธ์กับขนาด ( SIZE ) ของห้อง จัดวางตำแหน่งที่แน่นอนลงไปโดยให้เครื่องเรือนมีความสัมพันธ์ของหน้าที่ใช้สอยเต็มที่และจัดที่ว่างสำหรับการสัญจรไปมาอย่างสะดวก การออกแบบที่ไม่นึกถึงความสัมพันธ์ของเครื่องเรือนหรือตำแหน่งการจัดวางแล้วอาจทำให้เสียเวลาในการเดินไปเดินมาเพื่อหยิบสิ่งของ เคริ่องใช้เหล่านี้เป็นต้น
5. ผิวสัมผัส ( TEXTURE ) ในการออกแบบแต่ละครั้งผิวสั
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การตกแต่ง (ตกแต่ง) หมายถึงการจัดประดับเพื่อความงามของอาคารสถานที่ทั้งภายในและนอกอาคารรวมทั้งบริเวณที่อยู่โดยรอบของอาคารด้วยโดยการใช้สิ่งประดิษฐ์คิดค้นขึ้นหรือจากธรรมชาตินำมาดัดแปรงเพื่อการตกแต่งเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านประโยชน์ใช้สอยและให้คุณค่าความสวยงามในปัจจุบันการตกแต่งก็อาจหมายถึงภาพจิตรกรรมที่เขียนขึ้นหรือรูปประติมากรรมสำหรับประดับภายในอาคารสถาปัตยที่เรียกว่าศิลปตกแต่ง (ศิลปะตกแต่ง) ศิลปะเพื่อศิลปะบริสุทธิ์ (ศิลปะบริสุทธิ์) ปัจจุบันนี้การตกแต่งยังหมายถึงการกำหนดโครงสีตกแต่งภายในอาคารในห้องการออกแบบกำหนดสีพรมการออกแบบเครื่องเรือน (เฟอร์นิเจอร์) รูปภาพรูปปั้นและสิ่งประดับเพื่อความสวยงามเหล่านี้เป็นต้นศิลปตกแต่งหรือมัณฑนศิลป์(ตกแต่งศิลปะหรือศิลปะเล็กน้อย)หมายถึงบรรดาผลิตกรรมศิลปะชนิดที่เรียกว่าจุลศิลป์เช่นช่างถมช่างเงินช่างทองช่างแก้วช่างเครื่องปั้นดินเผาและงานช่างอื่นๆ ถ้าศิลปตกแต่งเหล่านี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการค้าก็อาจเรียกได้ว่าเป็น "พาณิชยศิลป์" ยังมีคำว่าประยุกต์ศิลป์ (ประยุกต์ศิลป์) ซึ่งหมายความถึงศิลปตกแต่งด้วยเพราะเป็นศิลปะที่นำเอาไปใช้สำหรับวัตถุซึ่งเป็นของใช้ตามธรรมดาเหตุนี้พาณิชยศิลป์และประยุกต์ศิลป์จึงตรงกับศิลปตกแต่งประวัติความเป็นมาของการตกแต่งการตกแต่งหรือศิลปตกแต่งนี้เป็นศิลปะที่มนุษย์เริ่มรู้จักตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ (ระยะเวลาสมัยก่อนประวัติศาสตร์) ในยุกหินเก่ามนุษย์เริ่มรู้จักการตกแต่งถํ้าที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยในสมัยนั้นดังจะพบได้จากการเขียนภาพสีตกแต่งบนผนังถํ้าเช่นถํ้าอัลตามิรา ((ALTARMIRA) ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของสเปนในยุคต่อมาเป็นยุคหินใหม่ต่อมาในสมัยประวัติศาสตร์ศิลปะสร้างขึ้นเพื่อเหตุผลทางศาสนาเพื่อพระมหากษัตริย์หรือประวัติศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ประกอบด้วยงานจิตรกรรม (จิตรกรรม) ประติมากรรม (แกะสลัก) การประกอบกระเบื้องสี (MOSAIC) ภาพประดับกระจกสี (STAINEDGLASS) โดยทำเป็นเรื่องของเทพเจ้าต่างๆ เกี่ยวกับทางศาสนาหรือพิธีการต่างๆในปัจจุบันศิลปะการตกแต่งได้เปลี่ยนไปจากเดิมบ้างเพราะทางสถาปัตยกรรมได้เปลี่ยนแปลงรูปทรงไปจากสมัยโบราณมากสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ถือความเรียบง่ายมีโครงสร้างเป็นเหลี่ยมเป็นแท่งตรงไปตรงมาจึงมีวิธีการตกแต่งต่างกันไปตามลักษณะการใช้สอยความจำเป็นและสภาพทางเศษฐกิจลักษณะของอาคารที่ใช้ตกแต่งลักษณะด้วยกันคือแยกลักษณะของอาาคารโดยคำนึงถึงหน้าที่ของอาคารแต่ละประเภทออกเป็น 41. อาคารของทางราชการ (อาคารอย่างเป็นทางการ)2. อาคารสาธารณะ (อาคารสาธารณะ)3. อาคารพาณิชย์ (อาคารพาณิชย์)4. อาคารส่วนบุคคล (ตัวอาคาร)ลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของอาคารแต่ละประเภทที่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงไม่เหมือนกันจึงเป็นตัวนำความคิดหลักในการออกแบบตกแต่งอย่างสอดคล้องเหมาะสมตามหน้าที่ใช้สอยและความงามจึงทำให้เกิดมีลักษณะอาคารที่มีรูปแบบและหน้าที่ใช้สอยที่แปลกตาออกไปโดยเน้นเรื่องประโยชน์ใช้สอยของพื้นที่มากยิ่งขึ้นรูปแบบของอาคารจึงเป็นลักษณะการออกแบบผสมผสานระหว่างอาคารพาณิชย์และอาคารส่วนบุคคลที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปลักษณะงานสำหรับการตกแต่งประการที่สองเป็นการออกแบบตกแต่งเพื่อตอบสนองทางด้านจิตใจซึ่งสองประเภทนี้จำแนกออกได้ตามลักษณะหน้าที่ใช้สอยและหน้าที่การตกแต่งการตกแต่งจะคำนึงถึงวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการคือประการแรกเป็นการออกแบบตกแต่งเพื่อตอบสนองทางร่างกายประเภทคือเป็น 41. รูปภาพหรือภาพเขียนตกแต่ง (รูปภาพหรือตกแต่งภาพ)2. ภาพปั้น-แกะสลักเพื่อตกแต่ง (ประติมากรรมตกแต่ง)3. เครื่องเรือนหรือคุรุภัณฑ์ (เฟอร์นิเจอร์)4. ประเภทสิ่งบันเทิงและสิ่งประดับ (ENTERTAMENT และตกแต่ง)หลักเบื้องต้นในการออกแบบตกแต่ง1. เส้น (เส้น) เป็นส่วนประกอบพื้นฐานสำคัญในการออกแบบเพราะเส้นจะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดรูปทรงรูปร่างที่จะนำไปใช้ในการตกแต่งลักษณะของเส้นจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปดังนี้เส้นตรงให้ความรู้สึกแข็งตรงไปตรงมาเส้นโค้งให้ความรู้สึกอ่อนไหวเส้นซิกแซกให้ความรู้สึกยอกย้อนรุนแรงเส้นดิ่งให้ความรู้สึกในทางสูงเด่นสง่างามเส้นระดับให้ความรู้สึกทางกว้างยาวเส้นโค้งเป็นแนวคลื่นให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวเส้นตรงตัดกันเป็นกากบาทให้ความรู้สึกขัดแย้งเส้นก้นหอยให้ความรู้สึกหมุนเวียนเส้นแย้งให้ความรู้สึกกระด้างหรือการแตกแยก2. รูปทรง (แบบฟอร์ม) เกิดจากการนำเส้นมาต่อกันเป็นรูปทรงแปลกๆ มากมายและทำให้รู้สึกต่างกันออกไปนอกจากนี้เราได้รูปทรงจากธรรมชาติที่มีความงามในตัวเองเสมอรูปทรงที่ได้จากการนำเส้นมาต่อกันเป็นรูปทรงใหม่เรียกว่ารูปทรงเลขาคณิต(GEOMETRICAL จาก) ที่นำมาใช้ออกแบบเครื่องเรือนเครื่องประดับตกแต่งและสถาปัตยกรรมต่างๆ รูปทรงเลขาคณิตได้แก่รูปสี่เหลี่ยมด้านเท่าให้ความรู้สึกแข็งแรงไม่เอนเอียงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ความรู้สึกกว้างขวางสง่างามรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตรงให้ความรู้สึกสูงเด่นและไม่ปลอดภัยรูปสี่เหลี่ยมคางหมูให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยรูปสามเหลี่ยมให้ความรู้สึกเด่นสง่ารุนแรงรูปทรงกลมให้ความรู้สึกกลมกลืนนุ่มนวลรูปทรงอิสระ (ฟรีจาก) ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวไม่แน่นอน3. คุณค่าของแสงและเงา (CHIAROSCURO) เมื่อได้ลักษณะของรูปทรงผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงผลที่จะได้รับจากแสงสว่างไม่ว่าจะเป็นแสงสว่างจากธรรมชาติหรือจากหลอดไฟฟ้าซึ่งจะทำให้เกิดแสงตกทอดอันเป็นผลต่อแสงสว่างภาพในอาคารและการกำหนดโครงสีภายในภายนอกอาคารเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์กันความสงบเงียบความชราทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าสีเขียวแก่กับสีเทา (ดำเขียวรวมกับ GRAYS)สีเทากลาง (กลาง GRAYS) ทำให้เกิดความรู้สึกสงบเงียบสุภาพเงียบเหงาเศร้าสลดทำให้เกิดความหดหู่ใจสีขาวและสีดำอยู่ด้วยกัน (สีดำและสีขาวรวมกัน)สดชื่นสีขาวทำให้เกิดความบริสุทธิ์ (สีขาว)4. เนื้อที่และช่องไฟ (ที่ตั้งและเนื้อที่ว่าง) ผู้ออกแบบจะต้องออกแบบเครื่องเรือนให้สัมพันธ์กับขนาด (ขนาด) ของห้องจัดวางตำแหน่งที่แน่นอนลงไปโดยให้เครื่องเรือนมีความสัมพันธ์ของหน้าที่ใช้สอยเต็มที่และจัดที่ว่างสำหรับการสัญจรไปมาอย่างสะดวกการออกแบบที่ไม่นึกถึงความสัมพันธ์ของเครื่องเรือนหรือตำแหน่งการจัดวางแล้วอาจทำให้เสียเวลาในการเดินไปเดินมาเพื่อหยิบสิ่งของเคริ่องใช้เหล่านี้เป็นต้น 5. ในการออกแบบแต่ละครั้งผิวสัผิวสัมผัส (เนื้อ)
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
การตกแต่ง (ตกแต่ง) หมายถึงการจัดประดับเพื่อความงามของอาคารสถานที่ทั้งภายในและนอกอาคาร ภาพจิตรกรรมที่เขียนขึ้น สถาปัตยที่เรียกว่าศิลปตกแต่ง (มัณฑนศิลป์) ศิลปะเพื่อศิลปะบริสุทธิ์ (Arts PURE) ปัจจุบันนี้การตกแต่งยังหมายถึงการกำหนดโครงสีตกแต่งภายในอาคารในห้องการออกแบบกำหนดสีพรมการออกแบบเครื่องเรือน (เฟอร์นิเจอร์) รูปภาพ รูปปั้น ศิลปะการตกแต่งหรือศิลปะ MINOR เช่นช่างถมช่างเงินช่างทองช่างแก้วช่างเครื่องปั้นดินเผาและงานช่างอื่น ๆ ก็อาจเรียกได้ว่าเป็น "พาณิชยศิลป์" ยังมีคำว่าประยุกต์ศิลป์ (ศิลปะประยุกต์) (สมัยก่อนประวัติศาสตร์งวด) เช่นถํ้าอัลตามิรา ((ALTARMIRA) ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของสเปน ศิลปะสร้างขึ้นเพื่อเหตุผลทางศาสนา ประกอบด้วยงานจิตรกรรม(จิตรกรรม) ประติมากรรม (ประติมากรรม) การประกอบกระเบื้องสี (โมเสค) ภาพประดับกระจกสี (STAINEDGLASS) ทำเป็นเรื่องโดยของเทพเจ้าต่าง ๆ เกี่ยวกับทางศาสนาหรือพิธีการต่าง ๆในปัจจุบัน 4 ลักษณะด้วยกันคือ1. อาคารของทางราชการ (อาคารอย่างเป็นทางการ) 2. อาคารสาธารณะ (อาคารสาธารณะ) 3. อาคารพาณิชย์ (อาคารพาณิชย์) 4. อาคารส่วนบุคคล (อาคารเอกชน 2 ประการคือ 4 ประเภทคือ1. รูปภาพหรือภาพเขียนตกแต่ง (ภาพจิตรกรรมหรือตกแต่ง) 2. ภาพปั้น - แกะสลักเพื่อตกแต่ง (ตกแต่งประติมากรรม) 3. เครื่องเรือนหรือคุรุภัณฑ์ (เฟอร์นิเจอร์) 4. ประเภทสิ่งบันเทิงและสิ่งประดับ (ENTERTAMENT และการตกแต่ง ) หลักเบื้องต้นในการออกแบบตกแต่ง1. เส้น (line) ความรู้สึกให้แข็งตรงไปตรงมาเส้นโค้งให้ความรู้สึกอ่อนไหวเส้นซิกแซกให้ความรู้สึกรุนแรงยอกย้อนเส้นดิ่งให้ความรู้สึกในทางสูงเด่นสง่างามเส้นระดับ ความรู้สึกให้ขัดแย้งเส้นก้นหอยให้ความรู้สึกหมุนเวียนเส้นแย้งให้ความรู้สึกกระด้างหรือหัวเรื่อง: การแตกแยก2. รูปทรง (รูปแบบ) ๆ มากมายและทำให้รู้สึกต่างกันออกไป เรขาคณิต FOME) ๆ รูปทรงเลขาคณิต ได้แก่รูปสี่เหลี่ยมด้านเท่าให้ความรู้สึกแข็งแรงไม่เอนเอียงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ความรู้สึกกว้างขวางสง่างามรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตรงให้ความรู้สึกสูงเด่นและไม่ปลอดภัยรูปสี่เหลี่ยมคางหมูให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยรูปสามเหลี่ยมให้ความรู้สึกเด่นสง่ารุนแรงรูปทรงกลม (ฟรี FOME) ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวไม่แน่นอน3. คุณค่าของแสงและเงา (chiaroscuro) เมื่อได้ลักษณะของรูปทรง อันเป็นผลต่อแสงสว่างภาพในอาคารและการกำหนดโครงสีภายใน (สีเขียวเข้ม-ร่วมกับ GRAYS) ทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าความชราความสงบเงียบสีเทากลาง(MIDDLE GRAYS) ทำให้เกิดความรู้สึกสงบเงียบสุภาพสีขาวและสีดำขณะนี้ด้วยกัน(สีดำและสีขาวกัน) ทำให้เกิดความหดหู่ เศร้าสใจลดเงียบเหงาสีขาว(สีขาว) ทำให้เกิดความบริสุทธิ์สดชื่น4. เนื้อที่และช่องไฟ (เนื้อที่และพื้นที่) (ขนาด) ของห้อง เคริ่องใช้เหล่านี้เป็นต้น5. ผิวสัมผัส (เนื้อ) ในการออกแบบแต่ละครั้งผิวสั




























































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การตกแต่ง ( ตกแต่ง ) หมายถึงการจัดประดับเพื่อความงามของอาคารสถานที่ทั้งภายในและนอกอาคารรวมทั้งบริเวณที่อยู่โดยรอบของอาคารด้วยโดยการใช้สิ่งประดิษฐ์คิดค้นขึ้นหรือจากธรรมชาตินำมาดัดแปรงเพื่อการตกแต่งและให้คุณค่าความสวยงาม

ในปัจจุบันการตกแต่งก็อาจหมายถึงภาพจิตรกรรมที่เขียนขึ้นหรือรูปประติมากรรมสำหรับประดับภายในอาคารสถาปัตยที่เรียกว่าศิลปตกแต่ง ( มัณฑนศิลป์ ) ศิลปะเพื่อศิลปะบริสุทธิ์ ( ศิลปะบริสุทธิ์ ) ปัจจุบันนี้การตกแต่งยังหมายถึงในห้องการออกแบบกำหนดสีพรมการออกแบบเครื่องเรือน ( เฟอร์นิเจอร์ ) รูปภาพรูปปั้นและสิ่งประดับเพื่อความสวยงามเหล่านี้เป็นต้น
ศิลปตกแต่งหรือมัณฑนศิลป์

( ศิลปะตกแต่งเล็กน้อย
ศิลปะ )หมายถึงบรรดาผลิตกรรมศิลปะชนิดที่เรียกว่าจุลศิลป์เช่นช่างถมช่างเงินช่างทองช่างแก้วช่างเครื่องปั้นดินเผาและงานช่างอื่นจะถ้าศิลปตกแต่งเหล่านี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการค้าก็อาจเรียกได้ว่าเป็นยังมีคำว่าประยุกต์ศิลป์ ( ประยุกต์ศิลป์ ) ซึ่งหมายความถึงศิลปตกแต่งด้วยเพราะเป็นศิลปะที่นำเอาไปใช้สำหรับวัตถุซึ่งเป็นของใช้ตามธรรมดาเหตุนี้พาณิชยศิลป์และประยุกต์ศิลป์จึงตรงกับศิลปตกแต่ง


ประวัติความเป็นมาของการตกแต่งการตกแต่งหรือศิลปตกแต่งนี้เป็นศิลปะที่มนุษย์เริ่มรู้จักตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ( สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ) ในยุกหินเก่ามนุษย์เริ่มรู้จักการตกแต่งถํ้าที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยในสมัยนั้นเช่นถํ้าอัลตามิรา ( ( altarmira ) ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของสเปนในยุคต่อมาเป็นยุคหินใหม่
ศิลปะสร้างขึ้นเพื่อเหตุผลทางศาสนาเพื่อพระมหากษัตริย์หรือประวัติศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ประกอบด้วยงานจิตรกรรม

ต่อมาในสมัยประวัติศาสตร์( จิตรกรรม ) ประติมากรรม ( ประติมากรรม ) การประกอบกระเบื้องสี ( mosaic ) ภาพประดับกระจกสี ( สเตนกลาส ) โดยทำเป็นเรื่องของเทพเจ้าต่างจะไม่มีเกี่ยวกับทางศาสนาหรือพิธีการต่าง

ในปัจจุบันศิลปะการตกแต่งได้เปลี่ยนไปจากเดิมบ้างเพราะทางสถาปัตยกรรมได้เปลี่ยนแปลงรูปทรงไปจากสมัยโบราณมากสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ถือความเรียบง่ายมีโครงสร้างเป็นเหลี่ยมเป็นแท่งตรงไปตรงมาความจำเป็นและสภาพทางเศษฐกิจ


แยกลักษณะของอาาคารโดยคำนึงถึงหน้าที่ของอาคารแต่ละประเภทออกเป็นลักษณะของอาคารที่ใช้ตกแต่ง 4 ลักษณะด้วยกันคือ
1 อาคารของทางราชการ ( อาคารอย่างเป็นทางการ )
2 อาคารสาธารณะ ( อาคารสาธารณะ )
3 อาคารพาณิชย์ ( อาคารพาณิชย์ )
4อาคารส่วนบุคคล ( ตึกส่วนตัว )
ลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของอาคารแต่ละประเภทที่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจงไม่เหมือนกันจึงเป็นตัวนำความคิดหลักในการออกแบบตกแต่งอย่างสอดคล้องเหมาะสมตามหน้าที่ใช้สอยและความงามโดยเน้นเรื่องประโยชน์ใช้สอยของพื้นที่มากยิ่งขึ้นรูปแบบของอาคารจึงเป็นลักษณะการออกแบบผสมผสานระหว่างอาคารพาณิชย์และอาคารส่วน
บุคคลที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป


ลักษณะงานสำหรับการตกแต่งการตกแต่งจะคำนึงถึงวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการคือประการแรกเป็นการออกแบบตกแต่งเพื่อตอบสนองทางร่างกายเป็น 4 ประเภทคือ
1 รูปภาพหรือภาพเขียนตกแต่ง ( ภาพหรือจิตรกรรมตกแต่ง )
2 ภาพปั้น - แกะสลักเพื่อตกแต่ง ( ประติมากรรมตกแต่ง )
3 เครื่องเรือนหรือคุรุภัณฑ์ ( เฟอร์นิเจอร์ )
4 ประเภทสิ่งบันเทิงและสิ่งประดับ ( entertament และตกแต่ง )

หลักเบื้องต้นในการออกแบบตกแต่ง
1 เส้น ( เส้น ) เป็นส่วนประกอบพื้นฐานสำคัญในการออกแบบเพราะเส้นจะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดรูปทรงรูปร่างที่จะนำไปใช้ในการตกแต่ง
ลักษณะของเส้นจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
เส้นตรงให้ความรู้สึกแข็งตรงไปตรงมา

เส้นโค้งให้ความรู้สึกอ่อนไหวเส้นซิกแซกให้ความรู้สึกยอกย้อนรุนแรงให้ความรู้สึกในทางสูงเด่นสง่างาม

เส้นดิ่งเส้นระดับให้ความรู้สึกทางกว้างยาว

เส้นโค้งเป็นแนวคลื่นให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวเส้นตรงตัดกันเป็นกากบาทให้ความรู้สึกขัดแย้ง

เส้นก้นหอยให้ความรู้สึกหมุนเวียนเส้นแย้งให้ความรู้สึกกระด้างหรือการแตกแยก
2รูปทรง ( แบบฟอร์ม ) เกิดจากการนำเส้นมาต่อกันเป็นรูปทรงแปลกจะมากมายและทำให้รู้สึกต่างกันออกไปนอกจากนี้เราได้รูปทรงจากธรรมชาติที่มีความงามในตัวเองเสมอ( เรขาคณิตที่นำมาใช้ออกแบบเครื่องเรือนเครื่องประดับตกแต่งและสถาปัตยกรรมต่างโฟม ) ไม่มีรูปทรงเลขาคณิตได้แก่ให้ความรู้สึกแข็งแรงไม่เอนเอียง

รูปสี่เหลี่ยมด้านเท่ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ความรู้สึกกว้างขวางสง่างาม
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตรงให้ความรู้สึกสูงเด่นและไม่ปลอดภัย
รูปสี่เหลี่ยมคางหมูให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยให้ความรู้สึกเด่นสง่ารุนแรง

รูปสามเหลี่ยมรูปทรงกลมให้ความรู้สึกกลมกลืนนุ่มนวล
รูปทรงอิสระ ( โฟม ) ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวไม่แน่นอน
3คุณค่าของแสงและเงา ( รำพึง ) เมื่อได้ลักษณะของรูปทรงผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงผลที่จะได้รับจากแสงสว่างไม่ว่าจะเป็นแสง
สว่างจากธรรมชาติหรือจากหลอดไฟฟ้าซึ่งจะทำให้เกิดแสงตกทอดอันเป็นผลต่อแสงสว่างภาพในอาคารและการกำหนดโครงสีภายในภายนอกอาคารเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์กัน
สีเขียวแก่กับสีเทา ( green-combined เข้มกับสีเทา ) ทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าความชราความสงบเงียบ
สีเทากลางกลาง ( สีเทา ) ทำให้เกิดความรู้สึกสงบเงียบสุภาพ
สีขาวและสีดำอยู่ด้วยกัน ( ขาวดำกัน ) ทำให้เกิดความหดหู่ใจเศร้าสลดเงียบเหงา
สีขาว ( สีขาว ) ทำให้เกิดความบริสุทธิ์สดชื่น
4เนื้อที่และช่องไฟ ( พื้นที่และพื้นที่ ) ผู้ออกแบบจะต้องออกแบบเครื่องเรือนให้สัมพันธ์กับขนาด ( ขนาด ) ของห้องการออกแบบที่ไม่นึกถึงความสัมพันธ์ของเครื่องเรือนหรือตำแหน่งการจัดวางแล้วอาจทำให้เสียเวลาในการเดินไปเดินมาเพื่อหยิบสิ่งของเคริ่องใช้เหล่านี้เป็นต้น
5 . ผิวสัมผัส ( เนื้อ ) ในการออกแบบแต่ละครั้งผิวสั
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: