Soilless culture industry increased

Soilless culture industry increased rapidly around the world. Vegetable crops like lettuce, cucumber, tomato
were mainly produced by using this technique. For cut flower, there were some successive commercially crops
including rose, gerbera, and anthurium (Van OS et al. 2008). Commercial rose production in substrate with burned
rice husk mixed with coconut fiber in recirculation system had internal rate of return (IRR) of 198% and benefit cost
ratio of 2.08. This system had higher productivity than grown in soil (González et al. 2010). In case of single stem
rose production in substrate, IRR of production was around 77% for average market condition. Break-even costs
range from USD0.20 - 0.25 per stem. The IRR can increase to about 175% for special occasion (Robert and Woods,
1997). Gerbera production in soilless culture system also can improve income of growers and it was more profitable
than soil culture (Grafiadellis et al. 2000).
Chrysanthemum production is possible by soilless culture system. Production of cut chrysanthemum on bench
system had more than 50% higher productivity compared to soil bed production (Morgan et al., 1982). De Visser
and Hendrix (1986) reported that chrysanthemum grown in nutrient film technique system (NFT) had 24% higher
productivity than grown in soil . Buwalda et al. (1994) also stated that growing chrysanthemum in substrate and
irrigated by ebb-and-flow system produced good quality of flower without root diseases infection. Hansen (1999)
tested to produce chrysanthemum on movable bench to reduce labor and material costs. This system can increase the
number of stems by more than 50% of greenhouse area. Numerous studies have revealed that soilless system can
increase yield of chrysanthemum but the investment and production cost were much higher, thus reducing the
economic possibility (Van Os et al. 2008). Pizano (2002) stated that the high investment slowed down the expansion
of flower production in substrate culture in tropical and subtropical countries. Recently, Blok and Vermeulen (2012)
developed chrysanthemum growing system in sand base system, peat base system and cassette base system to
compare with soil grown. They found that all systems were unprofitable.
This experiment was carried out to determine growth and flowering of chrysanthemum grown in the tray system
and the trough system. At the same time, quality of chrysanthemum produced in two soilless systems was evaluated.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อุตสาหกรรมวัฒนธรรม soilless เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก พืชผักเช่นผักกาดหอม แตงกวา มะเขือเทศส่วนใหญ่ผลิต โดยใช้เทคนิคนี้ สำหรับตัดดอกไม้ มีบางอย่างต่อเนื่องในเชิงพาณิชย์ขยายรวมทั้งดอกกุหลาบ เยอบีร่า และหน้าวัว (Van OS et al. 2008) การผลิตกุหลาบเชิงพาณิชย์ในพื้นผิวด้วยเขียนแกลบข้าวผสมกับใยมะพร้าวในระบบ recirculation ได้อัตราคืน (IRR) 198% และประโยชน์ของต้นทุนอัตราส่วนของ 2.08 ระบบนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่าปลูกในดิน (González et al. 2010) กรณีก้านเดียวการผลิตกุหลาบในพื้นผิว IRR ของผลิตได้ประมาณ 77% สำหรับเงื่อนไขการตลาดเฉลี่ย ต้นทุน break-evenตั้งแต่ USD0.20 - 0.25 ต่อก้าน IRR จะสามารถเพิ่มประมาณ 175% สำหรับโอกาสพิเศษ (โรเบิร์ตและป่า1997) การผลิตเยอบีร่าในระบบวัฒนธรรม soilless ยังสามารถเพิ่มรายได้ของเกษตรกร และมีผลกำไรมากขึ้นกว่าดินวัฒนธรรม (Grafiadellis et al. 2000)เบญจมาศผลิตได้ โดยระบบวัฒนธรรม soilless ผลิตเบญจมาศตัดบนม้านั่งระบบมีมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับการผลิตเตียงดิน (มอร์แกนและ al., 1982) ผลิตภาพที่เพิ่มขึ้น De Visserและ Hendrix (1986) รายงานเบญจมาศที่ปลูกในระบบเทคนิคฟิล์มธาตุอาหาร (NFT) มีราคาสูงขึ้น 24%ผลผลิตมากกว่าปลูกในดิน Buwalda et al. (1994) ยังระบุว่า เบญจมาศเติบโตในพื้นผิว และชลประทาน โดยระบบลดลง และกระแสที่ผลิตคุณภาพของดอกไม้โดยไม่มีการติดเชื้อโรคราก แฮนเซ่น (1999)ทดสอบการผลิตเบญจมาศบนม้านั่งที่สามารถลดแรงงานและต้นทุนวัสดุ ระบบนี้สามารถเพิ่มการจำนวนลำต้นมากกว่า 50% ของเรือนกระจก การศึกษาจำนวนมากได้เปิดเผยว่า soilless ระบบสามารถผลผลิตเพิ่มของเบญจมาศแต่ต้นทุนการลงทุนและการผลิตสูงมาก ช่วยลดการเศรษฐกิจไปได้ (ตู้ Os et al. 2008) Pizano (2002) ระบุว่า การลงทุนสูงชะลอการขยายตัวผลิตดอกไม้ในวัฒนธรรมพื้นผิวในประเทศ ร้อน ล่าสุด Blok และ Vermeulen (2012)พัฒนาระบบเติบโตเบญจมาศในระบบฐานทราย ระบบฐานพรุ และระบบพื้นฐานของเทปเปรียบเทียบกับดินที่ปลูก พวกเขาพบว่า ระบบทั้งหมดถูกปลอมขาดผลกำไรทดลองนี้ได้รับการดำเนินการตรวจสอบการเจริญเติบโตและดอกเบญจมาศที่ปลูกในถาดระบบและระบบราง ในเวลาเดียวกัน มีประเมินคุณภาพของผลิตในระบบสอง soilless เบญจมาศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อุตสาหกรรมวัฒนธรรม soilless เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก พืชผักเช่นผักกาดหอมแตงกวามะเขือเทศที่ผลิตส่วนใหญ่โดยใช้เทคนิคนี้
สำหรับตัดดอกมีบางพืชในเชิงพาณิชย์ต่อเนื่องรวมทั้งดอกกุหลาบเยอบีร่าและหน้าวัว (Van OS et al. 2008)
พาณิชย์เพิ่มขึ้นในการผลิตสารตั้งต้นที่มีการเผาไหม้แกลบผสมกับใยมะพร้าวในระบบหมุนเวียนมีอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) 198% และค่าใช้จ่ายผลประโยชน์อัตราส่วน2.08 ระบบนี้จะมีผลผลิตที่สูงขึ้นกว่าที่ปลูกในดิน (González et al. 2010) ในกรณีที่มีต้นกำเนิดเดียวเพิ่มขึ้นในการผลิตสารตั้งต้น IRR ของการผลิตอยู่ที่ประมาณ 77% สำหรับภาวะตลาดเฉลี่ย ค่าใช้จ่ายทำลายแม้กระทั่งช่วงจาก USD0.20 - 0.25 ต่อต้นกำเนิด IRR สามารถเพิ่มประมาณ 175% สำหรับโอกาสพิเศษ (โรเบิร์ตวูดส์1997) การผลิตเยอบีร่าในระบบวัฒนธรรม soilless ยังสามารถเพิ่มรายได้ของเกษตรกรที่ปลูกและมันก็มีกำไรมากขึ้นกว่าวัฒนธรรมดิน(Grafiadellis et al. 2000). การผลิตดอกเบญจมาศเป็นไปได้โดยระบบวัฒนธรรม soilless การผลิตดอกเบญจมาศอยู่บนม้านั่งตัดระบบมีมากกว่า 50% ผลผลิตที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการผลิตเตียงดิน (มอร์แกน et al., 1982) De Visser และนดริกซ์ (1986) รายงานว่าดอกเบญจมาศที่ปลูกในระบบเทคนิคภาพยนตร์สารอาหาร (NFT) มี 24% สูงกว่าการผลิตกว่าปลูกในดิน Buwalda et al, (1994) นอกจากนี้ยังระบุว่าการเจริญเติบโตของดอกเบญจมาศในพื้นผิวและการชลประทานโดยระบบลดลงและการไหลเวียนของการผลิตที่มีคุณภาพที่ดีของดอกไม้โดยไม่ต้องติดเชื้อโรคราก แฮนเซน (1999) การทดสอบการผลิตดอกเบญจมาศอยู่บนม้านั่งที่สามารถเคลื่อนย้ายเพื่อลดต้นทุนค่าแรงงานและวัสดุ ระบบนี้สามารถเพิ่มจำนวนของลำต้นโดยกว่า 50% ของพื้นที่เรือนกระจก การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าระบบ soilless สามารถเพิ่มผลผลิตของดอกเบญจมาศแต่การลงทุนและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นมากซึ่งช่วยลดความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ (Van Os et al. 2008) Pizano (2002) ระบุว่าการลงทุนที่สูงชะลอตัวลงการขยายตัวของการผลิตดอกไม้ในวัฒนธรรมพื้นผิวในประเทศเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เมื่อเร็ว ๆ นี้และ Blok Vermeulen (2012) การพัฒนาระบบการเจริญเติบโตของดอกเบญจมาศในระบบฐานทรายระบบฐานพรุและระบบฐานเทปเพื่อเปรียบเทียบกับดินที่ปลูก พวกเขาพบว่าระบบทุกคนไม่ได้ประโยชน์. การทดลองนี้ได้ดำเนินการเพื่อตรวจสอบการเจริญเติบโตและการออกดอกของดอกเบญจมาศที่ปลูกในระบบถาดและระบบราง ในขณะเดียวกันคุณภาพของดอกเบญจมาศที่ผลิตในสองระบบ soilless ถูกประเมิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อุตสาหกรรมการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก พืชผัก เช่น ผักกาดหอม แตงกวา มะเขือเทศ
ถูกผลิตโดยส่วนใหญ่ใช้เทคนิคนี้ ตัดดอก , มีบางส่วนต่อเนื่องในเชิงพาณิชย์พืช
ได้แก่ กุหลาบ หน้าวัว เยอ และ แวน ( OS et al . 2008 ) การผลิตสูงเผา
กุหลาบเชิงพาณิชย์แกลบผสมกับเส้นใยมะพร้าวในระบบหมุนเวียนมีอัตราผลตอบแทนภายใน ( IRR ) 198 ล้านบาท และได้รับประโยชน์อัตราส่วนต้นทุน
2.08 . ระบบนี้ได้ผลผลิตสูงกว่าปลูกในดิน ( gonz . kgm lez et al . 2010 ) ในกรณีของ
ก้านเดียวในการผลิตกุหลาบหลากหลาย อัตราการผลิตประมาณ 77% สำหรับสภาพตลาดโดยเฉลี่ย หักค่าใช้จ่าย
แม้ช่วงจาก usd0.20 - 0.25 บาทต่อต้น( สามารถเพิ่มประมาณ 175 % สำหรับโอกาสพิเศษ ( โรเบิร์ตและป่า
1997 ) เยอบีร่า การผลิตในระบบปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินสามารถเพิ่มรายได้ของเกษตรกร และเป็นประโยชน์
กว่าวัฒนธรรมดิน ( grafiadellis et al . 2000 ) .
การผลิตเบญจมาศเป็นไปได้โดยระบบการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน . การผลิตเบญจมาศบนม้านั่ง
ตัดระบบที่ได้ผลผลิตมากกว่า 50% สูงกว่าเมื่อเทียบกับดินการผลิตเตียง ( มอร์แกน et al . , 1982 ) เดอ วิสเซอร์
และ เฮนดริกซ์ ( 1986 ) รายงานว่า ดอกเบญจมาศที่ปลูกในระบบเทคนิคภาพยนตร์สารอาหาร ( nft ) มีการผลิต 24% สูงกว่า
กว่าปลูกในดิน buwalda et al . ( 1994 ) กล่าวว่า การเติบโตสูงและ
ดอกเบญจมาศชลประทานระบบ ebb และกระแสที่ผลิตมีคุณภาพที่ดีของดอกไม้ที่ไร้ราก โรคติดเชื้อ แฮนเซน ( 1999 )
ทดสอบเพื่อผลิตดอกเบญจมาศบนม้านั่งที่เคลื่อนย้ายได้ เพื่อลดแรงงานและค่าใช้จ่ายวัสดุ ระบบนี้สามารถเพิ่ม
จำนวนต้นมากกว่า 50% ของพื้นที่เรือนกระจก การศึกษามากมายได้เปิดเผยว่า ระบบการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินสามารถ
เพิ่มผลผลิต เบญจมาศ แต่การลงทุนและต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก ดังนั้นการลดความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ
( รถตู้ OS et al . 2008 ) pizano ( 2002 ) กล่าวว่า การลงทุนสูง ชะลอการขยายตัวของการผลิตดอกไม้
สูงวัฒนธรรมในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของประเทศ เมื่อเร็ว ๆนี้บล็อก และ vermeulen ( 2012 )
พัฒนาระบบปลูกเบญจมาศในระบบฐานทรายพีทฐานระบบฐานเทป

เปรียบเทียบกับดินปลูก . พวกเขาพบว่าทุกระบบเป็น position ที่ติดลบ
การทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเจริญเติบโตและการออกดอกของเบญจมาศที่ปลูกในถาดระบบ
และระบบราง ในขณะเดียวกันคุณภาพของดอกเบญจมาศที่ผลิตในระบบปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินถูกประเมิน