GPS (Global Positioning System) หรือ ระบบบอกพิกัดผ่านทางดาวเทียม จัดอยู่ในประเภท Indirect Active Safety Innovation โดยมีส่วนประกอบหลักๆของระบบแบ่งเป็น 3ส่วนใหญ่ คือ ดาวเทียม ตัวรับ สัญญาณ และแผนที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานร่วมกับระบบควบคุมการเดินรถ (Fleet Management System) ทั้งตัวรถโดยสาร รถบรรทุกสินค้า รถขนเงิน ฯลฯ ทำให้สามารถตรวจสอบเส้นทางการเดินรถ และติดตามรถที่ต้องการได้อย่างอัตโนมัติ ระบบGPS ประกอบไปด้วยดาวเทียมทั้งหมด 27 ตัว แต่ขณะใช้งานใช้แค่ 3 ตัว ดาวเทียมเหล่านี้จะคอยส่งสัญญาณบอกลงมาอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังอยู่พิกัดใด โดยอาศัยหลักของความเร็วของคลื่นไฟฟ้า ในขณะเดียวกันเครื่องรับสัญญาณจะรับสัญญาณที่ส่งมาจากดาวเทียม เครื่องจะรับข้อมูลเอามาคำนวณระยะทางเพื่อหาพิกัดของตัวเอง แล้วเครื่องรับสัญญาณจะแสดงพิกัดของรถออกมาในรูปของแผนที่อีกที สำหรับ GPS Tracking มีอรรถประโยชน์มากมายทั้งด้านความปลอดภัย และบริหารรถบรรทุก เช่น ควบคุมค่าใช้จ่าย สำรวจพฤติกรรมของผู้ขับ เพิ่มความปลอดภัยในทรัพย์สิน บริหารการทำงานของรถได้ดียิ่งขึ้น โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการไม่สูงเกินไปและสามารถติดตั้งได้กับรถทุกคัน ไม่ต้องคำนึงถึงเทคโนโลยีของรถแต่คัน
หลักการทำงานของ GDP Tracking System นั้น จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ติดตามรถยนต์ (Black Box) ที่ยานพาหนะ โดยอุปกรณ์จะรับสัญญาณจากดาวเทียม GDP เพื่อหาตำแหน่งพิกัดของรถ จากนั้นข้อมูลจะถูกประมวลผลและส่งผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรูปแบบ GPRS ไปยังคอมพิวเตอร์ของศูนย์ผู้ให้บริการ ตำแหน่งและข้อมูลต่างๆ จะถูกประมวลผลก่อนส่งตอไปแสดงผลบนแผนที่ดิจิตอลที่คอมพิวเตอร์ของผู้รับบริการ โดยตำแหน่งและสถานภาพของรถยนต์จะแสดงในรูปแบบภาพหรือสัญลักษณ์ ซึ่งระบบสามารถทำรายงานแสดงข้อมูลสำคัญตามที่ผู้รับบริการต้องการได้อีกด้วย
การแสดงผลของ GDP Tracking System สามารถแบ่งการทำงานได้ 2 ระบบ ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ คือการแสดงผลที่เครื่องผู้ใช้งาน ซึ่งจะต้องติดตั้งโปรแกรมของผู้ใช้บริการโปรแกรมจะบันทึกข้อมูลโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้งานสามารถดูย้อนหลังได้ และการแสดงผลผ่าน Web Side ของผู้ใช้บริการโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม ซึ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ว่าจ้างขนส่ง ว่าสินค้าของตนนั้นเดินทางถึงไหนแล้ว ช่วยเพิ่มความมั่นใจในประสิทธิภาพการขนส่ง แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ว่าจ้างขนส่งจะโทรศัพท์สอบถามการดำเนินงานของรถบรรทุกจากผู้ประกอบการเองมากกว่า
GDP Tracking System มี 2 รูปแบบ คือ แบบNon-Real time หรือแบบOff-line ทำงานโดยใช้อุปกรณ์ GDP หรือ Black- Box ที่ติดอยู่กับยานพาหนะ จะรับสัญญาณดาวเทียมและแปลสัญญาณออกมาเป็นค่าพิกัด ตำแหน่ง เวลา และความเร็วในระหว่างการเดินทาง เครื่องบันทึกข้อมูลจะอ่านข้อมูลนำมาการประมวลผลและบันทึกข้อมูลไว้ เมื่อยานพาหนะกลับมาที่บริษัทแล้ว ข้อมูลในอุปกรณ์ติดรถจะถ่ายขึ้นบนคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บไว้ตรวจสอบต่อไป แบบ Real time หรือแบบ On-line เป็นระบบที่ติดตามและตรวจสอบตำแน่งของรถในขณะที่รถกำลังปฏิบัติงานได้ โดยแสดงตำแหน่งรถบนแผนที่ด้วโปรแกรมที่ติดตั้งไว้กับศูนย์ควบคุม เมื่อต้องการทราบตำแหน่งของรถก็สามารถเรียกดูข้อมูลผ่านเครือโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปยังเครื่องบันทึกข้อมูลในตัวรถ อุปกรณ์ที่รถจะส่งข้อมูตอบกลับมาที่ศูนย์ด้วยข้อมูลของตำแหน่งรถและข้อมูลอื่นๆ บนแผนที่ทันที
ข้อมูลในเครื่องบันทึกของรถทั้งระบบ Real time และแบบ Non-Real time จะถูกวิเคราะห์โดยโปรแกรม ซึ่งจะให้ผลการวิเคราะห์เป็นรายงานต่างๆ ทั้งข้อความ รูปภาพ กราฟ และสามารถแปลงให้อยู่ในรูปแบบ Excel ได้ ดังนี้
1. รายงานเดินรถประจำวัน และรายเดือ 2. รายงานใช้ความเร็วการใช้งานรถ และการใช้ความเร็วเกินพิกัด
3. รายงานเวลาจอดรถติดเครื่องยนต์ทิ้งไว 4. รายงานปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ไป
5. รายงานการเข้า-ออก สถานที่ที่กำหนด 6. รายงานพฤติกรรมการใช้รถ
7.รายงานแสงข้อมูลการเดินทางย้อนหลัง 8. รูปภาพแสดงเส้นทางการเดินทางและจุดจอดบนแผนที่
ประโยชน์ที่ได้จากระบบ GPS Tracking
1. เพิ่มประสิทธิภาพระบบงานขนส่งและบริหารยานพาหนะ ใช้ประกอบการตัดสินใจสมารถควบคุม ติตาม สั่งการ และแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
2.ลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ ควบคุมค่าใช้จ่ายการได้ทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค้าซ่อมบำรุง สามารถควบคุมความเร็ว การใช้เครื่องยนต์ รวมทั้งวางแผนการซ่อมบำรุงด้วย
3.ควบคุมตารางเวลาในการขนส่ง ช่วยส่งสิน้าได้ถูกต้องและทันเวลา ควบคุมการใช้เส้นทาง สามารถบอกลูกค้าได้ว่ารถอยู่ที่ไหน ถึงเมื่อไร และลดค่าแรงล่วงหน้าพนักงาน
4.เพิ่มความปลอดภัยในการขนส่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียหายมากทั้งสูญเสียทรัพย์สินและชื่อเสียง ช่วยควบคุมการขับรถ ไม่ให้ขับเร็วเกินไปหรือมีพฤติกรรมขับรถที่อันตราย
5.เพิ่มภาพพจน์ของบริษัท ช่วยสร้างความมั่นใจและไว้วางใจการให้บริการลูกค้า
ข้อดีข้อเสียจากผู้ประกอบการขนส่งสินค้า
บริษัทผู้ประกอบการขนส่งสินค้าที่นำระบบเทคโนโลยี GPS มาใช้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ เนื่องจากช่วงแรกๆที่เทคโนโลยีตัวนี้เข้ามาในประเทศไทยนั้น มีราคาอุปกรณ์สูงมาก เมื่อพิจารณาดูแล้วจะไม่คุ้มค่า ทั้งนี้จะพิจารณาจากมูลค่าของสินค้าที่อยู่บนรถขนส่ง แต่ในปัจจุบัน บริษัทต่างๆก็เริ่มนิยมนำระบบ GPS มาใช้กับรถขนส่งของตน เนื่องจากสินค้าที่ส่งนั้น มีมูลค่าสูง เช่น รถขนเงินสด รถขนทองคำเครื่องประดับของมีค่าต่างๆ เมื่อเริ่มนิยมนำมาใช้กันแพร่หลาย ราคาค่าตัวของระบบ GPS จึงมีราคาไม่แพง ซึ่งมีราคาชุดละประมาณหนึ่งหมื่นสามพันบาทต่อการติดตั้งรถหนึ่งคัน และต้องเสียค่าบริการ GPRS ในการรับส่งข้อมูลกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตกประมาณเดือนละห้าร้อยบาท ซึ่งเริ่มแรกผู้ประกอบที่ได้ให้ข้อมูลนั้นไม่ได้นำมาติดตั้งทุกคัน แต่จะเริ่มจากทดลองติดตั้งประมาณ 5 คัน ซึ่งก็เห็นประโยชน์ดังนี้ ในแง่ของการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายจากการเดินรถ ซึ่งเกิดจากการประหยัดค่าน้ำมัน และลดค่าใช้จ่ายจากการซ่อมบำรุง อันเนื่องมาจากการออกนอกเส้นทาง , การติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ , การขับรถเร็วซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงสามารถตรวจสอบในเรื่องของการลักลอบดูดน้ำมันขาย ของพนักงานขับรถ ป้องกันการนำรถไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็จะช่วยในการลดพฤติกรรมการใช้งานรถที่ไม่เหมาะสม เช่น การหยุดพักที่นานเกินควร , การจอดรถติดเครื่องเป็น