Application of GIS to describe hist

Application of GIS to describe historical urban development of Kharga City, Egypt

The Cities are like trees; both of them grow under natural limits. These limits affect in the formulation of a city’s master plan. The historical urban development of cities is usually used for defining the main direction of a city’s development. One of the objectives of any master plan is to guide urban development by studing the natural properties of the city borders and to determine a suitable direction of city growth. (Antar Korain 1997, P. 153). Rodgers has suggested that the second part of a master plan must be a historical background of the city, aiming to define the effective factors in urban development. (A K Alam, 1983). The historical background should include general information for understanding the effective factors on the city’s form. (Antar Korain 1997, P. 157). The need for GIS is driven by factors such as population growth and urbanisation, which in turn create various types of geo-referenced data. Information of this kind lends itself well to the analytical capabilities of GIS. (Henk J. Scholten and John C. H. Stillwell, 1990, P. 30). GIS has the ability to create, store, edit, visualise, analyse, and present the data which is needed for carrying out the historical and future studies of the urban growth of the city.

The oases area, in Egypt’s western desert, has played a significant role over various ages of the old Egyptian history. Kharga’s long history and ancient civilisation is described in several monuments going back to many ages starting from B.C. until the Islamic age.

The 2nd dynasty (5000 B.C.) had registered in Gabal El-Tayer monuments that Kharga was famous for its agricultural activity.

In the Pharaonic era Kharga oasis was called a “plough “,the Dakhla oasis was termed as “southern oasis”, while Farafra oasis was named a “cow”, which clearly speaks of welfare-as such areas were fully cultivated. Kharga and Dakhla oases, in the Pharaonic era, were one region affiliated to “Thani” region near Suhag serving the as vital defense front-line of Egypt to stand against any offensive either from the west or the south. The 26th Pharaonic dynasty(650:565B.C.) constructed Hebas temple in Kharga whereas the 27th dynasty (since 522 B.C.) built the Ghewata temple.

Persian Qambiz invaded Egypt in the 6th Century B.C.,but the King the first Dara had finished the engraving of Hebas and Ghewata temples which were like castles, overlooking any invaders coming through the Darb AL Arbaen.

In the Greek-Roman era, agriculture had developed.The Romans had dug wells in fertile lands which were known as “Roman eyes”. The Romans also had created in architectural field, during Antonus’s reign at the beginning of the 2nd century many monuments that had been built such as the AL-Nadoura temple, EL-Dear fortressand the, Qaser AL-Zian temple. (Ashraf M. S. Mahrous, 1998)

In third and fourth centuries B.C., when Roman suppression towards of Christians increased, too many of Egypt’s Copts (Christians) fled to such oases, EL-Bagawat cemetery and church, Aen Mostfa AL-Kashef monastery, AL-Monera monastery, and Shams AL-Dean monastery all indicate Christian presence on Kharga at the time of advent of Islam to Egypt.




Documenting mausoleums of the Chinese Tang Dynasty

Modelling archaeological collections

Standardization of Geomatics Applications in Cultural Heritage

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประยุกต์ใช้ GIS เพื่ออธิบายประวัติศาสตร์การพัฒนาของเมือง Kharga ประเทศอียิปต์เมืองเป็นเหมือนต้นไม้ พวกเขาทั้งสองเติบโตภายใต้ธรรมชาติ ขีดจำกัดเหล่านี้มีผลในการกำหนดแผนหลักของเมือง การพัฒนาเมืองประวัติศาสตร์ของเมืองมักใช้สำหรับการกำหนดทิศทางหลักของการพัฒนาของเมือง วัตถุประสงค์ของแผนหลักใด ๆ อย่างใดอย่างหนึ่งคือ เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนา โดย studing คุณสมบัติธรรมชาติของเส้นขอบเมือง และกำหนดทิศทางที่เหมาะสมของการเจริญเติบโตของเมือง (Antar Korain 1997, P. 153) ร็อดเจอร์สได้แนะนำว่า ส่วนที่สองของแผนหลักต้องเป็นพื้นหลังทางประวัติศาสตร์ของเมือง มุ่งในการกำหนดปัจจัยมีผลบังคับใช้ในการพัฒนา (คำ K ลาม 1983) เบื้องหลังประวัติศาสตร์ควรประกอบด้วยข้อมูลทั่วไปสำหรับการทำความเข้าใจปัจจัยมีผลบังคับใช้ของแบบฟอร์ม (Antar Korain 1997, P. 157) ต้องการ GIS ถูกควบคุม โดยปัจจัยต่าง ๆ เช่นอัตราการเติบโตและของ ซึ่งจะสร้างข้อมูลอ้างอิงทางภูมิศาสตร์ชนิดต่าง ๆ ข้อมูลชนิดนี้ยืดตัวเองด้วยการวิเคราะห์ความสามารถของ GIS (Henk J. Scholten และ Stillwell H. C. จอห์น 1990, P. 30) GIS สามารถสร้าง จัดเก็บ แก้ไข visualise วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการศึกษาประวัติศาสตร์ และอนาคตของการเติบโตที่เมืองของเมือง ได้พื้นที่ oases แห่ง ในทะเลทรายตะวันตกของอียิปต์ ได้เล่นบทบาทสำคัญผ่านยุคต่าง ๆ ของประวัติศาสตร์อียิปต์เก่า ประวัติยาวนานของ Kharga และโบราณยังมีอธิบายไว้ในอนุสาวรีย์หลายที่กลับไปในวัยตั้งแต่บีจนถึงยุคอิสลามไดนาสตี้ 2 (5000 บี) ได้ลงทะเบียนในอนุสาวรีย์ Gabal เอล-Tayer ที่ Kharga มีชื่อเสียงสำหรับกิจกรรมการเกษตรในยุค Pharaonic Kharga โอเอซิสถูกเรียกว่า "ไถ" โอเอซิส Dakhla ถูกเรียกว่าเป็น "โอเอซิสใต้" ในขณะที่โอเอซิส Farafra ชื่อว่า "วัว" ซึ่งพูดอย่างชัดเจนของสวัสดิการ-เป็นพื้นที่ที่ปลูกทั้งหมด Oases แห่ง Kharga และ Dakhla ในยุค Pharaonic มีภูมิภาคหนึ่งที่เชื่อมโยงในภูมิภาค "ธานี" ใกล้ Suhag บริการล่างอียิปต์ยืนกับรุกใด ๆ ทั้ง จากตะวันตกหรือภาคใต้ทหารเป็นสำคัญ ไดนาสตี้ Pharaonic 26 (650:565BC.) สร้างวัด Hebas Kharga ในขณะที่ไดนาสตี้ 27 (ตั้งแต่บี 522) สร้างวัด Ghewataเปอร์เซีย Qambiz บุกอียิปต์ในศตวรรษ 6 พระดาราครั้งแรกได้เสร็จแกะสลักวัด Hebas และ Ghewata ซึ่งมีเช่นปราสาท มองเห็นผู้บุกรุกใด ๆ มาผ่าน Darb AL Arbaen B.C.,but เกษตรได้พัฒนาขึ้นในยุคกรีกโรมันชาวโรมันได้ขุดบ่อในที่ดินอุดมสมบูรณ์ซึ่งถูกเรียกว่า "ตาโรมัน" ชาวโรมันยังได้สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมฟิลด์ ในระหว่างรัชกาลของ Antonus ที่จุดเริ่มต้นของศตวรรษ 2 อนุสาวรีย์ที่ได้สร้างขึ้นเช่นวัด AL-Nadoura, fortressand เอลรัก Qaser AL-Zian วัด (Ashraf M. S. Mahrous, 1998)ในศตวรรษที่สาม และสี่บี เมื่อปราบปรามโรมันต่อคริสเตียนเพิ่มขึ้น มากเกินไปของ Copts ของอียิปต์ (คริสเตียน) หนีไปเช่น oases แห่ง เอล Bagawat สุสาน และคริสตจักร อารามแอ่น Mostfa AL-Kashef, AL-Monera อาราม และอารามชามส์เดอัลดีนระบุสถานะคริสเตียนบน Kharga ในขณะการมาถึงของอิสลามสู่อียิปต์เอกสาร mausoleums ของราชวงศ์จีน แบบจำลองชุดโบราณคดี มาตรฐานของโปรแกรมประยุกต์ Geomatics ในมรดกทางวัฒนธรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่ออธิบายการพัฒนาเมืองประวัติศาสตร์ของเมือง Kharga อียิปต์เมืองเป็นเหมือนต้นไม้; ทั้งสองของพวกเขาเติบโตภายใต้ข้อ จำกัด ของธรรมชาติ ข้อ จำกัด เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อในการกำหนดแผนแม่บทของเมือง การพัฒนาเมืองประวัติศาสตร์ของเมืองมักจะใช้สำหรับการกำหนดทิศทางหลักของการพัฒนาเมือง หนึ่งในวัตถุประสงค์ของแผนแม่บทใด ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาเมืองโดยศึกษาอยู่คุณสมบัติตามธรรมชาติของเมืองชายแดนและกำหนดทิศทางที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตของเมือง (Antar Korain 1997, P. 153) ร็อดเจอร์สได้ชี้ให้เห็นว่าส่วนที่สองของแผนแม่บทต้องมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของเมืองที่มีเป้าหมายในการกำหนดปัจจัยที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาเมือง (AK Alam, 1983) ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ควรจะรวมถึงข้อมูลทั่วไปสำหรับการทำความเข้าใจปัจจัยที่มีประสิทธิภาพในรูปแบบของเมือง (Antar Korain 1997, P. 157) ความจำเป็นในการใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เป็นแรงผลักดันจากปัจจัยต่างๆเช่นการเติบโตของประชากรและการขยายตัวของเมืองซึ่งจะสร้างความหลากหลายชนิดของข้อมูลอ้างอิงทางภูมิศาสตร์ ข้อมูลชนิดนี้ยืมตัวเองอย่างดีเพื่อความสามารถในการวิเคราะห์ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Henk เจ Scholten และจอห์น CH สติลเวล 1990, P. 30) ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์มีความสามารถในการสร้างจัดเก็บแก้ไขเห็นภาพวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการศึกษาประวัติศาสตร์และอนาคตของการเจริญเติบโตของเมืองของเมือง. พื้นที่เครื่องเทศในอียิปต์ทะเลทรายตะวันตกได้เล่น บทบาทที่สำคัญกว่าทุกเพศทุกวัยต่าง ๆ ของประวัติศาสตร์อียิปต์เก่า ประวัติศาสตร์อันยาวนาน Kharga และอารยธรรมโบราณที่อธิบายไว้ในอนุสรณ์สถานหลายที่จะกลับไปทุกเพศทุกวัยจำนวนมากที่เริ่มต้นจากปีก่อนคริสตกาลจนถึงอายุอิสลาม. ราชวงศ์ที่ 2 (พ.ศ. 5000) ได้จดทะเบียนใน Gabal อนุสาวรีย์ El-Tayer ที่ Kharga เป็นคนมีชื่อเสียงสำหรับกิจกรรมการเกษตรของตน. ใน ยุค Pharaonic โอเอซิส Kharga ถูกเรียกว่า "ไถ" โอเอซิส Dakhla ถูกเรียกว่าเป็น "โอเอซิสภาคใต้" ในขณะที่โอเอซิส Farafra รับการตั้งชื่อว่า "วัว" ที่ชัดเจนพูดถึงสวัสดิการเป็นพื้นที่ดังกล่าวได้รับการปลูกฝังอย่างเต็มที่ Kharga และเครื่องเทศ Dakhla ในยุค Pharaonic เป็นภูมิภาคหนึ่งร่วมกับ "ธานี" ภูมิภาคใกล้ Suhag ให้บริการการป้องกันที่สำคัญเป็นแถวหน้าของอียิปต์ที่จะยืนกับใด ๆ ที่ไม่เหมาะสมทั้งจากทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้ 26 ราชวงศ์ Pharaonic (650. 565B.C) สร้างวัด Hebas Kharga ในขณะที่ราชวงศ์ 27 (ตั้งแต่ 522 BC) สร้างวัด Ghewata. เปอร์เซีย Qambiz บุกอียิปต์ในศตวรรษที่ 6 แต่กษัตริย์แรกดาราเสร็จ แกะสลักของวัด Hebas และ Ghewata ซึ่งเป็นเหมือนปราสาทที่สามารถมองเห็นผู้บุกรุกใด ๆ ที่ผ่านมาดาบ AL Arbaen. ในยุคกรีกโรมันการเกษตรมีชาวโรมัน developed.The มีหลุมขุดในดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ "ตาโรมัน" ชาวโรมันยังได้สร้างในสาขาสถาปัตยกรรมในช่วงรัชสมัย Antonus ที่จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 2 อนุเสาวรีย์จำนวนมากที่ได้รับการสร้างขึ้นเช่นวัด AL-Nadoura EL-เรียน fortressand วัด Qaser AL-Zian (รัฟ MS Mahrous, 1998) ในไตรมาสที่สามและศตวรรษที่สี่เมื่อ พ.ศ. ปราบปรามโรมันต่อของชาวคริสต์ที่เพิ่มขึ้นมากเกินไปของอียิปต์ Copts (คริสเตียน) หนีไปเครื่องเทศเช่น EL-Bagawat สุสานและคริสตจักรแอ่น Mostfa AL-Kashef อาราม AL วัด -Monera และ Shams AL-คณบดีวัดทั้งหมดแสดงต่อหน้าคริสเตียน Kharga ในช่วงเวลาของการกำเนิดของศาสนาอิสลามไปยังอียิปต์. การบันทึกสุสานของชาวจีนราชวงศ์ถังการสร้างแบบจำลองทางโบราณคดีคอลเลกชันมาตรฐานของแอปพลิเค Geomatics ในมรดกทางวัฒนธรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่ออธิบายการพัฒนาเมืองประวัติศาสตร์ของอียิปต์ egypt . kgm เมือง

เมืองก็เหมือนต้นไม้ ทั้งสองของพวกเขาเติบโตภายใต้ข้อจำกัดของธรรมชาติ ข้อจำกัดเหล่านี้ส่งผลในการกำหนดแผนแม่บทของเมือง การพัฒนาเมืองทางประวัติศาสตร์ของเมืองที่มักจะใช้สำหรับการกำหนดทิศทางหลักของการพัฒนาของเมืองหนึ่งในวัตถุประสงค์ของแผนหลัก คือ แนวทางการพัฒนาเมืองโดยศึกษาคุณสมบัติตามธรรมชาติของเส้นขอบเมือง และหาทิศทางที่เหมาะสมของการเจริญเติบโตของเมือง ( แอนเทอร์ korain 2540 , หน้า 153 ) Rodgers ได้ชี้ให้เห็นว่าส่วนที่สองของแผนใหญ่ต้องมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของเมือง เป้าหมายเพื่อกำหนดปัจจัยในการพัฒนาเมือง ( K Alam , 1983 )ประวัติความเป็นมา รวมถึงข้อมูลทั่วไปสำหรับความเข้าใจปัจจัยที่มีประสิทธิภาพในเมืองรูปแบบ ( แอนเทอร์ korain 2540 , หน้า 157 ) ต้องใช้ GIS เป็นแรงผลักดันจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเติบโตของประชากร และการกลายเป็นเมือง ซึ่งจะสร้างประเภทต่างๆของภูมิศาสตร์ข้อมูลอ้างอิง . ข้อมูลชนิดนี้ยืมตัวดีกับความสามารถเชิงวิเคราะห์ของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ( แฮงก์ เจ.scholten และจอห์น ซี. เอช. Stillwell , 2533 , 30 หน้า ) ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ มีความสามารถในการสร้าง จัดเก็บ แก้ไข เห็นภาพการ วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลที่จําเป็นสําหรับการดําเนินการศึกษาประวัติศาสตร์และอนาคตของการเติบโตของเมืองของเมือง

oases พื้นที่ในทะเลทรายตะวันตกของอียิปต์ ได้มีบทบาทเหนือวัยต่างๆของประวัติศาสตร์อียิปต์เก่าประวัติศาสตร์และอารยธรรมโบราณยาว egypt . kgm ที่อธิบายไว้ในอนุสาวรีย์หลายกลับไปหลายวัยตั้งแต่ก่อนคริสต์ศักราชจนถึงยุคอิสลาม

ราชวงศ์ที่สอง ( 5 , 000 ปีก่อนคริสตกาล ) มีการลงทะเบียนใน Gabal El tayer อนุสาวรีย์ที่ egypt . kgm ดังกิจกรรมการเกษตรของ

ในยุคฟาโรห์นิค egypt . kgm โอเอซิส ถูกเรียกว่า " ไถ " , Dakhla โอเอซิสเป็น termed เป็น " โอเอซิส " ภาคใต้ในขณะที่ farafra โอเอซิส เป็นชื่อเป็น " วัว " ซึ่งชัดเจนพูดของสวัสดิการพื้นที่ดังกล่าวปลูกอย่างเต็มที่ และเครื่องเทศ egypt . kgm Dakhla , ในยุคฟาโรห์นิค เป็นภูมิภาคหนึ่งในเครือ " ธานี " ภาคใกล้ suhag บริการเป็นสำคัญในการป้องกันของอียิปต์เพื่อต่อต้านการโจมตีใด ๆทั้งจากทางทิศตะวันตก หรือทิศใต้ ราชวงศ์ฟาโรห์นิค 26 ( 650:565b c .hebas ) สร้างวัดใน egypt . kgm ในขณะที่ราชวงศ์ 27 ( ตั้งแต่ 522 ปีก่อนคริสตกาล ) สร้าง ghewata วัด

qambiz เปอร์เซียรุกรานอียิปต์ในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล แต่กษัตริย์ดาราแรกได้เสร็จสิ้นงานและ hebas ghewata วัดที่เป็นเหมือนปราสาท มองเห็นการรุกรานใด ๆเข้ามา เดร็บอัล arbaen .

ในยุคโรมัน กรีก เกษตร ได้พัฒนาชาวโรมันได้ขุดบ่อน้ำในที่ดินอุดมสมบูรณ์ ซึ่งถูกเรียกว่า " ตาโรมัน " ชาวโรมันได้สร้างในด้านสถาปัตยกรรม สมัย antonus ที่จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 2 มีอนุสาวรีย์ที่ถูกสร้างขึ้น เช่น วัด อัล nadoura เอลที่รัก fortressand , วัด qaser อัลเซียน . ( Ashraf M . S . mahrous , 1998 )

ในที่สามและสี่ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราช ,ตอนต่อของคริสเตียนโรมันปราบปรามเพิ่มขึ้นมากเกินไป copts อียิปต์ ( คริสเตียน ) หนีไปเช่นเครื่องเทศ , สุสานเอลและอัล bagawat โบสถ์ แอ่น mostfa Kashef วัด , Al โมนีราวัด และวัดต่างๆ อัล ดีนก็ระบุชื่อตนบน egypt . kgm ที่เวลาของการมาถึงของอิสลามในอียิปต์




สร้างสุสานของ จีนราชวงศ์ถัง

การสร้างแบบจำลองทางโบราณคดีของสะสม

มาตรฐาน geomatics โปรแกรมประยุกต์ในมรดกทางวัฒนธรรม