How toWhether a family chooses to h

How to


Whether a family chooses to home school or send their child to public school has become a great concern for many parents. There are many important differences and similarities between the two. The choice a family makes will not be the same for all because they should base their decision on what is best for the family. Furthermore, a family should ponder the facts of both, home school and public school, before opting out one for the other.
One difference between public school and home school is social development and peer pressure. Social development is essential in the development of a child and many families consider this when choosing between the two schools; however, social development presents peer pressure because peer pressure is the influence of a social group. In public school, social development occurs daily from riding the school bus, to participating in class discussions, after school clubs, or joining extracurricular activities; however, in public school, many problems can arise due to peer pressure. On the contrary, in home school there is no peer pressure, nor is there much of an opportunity for social development; consequently, a child may crave social interaction and/or feel left out and isolated.
One similarity between public school and home school is convenience, although different in ways. When choosing between the two schools, a family should consider what is most practical for the family. For example, in public school, buses pick up children and take them to and from school, which is convenient for a family working outside of home. Although if a family has a special needs child or children, it could be convenient for the family to choose home school because there aren’t any major schedules to keep; furthermore, they are not bound to the many meetings at a public school. Therefore, even though both are different in their conveniences, they both have conveniences to consider.
Families also consider the quality of education an important factor when choosing between the two. Both schools are similar in the aspect of education, and both can end with a diploma and prepare a child for college. Although, when is comes to the learning environment, each is different. In public school, several different teachers teach children, furthermore, there is typically a high student/teacher ratio. On the contrary, in home school, a parent is the only teacher giving lessons. Another difference is in the curriculum between the two. In public school, mandated by the state, teachers teach a certain curriculum and furthermore teach on one level and are very careful not to instill any religious beliefs. Just the opposite in home school, children are taught on their own level and able to explore their own interest while learning about theological studies and religious studies.
Even though public school and home school are similar in many different aspects, there are many differences in certain areas as well. Moreover, it does not necessarily mean one is better than the other is - each is just different. Most importantly, before making the difficult choice to home school or send a child to public school, a family should weigh their options and decide what is most practical, essential, and beneficial in fulfilling the needs of the child and their family better.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีการว่า ครอบครัวเลือกบ้านโรงเรียน หรือส่งลูกไปโรงเรียนได้กลายเป็น กังวลมากสำหรับผู้ปกครองหลายคน มีความสำคัญแตกต่างและความเหมือนระหว่างสอง ทางเลือกที่ช่วยให้ครอบครัวจะไม่ได้เหมือนกันทั้งหมดเนื่องจากพวกเขาควรยึดการตัดสินใจในสิ่งที่ดีสุดสำหรับครอบครัว นอกจากนี้ ครอบครัวควรไตร่ตรองข้อเท็จจริงทั้ง โรงเรียน และโรงเรียนบ้านก่อนที่จะคัดเลือกอีกหนึ่ง ความแตกต่างระหว่างโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนบ้านหนึ่งเป็นพัฒนาสังคมและความกดดันของเพื่อน สังคมเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาเด็ก และครอบครัวจำนวนมากพิจารณานี้เมื่อเลือกระหว่างโรงเรียนสอง อย่างไรก็ตาม พัฒนาสังคมแสดงเพื่อนความดันเนื่องจากความดันเพื่อน อิทธิพลของกลุ่มทางสังคม ในโรงเรียน สังคมเกิดขึ้นทุกวันจากการขี่รถบัสโรงเรียน การเข้าร่วมในชั้นเรียนสนทนา หลังโรงเรียนคลับ หรือเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตร อย่างไรก็ตาม ในโรงเรียน ปัญหามากมายสามารถเกิดขึ้นเพื่อนความดัน การ์ตูน โรงเรียนบ้าน มีแรงดันไม่มีเพื่อน ไม่มีมากโอกาสพัฒนาสังคม ดังนั้น เด็กอาจอยากโต้ตอบทางสังคมและ/หรือรู้สึกซ้ายออก และแยก หนึ่งความคล้ายระหว่างบ้านโรงเรียนและโรงเรียนมีความสะดวกสบาย แม้แตกต่างในวิธี เมื่อเลือกระหว่างโรงเรียนสอง ครอบครัวควรพิจารณาอะไรเป็นจริงมากที่สุดสำหรับครอบครัว ตัวอย่าง ในโรงเรียน รถรับเด็ก และนำพวกเขาเข้า และออก จาก โรงเรียน ซึ่งมีความสะดวกสำหรับครอบครัวที่ทำงานนอกบ้าน แต่ถ้าครอบครัวมีเด็กความต้องการพิเศษหรือเด็ก อาจสะดวกสำหรับครอบครัวที่จะเลือกโรงเรียนบ้านเนื่องจากไม่มีกำหนดการใด ๆ หลักให้ นอกจากนี้ ไม่เลี่ยง ๆ ไปประชุมหลายที่โรงเรียนของรัฐ ดังนั้น แม้ทั้งสองจะแตกต่างกันในความสะดวกสบายของพวกเขา พวกเขาทั้งสองได้รับการพิจารณา ครอบครัวยังพิจารณาคุณภาพของการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อเลือกระหว่างทั้งสอง โรงเรียนทั้งสองจะคล้ายกันในด้านการศึกษา และทั้งสามารถจบ ด้วยประกาศนียบัตรการเตรียมเด็กสำหรับวิทยาลัย แม้ว่า เมื่อเป็นมาสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การไม่เหมือนกัน ในโรงเรียน ครูหลายอื่นสอน นอกจากนี้ ได้โดยทั่วไปอัตราสูงหนังครู ดอก บ้านเรียน หลักเป็นครูเท่านั้นที่ให้บทเรียน ความแตกต่างก็อยู่ในหลักสูตรระหว่างสอง ในโรงเรียน ภายใต้ควบคุม โดยรัฐ ครูสอนหลักสูตรบางอย่าง และนอกจากนี้สอนในระดับหนึ่ง และจะระวังมากไม่ให้ปลูกฝังความเชื่อในศาสนาใด ๆ เพียงตรงข้ามโรงเรียนบ้าน สอนเด็กตนเองระดับ และสามารถสำรวจตนเองสนใจในขณะเรียนรู้เกี่ยวกับการศึกษาศาสนศาสตร์และศาสนา Even though public school and home school are similar in many different aspects, there are many differences in certain areas as well. Moreover, it does not necessarily mean one is better than the other is - each is just different. Most importantly, before making the difficult choice to home school or send a child to public school, a family should weigh their options and decide what is most practical, essential, and beneficial in fulfilling the needs of the child and their family better.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธีการไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเลือกที่จะโรงเรียนบ้านหรือส่งบุตรหลานไปโรงเรียนสาธารณะได้กลายเป็นความกังวลที่ดีสำหรับผู้ปกครองจำนวนมาก มีความแตกต่างที่สำคัญมากและความคล้ายคลึงกันระหว่างทั้งสอง ทางเลือกที่จะทำให้ทุกคนในครอบครัวจะไม่เหมือนกันสำหรับทุกคนเพราะพวกเขาควรฐานการตัดสินใจของพวกเขาในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว นอกจากนี้ครอบครัวควรไตร่ตรองข้อเท็จจริงของทั้งสองโรงเรียนบ้านและโรงเรียนของประชาชนก่อนการเลือกหนึ่งสำหรับคนอื่น ๆ . หนึ่งความแตกต่างระหว่างโรงเรียนของรัฐและโรงเรียนบ้านคือการพัฒนาทางสังคมและแรงกดดัน การพัฒนาทางสังคมเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเด็กและครอบครัวหลายพิจารณานี้เมื่อเลือกระหว่างสองโรงเรียน; แต่การพัฒนาสังคมนำเสนอแรงกดดันเพราะแรงกดดันคืออิทธิพลของกลุ่มทางสังคม ในโรงเรียนของรัฐในการพัฒนาทางสังคมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันจากการขี่รถโรงเรียนที่จะเข้าร่วมในการอภิปรายในชั้นเรียนหลังจากที่สโมสรโรงเรียนหรือเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตร; อย่างไรก็ตามในโรงเรียนของรัฐหลายปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากแรงกดดัน ในทางตรงกันข้ามในโรงเรียนบ้านไม่มีแรงกดดันและไม่มีโอกาสมากสำหรับการพัฒนาทางสังคม; ดังนั้นเด็กอาจกระหายปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและ / หรือรู้สึกซ้ายออกและแยก. หนึ่งความคล้ายคลึงกันระหว่างโรงเรียนของรัฐและโรงเรียนบ้านคือความสะดวกสบายถึงแม้จะแตกต่างกันในรูปแบบที่ เมื่อเลือกระหว่างสองโรงเรียน, ครอบครัวควรพิจารณาสิ่งที่เป็นจริงมากที่สุดสำหรับครอบครัว ยกตัวอย่างเช่นในโรงเรียนของรัฐ, รถโดยสารรับเด็กและพาพวกเขาไปและกลับจากโรงเรียนซึ่งจะสะดวกสำหรับครอบครัวที่ทำงานนอกบ้าน แต่ถ้าเป็นครอบครัวที่มีความต้องการพิเศษของเด็กหรือเด็กก็อาจจะสะดวกสำหรับครอบครัวที่จะเลือกโรงเรียนบ้านเพราะมีไม่ใดตารางเวลาที่สำคัญในการเก็บ; นอกจากนี้พวกเขาจะไม่ผูกพันกับการประชุมจำนวนมากที่โรงเรียนของรัฐ ดังนั้นถึงแม้ว่าทั้งสองมีความแตกต่างกันในสิ่งอำนวยความสะดวกของพวกเขาทั้งสองมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการพิจารณา. นอกจากนี้ครอบครัวยังพิจารณาคุณภาพของการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกระหว่างคนทั้งสอง โรงเรียนทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันในแง่มุมของการศึกษาและทั้งสองสามารถจบด้วยประกาศนียบัตรและเตรียมความพร้อมเด็กสำหรับวิทยาลัย แต่เมื่อมาถึงสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แต่ละที่แตกต่างกัน ในโรงเรียนของรัฐครูที่แตกต่างกันสอนเด็ก ๆ นอกจากนี้ยังมีมักจะเป็นนักเรียนสูง / ต่อครู ในทางตรงกันข้ามในโรงเรียนบ้านพ่อแม่เป็นครูที่เพียง แต่ให้เรียน แตกต่างก็คือในหลักสูตรระหว่างทั้งสอง ในโรงเรียนของรัฐได้รับคำสั่งจากรัฐครูผู้สอนหลักสูตรบางและนอกจากสอนในระดับหนึ่งและมีความระมัดระวังมากที่จะไม่ปลูกฝังความเชื่อทางศาสนาใด ๆ ตรงข้ามโรงเรียนบ้านเด็กได้รับการสอนในระดับของตัวเองและสามารถที่จะสำรวจความสนใจของตัวเองในขณะที่เรียนรู้เกี่ยวกับการศึกษาศาสนศาสตร์และการศึกษาทางศาสนา. แม้ว่าโรงเรียนของรัฐและโรงเรียนบ้านจะคล้ายกันในแง่มุมที่แตกต่างกันมีความแตกต่างมากมายในบางอย่าง พื้นที่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าหนึ่งดีกว่าอื่น ๆ ที่เป็น - แต่ละคนแตกต่างกันเพียง สิ่งสำคัญที่สุดคือก่อนที่จะทำการเลือกที่ยากไปที่โรงเรียนที่บ้านหรือส่งบุตรหลานไปโรงเรียนสาธารณะครอบครัวควรมีน้ำหนักตัวเลือกของพวกเขาและตัดสินใจสิ่งที่ในทางปฏิบัติส่วนใหญ่ที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ในการตอบสนองความต้องการของเด็กและครอบครัวของพวกเขาดีขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิธีการ


ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่เลือกบ้าน โรงเรียน หรือ ส่งลูกไปโรงเรียนได้กลายเป็นความกังวลมากสำหรับหลายครอบครัว มีหลายสำคัญความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันระหว่างสอง ทางเลือกที่ครอบครัวมันจะไม่เหมือนกันสำหรับทุกคนเพราะพวกเขาจะฐานการตัดสินใจของพวกเขาในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว นอกจากนี้ ครอบครัวควรไตร่ตรองข้อเท็จจริงของทั้งสองโรงเรียน บ้าน และโรงเรียน ก่อนที่จะเลือกหนึ่งสำหรับอื่น ๆ
ความแตกต่างระหว่างโรงเรียนและโรงเรียนบ้านพัฒนาสังคมและความกดดันจากคนรอบข้าง พัฒนาสังคมเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาเด็ก และครอบครัวหลายพิจารณานี้เมื่อเลือกระหว่างสองโรงเรียน อย่างไรก็ตามพัฒนาสังคมแสดงความกดดันเพราะความกดดัน คือ อิทธิพลของกลุ่มสังคม ในโรงเรียน พัฒนาสังคม เกิดขึ้นทุกวัน จากการขี่รถโรงเรียน เพื่อการมีส่วนร่วมในการอภิปรายเรียน ตามโรงเรียน หรือการเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตร อย่างไรก็ตาม ในโรงเรียน มีปัญหาสามารถเกิดขึ้นเนื่องจากเพื่อนดัน . ในทางตรงกันข้ามในโรงเรียนบ้านไม่มีการกดดัน หรือมีมากของโอกาสในสังคม ดังนั้น เด็กอาจอยากปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและ / หรือรู้สึกซ้ายออก และแยก
หนึ่งความคล้ายคลึงกันระหว่างโรงเรียนและโรงเรียนบ้านมีความสะดวกสบาย แต่แตกต่างกันในวิธีการ เมื่อเลือกระหว่างสองโรงเรียน ครอบครัวควรพิจารณาสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับครอบครัวตัวอย่างเช่น ในโรงเรียน รถบัสรับเด็กและพาพวกเขาไปและกลับจากโรงเรียน ซึ่งจะสะดวกสำหรับครอบครัวที่ทำงานนอกบ้าน แต่หากครอบครัวที่มีความต้องการพิเศษ เด็ก หรือ เด็ก มันอาจจะสะดวกสำหรับครอบครัวที่จะเลือกโรงเรียนบ้านเพราะไม่มีหลักใด ๆตารางเพื่อให้ นอกจากนี้ พวกเขาจะไม่ผูกพันกับหลายการประชุมที่โรงเรียนสาธารณะดังนั้น แม้ว่าทั้งสองจะแตกต่างกันในความสะดวกสบายของพวกเขา พวกเขาทั้งสองมีความสะดวกในการพิจารณา
ครอบครัวพิจารณาคุณภาพของการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อเลือกระหว่างสอง ทั้งสองโรงเรียนมีความคล้ายคลึงในด้านการศึกษา และสามารถจบมีประกาศนียบัตร และเตรียมเด็กสำหรับวิทยาลัย แม้ว่า , เมื่อมันมาถึงบรรยากาศการเรียนในแต่ละที่แตกต่างกันในโรงเรียน ครูหลายๆ สอนเด็ก นอกจากนี้ โดยปกติจะมีนักเรียน / ครูสูงอัตราส่วน ในทางตรงกันข้าม ในโรงเรียนบ้าน ผู้ปกครองเป็นเพียงครูที่ให้บทเรียน ความแตกต่างอีกประการหนึ่ง คือ ในหลักสูตรระหว่างสอง ในโรงเรียน การบังคับโดยรัฐอาจารย์สอนหลักสูตรที่แน่นอน และยังสอนในระดับหนึ่ง และจะระมัดระวังไม่ปลูกฝังความเชื่อทางศาสนาใด ๆ . ตรงข้ามโรงเรียนบ้าน เด็กจะถูกสอนในระดับของตนเอง และสามารถที่จะสำรวจความสนใจของตนเองในขณะที่การเรียนรู้เกี่ยวกับการศึกษาเทววิทยาและการศึกษาทางศาสนา
ถึงแม้ว่าโรงเรียนและโรงเรียนบ้านจะคล้ายกันในลักษณะที่แตกต่างกันมากมีความแตกต่างกันมากในบางพื้นที่เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น , มันไม่ได้หมายความว่าหนึ่งดีกว่าอีก - แต่ละที่แตกต่างกัน ที่สำคัญที่สุด ก่อนที่จะทำการเลือกยากที่จะโรงเรียนบ้านหรือส่งลูกไปโรงเรียน ครอบครัวควรชั่งน้ำหนักตัวเลือกของพวกเขาและตัดสินใจเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด ความสําคัญและเป็นประโยชน์ในการตอบสนองความต้องการของเด็กและครอบครัวของพวกเขาดีขึ้น