The extent of endosulfan sulfate re

The extent of endosulfan sulfate removal from soils by different planting pattern with sweet corn (Zea mays), cowpea (Vigna sinensis), and cucumber (Cucumis sativus) either cultivated alone or together was investigated in pot experiments. Endosulfan sulfate was removed to the greatest extent in the treatment in which sweet corn was grown alone; only 11.3 and 27.2 % of the initial endosulfan sulfate remained in rhizospheric and bulk soil, respectively, of sweet corn grown alone at day 60. Endosulfan sulfate was also removed from soil to a great extent in treatments where cucumber or cowpea was grown alone; only 30.3 and 38.8 % of endosulfan sulfate remained in their respective rhizospheric soil after 45 days. However, cucumber did not tolerate the toxicity of endosulfan sulfate well and died around 50-55 days when it was cultivated either alone or together with another plant. Cultivation of sweet corn and cowpea together was less effective in removing endosulfan sulfate from soil; about 41.7 and 52.3 % of endosulfan sulfate remained in their respective rhizospheric soils after 60 days. The results showed that single cultivation of the plants was the most efficient way to remediate endosulfan sulfate-contaminated soil in this study. Endosulfan sulfate was detected in both the root and shoot of plants but given the low levels found, bioaccumulation was judged to be a relatively minor factor in endosulfan sulfate removal from soil. [PUBLICATION ABSTRACT]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขอบเขตของเอนโดซัลแฟนซัลเฟตออกจากดินเนื้อปูนโดยรูปแบบการปลูกแตกต่างกันกับข้าวโพด (ซี mays), cowpea (Vigna sinensis), และแตงกวา (Cucumis sativus) cultivated คนเดียว หรือร่วมกันถูกสอบสวนในกระถางทดลอง เอนโดซัลแฟนซัลเฟตถูกเอาการมากที่สุดในการบำบัดรักษาที่ข้าวโพดมีปลูกคนเดียว เพียง 11.3 และ 27.2% ของเอนโดซัลแฟนเริ่มซัลเฟตก่อนหน้าใน rhizospheric และจำนวนมากดิน ตามลำดับ ของข้าวโพดหวานที่ปลูกคนเดียว 60 วัน เอนโดซัลแฟนซัลเฟตที่ถูกเอาออกจากดินในระดับดีในการรักษาที่แตงกวาหรือ cowpea มีโตคนเดียว เฉพาะ 30.3 และ 38.8% ของเอนโดซัลแฟนซัลเฟตอยู่ในดิน rhizospheric ของพวกเขาตามลำดับหลังจาก 45 วัน อย่างไรก็ตาม แตงกวาก็ไม่ทนต่อความเป็นพิษของเอนโดซัลแฟนซัลเฟตดี และเสียชีวิตประมาณ 50-55 วันเมื่อมันถูกปลูกเพียงอย่างเดียว หรือร่วม กับพืชอื่น ปลูกข้าวโพดและ cowpea กันได้ผลน้อยในการเอาเอนโดซัลแฟนซัลเฟตจากดิน ประมาณ 41.7 และ 52.3% ของเอนโดซัลแฟนซัลเฟตอยู่ในดินเนื้อปูน rhizospheric ของพวกเขาเกี่ยวข้องหลังจาก 60 วัน ผลพบว่า การเพาะปลูกของพืชเดียวเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการสำรองดินที่ปนเปื้อนสารซัลเฟตเอนโดซัลแฟนในการศึกษานี้ เอนโดซัลแฟนซัลเฟตที่พบในรากและหน่อพืช แต่กำหนดระดับต่ำสุดที่พบ bioaccumulation ถูกตัดสินเป็น ปัจจัยที่ค่อนข้างเล็กในเอนโดซัลแฟนซัลเฟตออกจากดิน [เผยแพร่บทคัดย่อ]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ขอบเขตของการกำจัดซัลเฟต endosulfan จากดินโดยรูปแบบที่แตกต่างกับการปลูกข้าวโพดหวาน (Zea Mays) ถั่วพุ่ม (Vigna sinensis) และแตงกวา (Cucumis sativus) ทั้งการปลูกฝังคนเดียวหรือร่วมกันถูกตรวจสอบในการทดลองหม้อ ซัลเฟต endosulfan ถูกลบออกในขอบเขตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการรักษาที่ข้าวโพดหวานโตคนเดียวนั้น เพียง 11.3 และ 27.2% ของซัลเฟต endosulfan เริ่มต้นยังคงอยู่ในดิน rhizospheric และเป็นกลุ่มตามลำดับของข้าวโพดหวานที่ปลูกเพียงอย่างเดียวในวันที่ 60 ซัลเฟต endosulfan ยังถูกลบออกจากดินในระดับที่ดีในการรักษาที่แตงกวาถั่วพุ่มหรือโตคนเดียว; เพียง 30.3 และ 38.8% ของซัลเฟต endosulfan ยังคงอยู่ในดิน rhizospheric ของตนหลังจาก 45 วัน แต่แตงกวาไม่ทนต่อความเป็นพิษของซัลเฟต endosulfan ดีและเสียชีวิตในรอบ 50-55 วันเมื่อมันได้รับการปลูกฝังทั้งคนเดียวหรือร่วมกับพืชอื่น การเพาะปลูกข้าวโพดหวานถั่วพุ่มและร่วมกันมีประสิทธิภาพน้อยลงในการลบซัลเฟต endosulfan จากดิน เกี่ยวกับ 41.7 และ 52.3% ของซัลเฟต endosulfan ยังคงอยู่ในดิน rhizospheric ของตนหลังจาก 60 วัน ผลการศึกษาพบว่าการเพาะปลูกเพียงครั้งเดียวของพืชเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการฟื้นฟูดินที่ปนเปื้อนซัลเฟต endosulfan ในการศึกษานี้ ซัลเฟต endosulfan ถูกตรวจพบในทั้งรากและยิงของพืช แต่ให้อยู่ในระดับต่ำพบการสะสมทางชีวภาพถูกตัดสินว่าเป็นปัจจัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการกำจัดซัลเฟต endosulfan จากดิน [สิ่งพิมพ์บทคัดย่อ]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ขอบเขตของการกำจัดซัลเฟตน้ำจากดิน โดยปลูกที่ต่างกัน รูปแบบ กับ ข้าวโพด ( ข้าวโพด ) , ถั่ว ( Vigna ไซแนนซิส ) , แตงกวา ( ต้นแตงกวา ) ให้ปลูกคนเดียวหรือร่วมกันสอบสวนในหม้อนี้ เอนโดซัลแฟนซัลเฟตออกในขอบเขตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการรักษาซึ่งในข้าวโพดหวานที่ปลูกไว้ เพียง 11.3 และ 272% ของเอนโดซัลแฟนซัลเฟตเริ่มต้นอยู่ใน rhizospheric และดินเป็นกลุ่มตามลำดับของข้าวโพดหวานที่ปลูกเองในวันที่ 60 เอนโดซัลแฟนซัลเฟตยังถูกกำจัดจากดินในขอบเขตที่ดีในการรักษาที่แตงกวา หรือถั่วพุ่มที่ปลูกไว้ เพียง 30.3 และ 38.8 % ของ endosulfan sulfate ยังคงอยู่ในดิน rhizospheric ของตนหลังจาก 45 วัน อย่างไรก็ตามแตงกวาไม่ได้ทนพิษของเอนโดซัลแฟนซัลเฟตและตายประมาณ 50-55 วัน เมื่อมีการปลูกเพียงอย่างเดียวหรือร่วมกับพืชอื่น การปลูกข้าวโพดหวานและถั่วพุ่มด้วยกันมีประสิทธิภาพน้อยในการลบ endosulfan sulfate จากดิน ประมาณ 41.7 ร้อยละ 52.3 และ endosulfan sulfate ยังคงอยู่ในดิน rhizospheric ของตนหลังจาก 60 วันผลการศึกษาพบว่า การเป็นโสดของพืชเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อรักษา endosulfan sulfate และดินที่ปนเปื้อน ในการศึกษานี้ เอนโดซัลแฟนซัลเฟตที่ตรวจพบทั้งในรากและยอดของพืชแต่ให้ระดับต่ำพบสารเคมีถูกตัดสินว่าเป็น ปัจจัยค่อนข้างน้อยการกำจัดซัลเฟตในน้ำจากดิน นามธรรม [ สิ่งพิมพ์ ]