Independence[edit]In the 2000s ther

Independence[edit]
In the 2000s there has been a trend towards increasing the independence of central banks as a way of improving long-term economic performance. However, while a large volume of economic research has been done to define the relationship between central bank independence and economic performance, the results are ambiguous.

Advocates of central bank independence argue that a central bank which is too susceptible to political direction or pressure may encourage economic cycles ("boom and bust"), as politicians may be tempted to boost economic activity in advance of an election, to the detriment of the long-term health of the economy and the country. In this context, independence is usually defined as the central bank's operational and management independence from the government.

The literature on central bank independence has defined a number of types of independence.

Legal independence
The independence of the central bank is enshrined in law. This type of independence is limited in a democratic state; in almost all cases the central bank is accountable at some level to government officials, either through a government minister or directly to a legislature. Even defining degrees of legal independence has proven to be a challenge since legislation typically provides only a framework within which the government and the central bank work out their relationship.
Goal independence
The central bank has the right to set its own policy goals, whether inflation targeting, control of the money supply, or maintaining a fixed exchange rate. While this type of independence is more common, many central banks prefer to announce their policy goals in partnership with the appropriate government departments. This increases the transparency of the policy setting process and thereby increases the credibility of the goals chosen by providing assurance that they will not be changed without notice. In addition, the setting of common goals by the central bank and the government helps to avoid situations where monetary and fiscal policy are in conflict; a policy combination that is clearly sub-optimal.
Operational independence
The central bank has the independence to determine the best way of achieving its policy goals, including the types of instruments used and the timing of their use. This is the most common form of central bank independence. The granting of independence to the Bank of England in 1997 was, in fact, the granting of operational independence; the inflation target continued to be announced in the Chancellor's annual budget speech to Parliament.
Management independence
The central bank has the authority to run its own operations (appointing staff, setting budgets, and so on.) without excessive involvement of the government. The other forms of independence are not possible unless the central bank has a significant degree of management independence. One of the most common statistical indicators used in the literature as a proxy for central bank independence is the "turn-over-rate" of central bank governors. If a government is in the habit of appointing and replacing the governor frequently, it clearly has the capacity to micro-manage the central bank through its choice of governors.
It is argued that an independent central bank can run a more credible monetary policy, making market expectations more responsive to signals from the central bank. Recently, both the Bank of England (1997) and the European Central Bank have been made independent and follow a set of published inflation targets so that markets know what to expect. Even the People's Bank of China has been accorded great latitude due to the difficulty of problems it faces, though in the People's Republic of China the official role of the bank remains that of a national bank rather than a central bank, underlined by the official refusal to "unpeg" the yuan or to revalue it "under pressure". The People's Bank of China's independence can thus be read more as independence from the USA which rules the financial markets, than from the Communist Party of China which rules the country. The fact that the Communist Party is not elected also relieves the pressure to please people, increasing its independence.

Governments generally have some degree of influence over even "independent" central banks; the aim of independence is primarily to prevent short-term interference. For example, the Board of Governors of the U.S. Federal Reserve are nominated by the President of the U.S. and confirmed by the Senate.[24] The Chairman and other Federal Reserve officials often testify before the Congress.[25]

