Tectonic earthquakes occur anywhere

Tectonic earthquakes occur anywhere in the earth where there is sufficient stored elastic strain energy to drive fracture propagation along a fault plane. The sides of a fault move past each other smoothly and aseismically only if there are no irregularities or asperities along the fault surface that increase the frictional resistance. Most fault surfaces do have such asperities and this leads to a form of stick-slip behaviour. Once the fault has locked, continued relative motion between the plates leads to increasing stress and therefore, stored strain energy in the volume around the fault surface. This continues until the stress has risen sufficiently to break through the asperity, suddenly allowing sliding over the locked portion of the fault, releasing the stored energy.[2] This energy is released as a combination of radiated elastic strain seismic waves, frictional heating of the fault surface, and cracking of the rock, thus causing an earthquake. This process of gradual build-up of strain and stress punctuated by occasional sudden earthquake failure is referred to as the elastic-rebound theory. It is estimated that only 10 percent or less of an earthquake's total energy is radiated as seismic energy. Most of the earthquake's energy is used to power the earthquake fracture growth or is converted into heat generated by friction. Therefore, earthquakes lower the Earth's available elastic potential energy and raise its temperature, though these changes are negligible compared to the conductive and convective flow of heat out from the Earth's deep interior.[3]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การเคลื่อนแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ในโลกไม่เพียงพอต้องใช้ยืดหยุ่นเก็บพลังงานเพื่อเผยแพร่ทำให้ขับรถตามเครื่องบินบกพร่อง ด้านข้างของข้อบกพร่องการเคลื่อนย้ายผ่านกันได้อย่างราบรื่น และ aseismically เท่านั้นหากมีความผิดปกติไม่ หรือ asperities ตามข้อบกพร่องที่พื้นผิวที่เพิ่มความต้านทาน frictional พื้นผิวส่วนใหญ่ข้อบกพร่องได้เช่น asperities และนี้นำไปสู่รูปแบบของพฤติกรรมติดการจัด เมื่อมีล็อคข้อบกพร่อง เคลื่อนไหวสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องระหว่างแผ่นนำไปสู่การเพิ่มความเครียด และเก็บต้องใช้พลังงานปริมาณทั่วพื้นผิวบกพร่องดังนั้น นี้อย่างต่อเนื่องจนเครียดได้เพิ่มขึ้นเพียงพอหัก asperity ก็ให้เลื่อนผ่านส่วนล็อคของข้อบกพร่อง ปล่อยพลังงานเก็บไว้[2] ปล่อยพลังงานนี้เป็นสายพันธุ์ของยางยืดราเดียตาคลื่นไหวสะเทือน frictional ความร้อนของพื้นผิวบกพร่อง และแตกของหิน จึง ทำให้เกิดแผ่นดินไหว กระบวนการนี้ต้องใช้และความเครียดที่ punctuated โดยแผ่นดินไหวฉับพลันเป็นครั้งคราวความล้มเหลวเกิดขึ้นเรียกว่าทฤษฎียืดหยุ่นตอบสนอง คาดเท่านั้น 10 เปอร์เซ็นต์ หรือน้อยกว่าพลังงานของแผ่นดินไหวเป็น radiated เป็นพลังงานสั่นสะเทือน พลังงานของแผ่นดินไหวส่วนใหญ่จะใช้พลังแผ่นดินไหวทำให้เจริญเติบโต หรือจะถูกแปลงเป็นความร้อนที่สร้างขึ้น โดยแรงเสียดทาน ดังนั้น แผ่นดินไหวต่ำดินมียืดหยุ่นและพลังงานศักย์ และเพิ่มของอุณหภูมิ แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีระยะเมื่อเทียบกับกระแสไฟฟ้า และด้วยการพาความร้อนออกจากภายในลึกของโลก[3]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แผ่นดินไหวเปลือกโลกเกิดขึ้นได้ทุกในโลกที่มีการจัดเก็บไว้เพียงพอพลังงานความเครียดยืดหยุ่นในการขับรถการขยายพันธุ์แตกหักพร้อมระนาบรอยเลื่อน ด้านข้างของความผิดย้ายที่ผ่านมากันอย่างราบรื่นและ aseismically เฉพาะในกรณีที่มีความผิดปกติหรือไม่ asperities ไปตามพื้นผิวความผิดที่เพิ่มแรงเสียดทาน พื้นผิวส่วนใหญ่จะมีความผิดพลาดดังกล่าวและ asperities นี้นำไปสู่​​รูปแบบของพฤติกรรมติดลื่น เมื่อความผิดที่มีการล็อคการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์อย่างต่อเนื่องระหว่างแผ่นเปลือกโลกจะนำไปสู่​​ความเครียดที่เพิ่มขึ้นและดังนั้นพลังงานความเครียดที่เก็บไว้ในไดรฟ์ทั่วพื้นผิวที่ผิด นี้ต่อไปจนกว่าความเครียดได้เพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะทำลายความรุนแรงก​​็อนุญาตให้เลื่อนเหนือส่วนล็อคความผิดพลาดปล่อยพลังงานที่เก็บไว้. [2] พลังงานนี้จะปล่อยออกมาเป็นการรวมกันของคลื่นคลื่นยืดหยุ่นความเครียดแผ่นดินไหวความร้อนแรงเสียดทานของ พื้นผิวที่ผิดและการแตกของหินจึงก่อให้เกิดแผ่นดินไหว กระบวนการของการค่อยๆสร้างขึ้นจากความเครียดและความเครียดนี้คั่นด้วยความล้มเหลวของการเกิดแผ่นดินไหวอย่างฉับพลันเป็นครั้งคราวจะเรียกว่าเป็นทฤษฎีการยืดหยุ่นรีบาวด์ มันเป็นที่คาดว่ามีเพียงร้อยละ 10 หรือน้อยกว่าของพลังงานทั้งหมดของแผ่นดินไหวจะแผ่เป็นพลังงานคลื่นไหวสะเทือน ส่วนใหญ่ของพลังงานของแผ่นดินไหวที่มีการใช้พลังงานการเจริญเติบโตของกระดูกหักที่เกิดแผ่นดินไหวหรือจะถูกแปลงเป็นความร้อนที่เกิดจากการเสียดสี ดังนั้นการเกิดแผ่นดินไหวลดโลกใช้ได้พลังงานศักย์ยืดหยุ่นและเพิ่มอุณหภูมิของมัน แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะมีอยู่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับการไหลของสื่อกระแสไฟฟ้าและการไหลเวียนของความร้อนจากภายในลึกของโลก. [3]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แผ่นดินไหวเปลือกโลกเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ในโลกมีการยืดหยุ่นเพียงพอเก็บพลังงานความเครียดขับรถหักกระจายตามเครื่องบินผิด ด้านข้างของความผิดที่ผ่านมาแต่ละอื่น ๆได้อย่างราบรื่น และ aseismically เท่านั้น ถ้าไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ หรือผิว asperities ตามความผิดที่เพิ่มแรงเสียดทาน .พื้นผิวความผิดส่วนใหญ่มี asperities ดังกล่าวและนี้นำไปสู่รูปแบบของใบความประพฤติติด เมื่อความผิดได้ล็อคต่อญาติเคลื่อนไหวระหว่างแผ่นเปลือกโลกที่นำไปสู่การเพิ่มความเครียด และ ดังนั้น เก็บพลังงานความเครียดในหมวดทั่วพื้นผิว ความผิด นี้ต่อไปจนกว่าความเครียดได้เพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะ asperity พัง ,ก็ให้เลื่อนไปจับส่วนของความผิดที่ปล่อยพลังงานที่เก็บไว้ [ 2 ] พลังงานนี้จะถูกปล่อยออกมาเป็นชุดของการแผ่คลื่นแผ่นดินไหวยืดหยุ่นความเครียดความร้อนแรงเสียดทานของพื้นผิว ผิด และ การแตกของหิน จึงก่อให้เกิดแผ่นดินไหวกระบวนการนี้ค่อยๆสะสมของความเครียดและความเครียด punctuated โดยฉับพลัน แผ่นดินไหวความล้มเหลวเป็นครั้งคราวเรียกว่า ทฤษฎีการตอบสนองของความยืดหยุ่น มันคือประมาณว่าแค่ 10% หรือน้อยกว่าของการรวมพลังงานของแผ่นดินไหวแผ่นดินไหวแผ่เป็นพลังงาน ส่วนใหญ่ของพลังงานแผ่นดินไหวจะใช้พลังงานในการแตก หรือแปลงเป็น ความร้อนที่เกิดจากการเสียดสี ดังนั้นแผ่นดินไหวลดโลกของพลังงานศักย์ยืดหยุ่น และเพิ่มอุณหภูมิของมัน แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เล็กน้อย เมื่อเทียบกับการไหลของความร้อนและการออกแบบจากลึกภายในโลก [ 2 ]