International organizations such as the World Bank, the Bank for International Settlements (BIS) and the International Monetary Fund (IMF) are strong supporters of central bank independence. This results, in part, from a belief in the intrinsic merits of increased independence. The support for independence from the international organizations also derives partly from the connection between increased independence for the central bank and increased transparency in the policy-making process. The IMF's Financial Services Action Plan (FSAP) review self-assessment, for example, includes a number of questions about central bank independence in the transparency section. An independent central bank will score higher in the review than one that is not independent.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เอกราช [แก้ไข]ใน 2000s ที่ มีแนวโน้มมากขึ้นความเป็นอิสระของธนาคารกลางการปรับปรุงประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทำวิจัยทางเศรษฐกิจจำนวนมากเพื่อกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารกลางเป็นอิสระและประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ ผลลัพธ์ได้ชัดเจนสนับสนุนความเป็นอิสระของธนาคารกลางโต้เถียงว่า ธนาคารกลางซึ่งไวต่อความดันหรือทิศทางการเมืองเกินไปอาจส่งเสริมวงจรเศรษฐกิจ ("บูมและหน้าอก"), เป็นนักการเมืองอาจจะต้องเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจล่วงหน้าเลือกตั้ง การร้ายสุขภาพระยะยาวของเศรษฐกิจและประเทศ ในบริบทนี้ เอกราชมักจะกำหนดเป็นธนาคารกลางของการดำเนินงาน และการจัดการเป็นอิสระจากรัฐบาลวรรณคดีในความเป็นอิสระของธนาคารกลางได้กำหนดชนิดของความเป็นอิสระจำนวนหนึ่งความเป็นอิสระตามกฎหมายความเป็นอิสระของธนาคารกลางประดิษฐานในกฎหมาย ชนิดของความเป็นอิสระในรัฐประชาธิปไตย จำกัด ในเกือบทุกกรณี ธนาคารกลางได้รับผิดชอบในบางระดับเจ้าหน้าที่รัฐบาล ผ่านรัฐมนตรีรัฐบาล หรือโดยตรง กับการทูลเกล้าทูลกระหม่อม แม้แต่การกำหนดของกฎหมายความเป็นอิสระได้พิสูจน์ให้ ความท้าทายเนื่องจากกฎหมายโดยทั่วไปจะแสดงเฉพาะกรอบที่รัฐบาลและธนาคารกลางทำงานจากความสัมพันธ์เป้าหมายความเป็นอิสระธนาคารกลางมีสิทธิที่จะตั้งเป้าหมายนโยบายของตัวเอง ว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมาย ควบคุมเงินหา หรือรักษาอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ขณะนี้ชนิดเอกราชทั่วไป ธนาคารกลางหลายแห่งต้องประกาศเป้าหมายนโยบายร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลที่เหมาะสม นี้เพิ่มความโปร่งใสของกระบวนการตั้งค่านโยบาย และเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเป้าหมายที่เลือก โดยการให้ความเชื่อมั่นว่า พวกเขาจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ตั้งเป้าหมายร่วมกันโดยธนาคารกลางและรัฐบาลช่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่นโยบายการเงิน และบัญชีมีความขัดแย้ง ชุดนโยบายที่เหมาะสมย่อยอย่างชัดเจนการดำเนินงานเป็นอิสระธนาคารกลางมีอิสระในการกำหนดวิธีที่ดีสุดของการบรรลุเป้าหมายของนโยบาย รวมถึงชนิดของเครื่องมือที่ใช้และระยะเวลาของการใช้ นี้เป็นแบบทั่วไปของความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ให้อิสระการธนาคารของประเทศอังกฤษในปี 1997 ถูก จริง ของงานอิสระ เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อยังคงประกาศในของชานเซลเลอร์ประจำปีงบประมาณพูดไปรัฐสภาความเป็นอิสระในการจัดการธนาคารกลางมีการรันการดำเนินงานของตนเอง (แต่งตั้งพนักงาน การตั้งค่างบประมาณ และอื่น ๆ) โดยไม่มีส่วนร่วมมากเกินไปของรัฐบาล รูปแบบอื่น ๆ ของความเป็นอิสระไม่ได้เว้นแต่ธนาคารกลางมีตัวสำคัญของความเป็นอิสระในการจัดการ หนึ่งชี้สถิติทั่วไปที่ใช้ในวรรณคดีเป็นพร็อกซีสำหรับความเป็นอิสระของธนาคารกลางคือ "เปิดมากกว่าอัตรา" ผู้ว่าราชการธนาคารกลาง ถ้ารัฐบาลแต่งตั้ง และเปลี่ยนข้าหลวงประจำให้เป็นนิสัย มันชัดเจนมีกำลังการผลิตไมโครบริหารธนาคารกลางผ่านการเลือกผู้ว่าราชการเป็นโต้เถียงว่า ธนาคารกลางมีอิสระสามารถใช้นโยบายทางการเงินน่าเชื่อถือมากขึ้น ทำให้ความคาดหวังของตลาดมากขึ้นตอบสนองต่อสัญญาณจากธนาคารกลาง เมื่อเร็ว ๆ นี้ การธนาคารของประเทศอังกฤษ (1997) และธนาคารกลางยุโรปได้ทำด้วยตนเอง และตามชุดของเป้าหมายเงินเฟ้อที่ประกาศเพื่อให้ตลาดรู้ว่าสิ่งที่คาดหวัง แม้ประชาชนธนาคารของจีนมีทรัพย์แลดีเนื่องจากความยากของปัญหาที่มันหันหน้า แม้ในสาธารณรัฐประชาชนจีน บทบาทอย่างเป็นทางการของธนาคารอยู่ที่ธนาคารแห่งชาติแทนที่เป็นธนาคารกลาง ขีดเส้นใต้ โดยปฏิเสธอย่างเป็นทาง การ "unpeg" หยวน หรือใหม่ "ภายใต้ความดัน" ธนาคารประชาชนจีนเอกราชสามารถจึงสามารถอ่านเพิ่มเติมเป็นอิสรภาพจากสหรัฐอเมริกาที่กฎตลาดการเงิน กว่าจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งกฎประเทศ ความจริงที่ว่า พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ได้รับเลือกยังรักษาอาการกดดันให้คนโปรด เอกราชเพิ่มขึ้นรัฐบาลโดยทั่วไปมีบางส่วนของอิทธิพลแม้ "อิสระ" ธนาคารกลาง จุดมุ่งหมายของเอกราชเป็นหลักเพื่อ ป้องกันสัญญาณรบกวนระยะสั้น ตัวอย่าง คณะของผู้ว่าราชการของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเสนอชื่อ โดยประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา และยืนยัน โดยวุฒิสภา[24] ประธานและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ของธนาคารกลางมักจะเป็นพยานก่อนที่สภา[25]องค์กรระหว่างประเทศเช่นธนาคารโลก ธนาคารสำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศ (BIS) และนานาชาติเงินกองทุน (IMF) มีหัวใจแข็งแกร่งของความเป็นอิสระของธนาคารกลาง นี้ผล ส่วนหนึ่ง จากความเชื่อในบุญ intrinsic เอกราชเพิ่มขึ้น ยังสนับสนุนการเป็นอิสระจากองค์กรระหว่างประเทศมาจากการเชื่อมต่อระหว่างความเป็นอิสระเพิ่มขึ้นสำหรับธนาคารกลางและเพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการ policy-making บางส่วน ของ IMF เงินบริการดำเนินการวางแผน (FSAP) ทบทวนประเมินตนเอง ตัวอย่าง มีจำนวนคำถามเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางในส่วนของความโปร่งใส ธนาคารกลางมีอิสระจะคะแนนสูงในการตรวจทานมากกว่าที่ไม่อิสระ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เอกราช [ แก้ไข ]
ในคริสต์ทศวรรษ 1980 ได้มีแนวทางเพิ่มความเป็นอิสระของธนาคารกลางเป็นวิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ปริมาณขนาดใหญ่ของการวิจัยทางเศรษฐกิจได้รับการทำที่จะกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างความเป็นอิสระของธนาคารกลาง และประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ ผลไม่ชัดเจน .

สนับสนุนความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ยืนยันว่าธนาคารกลาง ซึ่งก็เสี่ยงต่อทิศทางการเมืองหรือความดันกระตุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจ ( " บูมและหน้าอก " ) เป็นนักการเมืองอาจจะอยากเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจล่วงหน้าของการเลือกตั้งเพื่อความเสียหายของสุขภาพในระยะยาวของเศรษฐกิจและประเทศ ในบริบทนี้ความเป็นอิสระคือมักจะกำหนดเป็นธนาคารกลางของความเป็นอิสระในการดำเนินงานและการบริหารจากรัฐบาล

วรรณคดีในความเป็นอิสระของธนาคารกลางได้กำหนดหมายเลขของชนิดของความเป็นอิสระ อิสระ

กฏหมายความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ประดิษฐานอยู่ในกฎหมาย อิสรภาพของชนิดนี้ถูก จำกัด ในรัฐประชาธิปไตย ;ในเกือบทุกกรณีธนาคารกลางมีความรับผิดชอบในบางระดับข้าราชการ ผ่านรัฐบาล รัฐมนตรี หรือโดยตรงไปยังรัฐสภา . แม้การกำหนดองศาของอิสรภาพทางกฎหมายได้พิสูจน์ให้เป็นที่ท้าทายเนื่องจากกฎหมายมักจะมีเพียงกรอบที่รัฐบาลและธนาคารกลางออก

เป้าหมายเอกราช ความสัมพันธ์ของพวกเขาธนาคารกลางได้กำหนดนโยบาย เป้าหมาย ของตัวเอง ไม่ว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ การควบคุมปริมาณเงิน หรือการรักษาอัตราแลกเปลี่ยนที่คงที่ . ในขณะที่ความเป็นอิสระชนิดนี้เป็นปกติมากขึ้น ธนาคารกลาง หลายคนชอบที่จะประกาศนโยบาย เป้าหมายของพวกเขาในการร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐบาลที่เหมาะสมนี้จะเพิ่มความโปร่งใสของกระบวนการการกำหนดนโยบาย และเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเป้าหมายที่เลือก โดยให้ความเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า นอกจากนี้ การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน โดยธนาคารกลางและรัฐบาลช่วยหลีกเลี่ยงสถานการณ์การเงิน และนโยบายการคลังอยู่ในความขัดแย้ง นโยบายรวมกันที่ชัดเจนย่อยที่ดีที่สุด .
ความเป็นอิสระการดำเนินงาน
ธนาคารกลางมีความเป็นอิสระในการกำหนดวิธีที่ดีที่สุดในการบรรลุ เป้าหมาย นโยบาย รวมทั้งชนิดของเครื่องมือที่ใช้และระยะเวลาในการใช้งานของพวกเขา . นี้เป็นรูปแบบที่พบมากที่สุดของความเป็นอิสระของธนาคารกลาง . การอนุญาตกับความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษในปี 1997 เป็น , ในความเป็นจริง , การอนุญาตของความเป็นอิสระของการปฏิบัติการเป้าหมายเงินเฟ้อที่ยังคงได้รับการประกาศในนายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์งบประมาณประจำปีต่อรัฐสภา .
อิสระการจัดการ
ธนาคารกลางมีอำนาจในการเรียกใช้งานของตัวเอง ( แต่งตั้งพนักงาน การงบประมาณ และอื่น ๆ ) โดยไม่มีความเกี่ยวข้องมากเกินไปของรัฐบาลรูปแบบอื่น ๆของความเป็นอิสระที่เป็นไปไม่ได้นอกจากธนาคารกลางได้องศาที่สําคัญของความเป็นอิสระของการจัดการ หนึ่งที่พบมากที่สุดสถิติตัวชี้วัดที่ใช้ในวรรณกรรมเป็นพร็อกซี่สำหรับความเป็นอิสระของธนาคารกลางคือ " พลิกคะแนน " ผู้ว่าการธนาคารกลาง . ถ้ารัฐบาลอยู่ในนิสัยของการแต่งตั้งและการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดบ่อยมันมีความสามารถในไมโครจัดการธนาคารกลางผ่านตัวเลือกของผู้ว่าการ .
ก็แย้งว่าธนาคารกลางที่เป็นอิสระสามารถใช้นโยบายการเงินที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ทำให้ความคาดหวังของตลาดมากขึ้นเพื่อตอบสนองสัญญาณจากธนาคารกลาง เมื่อเร็วๆ นี้ทั้งธนาคารอังกฤษ ( 1997 ) และ ธนาคารกลางยุโรปได้อิสระ และ ตามชุดของการเผยแพร่อัตราเงินเฟ้อเป้าหมายเพื่อให้ตลาดทราบสิ่งที่คาดหวัง แม้แต่ธนาคารประชาชนจีนได้รับความลําบากมากละติจูดเนื่องจากปัญหามันหน้าแม้ว่าในสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ บทบาทของธนาคารยังคงอยู่ในธนาคารมากกว่าธนาคารกลาง , ขีดเส้นใต้ โดยการปฏิเสธอย่างเป็นทางการ " unpeg " หยวน หรือตีราคา " กดดัน " ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีนเป็นอิสระจึงสามารถอ่านเพิ่มเติมเป็นเอกราชจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งกฎของตลาดการเงินกว่าจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นกฎของประเทศ ที่พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ใช่การเลือกตั้งยังบรรเทาความดันเพื่อโปรดคน เพิ่มความเป็นอิสระของตัวเอง

รัฐบาลโดยทั่วไปมีบางระดับของอิทธิพลมากกว่า " อิสระ " ธนาคารกลาง ; จุดมุ่งหมายของความเป็นอิสระเป็นหลักเพื่อป้องกันการรบกวน ระยะสั้น ตัวอย่างเช่น ผู้ว่าการของสหรัฐอเมริกาFederal Reserve . มีการเสนอชื่อโดยประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา และได้รับการยืนยันโดยวุฒิสภา [ 24 ] ประธานและเจ้าหน้าที่ Federal Reserve อื่นมักจะเป็นพยานก่อนที่รัฐสภา [ 25 ]

องค์การระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) เป็นผู้สนับสนุน ที่แข็งแกร่งของความเป็นอิสระของธนาคารกลาง . ผลนี้ ในส่วนจากความเชื่อในคุณธรรมที่แท้จริง เพิ่มความเป็นอิสระ สนับสนุนความเป็นอิสระจากองค์การระหว่างประเทศยังเกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการเชื่อมต่อระหว่างเพิ่มความเป็นอิสระของธนาคารกลาง และเพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการการกำหนดนโยบาย . ไอเอ็มเอฟของบริการทางการเงิน แผนปฏิบัติการ ( กระทรวงการ ) ทบทวนตนเอง ตัวอย่างเช่นรวมถึงจำนวนของคำถามเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางในส่วนความโปร่งใส ธนาคารกลางที่เป็นอิสระจะได้คะแนนสูงขึ้นในการตรวจสอบมากกว่าหนึ่งที่ไม่อิสระ