In 2013, Swartzendruber et al looke

In 2013, Swartzendruber et al looked at using RFID (Radio-Frequency Identification) as a tracking mechanism for volume management in lower limb amputees. They placed RFID tags at various locations in conjunction with a force-sensitive
resistor and examined patient behaviour. Although they found promising results, they concluded that there was work to be
done in terms of reliability [2]. Dünnebeil et al used NFC tags to provide secure and quick access to medical information
as well as an alternative ID form for various caregiver’s use[3]. In 2010, Crepaldi et al used the principle of creating a
biosensor that receives its energy externally using an RF link,like a passive RFID tag and features of RFID such as low
power consumption [4]. Bravo et al have proposed applications of NFC for Alzheimer patients in a day centre and at home
for visualization and monitoring

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 2013, Swartzendruber et al มองที่ใช้ RFID (คลื่นความถี่วิทยุรหัส) เป็นกลไกในการติดตามการจัดการไดรฟ์ข้อมูลในล่างขาพิการ พวกเขาวางแท็ก RFID หลายจุดร่วมกับความไวต่อแรงตัวต้านทานและตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ป่วย ถึงแม้ว่าพวกเขาพบผลลัพธ์ว่า พวกเขาได้ข้อสรุปว่า มีได้ทำในแง่ของความน่าเชื่อถือ [2] Dünnebeil et al ใช้แท็ก NFC เพื่อให้ปลอดภัย และรวดเร็วเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์รวมทั้งแบบฟอร์มการสำรองสำหรับ ID ที่ใช้ภูมิปัญญาต่าง ๆ [3] ใน 2010, Crepaldi et al ใช้หลักการของการสร้างความbiosensor ที่รับพลังงานภายนอกโดยใช้การลิงค์ RF แท็ก RFID แฝงและคุณสมบัติของ RFID เช่นต่ำการใช้พลังงาน [4] บราโว et al มีการใช้งานนำเสนอของ NFC สำหรับผู้ป่วยอัลไซเม ในกลางวัน และที่บ้านสำหรับการแสดงและการตรวจสอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 2013 Swartzendruber et al, มองที่ใช้ RFID (Radio-Frequency Identification) เป็นกลไกการติดตามสำหรับการจัดการปริมาณต่ำพิการแขนขา พวกเขาวางแท็ก RFID ในสถานที่ต่างๆร่วมกับกองกำลังที่มีความไว
ต้านทานและตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ป่วย แม้ว่าพวกเขาจะพบว่าแนวโน้มผลพวกเขาสรุปว่ามีงานที่จะ
ทำในแง่ของความน่าเชื่อถือ [2] Dünnebeil et al, ใช้แท็ก NFC เพื่อให้การเข้าถึงที่ปลอดภัยและรวดเร็วในการข้อมูลทางการแพทย์
เช่นเดียวกับแบบฟอร์ม ID ทางเลือกสำหรับการใช้งานต่างๆของผู้ดูแล [3] ในปี 2010, et al, Crepaldi ใช้หลักการของการสร้างที่
ไบโอเซนเซอร์ที่ได้รับพลังงานจากภายนอกโดยใช้การเชื่อมโยง RF เช่นแท็ก RFID passive และคุณสมบัติของ RFID เช่นต่ำ
การใช้พลังงาน [4] ไชโย et al, มีการเสนอการใช้งานของเอ็นเอฟซีสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมใจกลางวันและที่บ้าน
สำหรับการแสดงและการตรวจสอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในปี 2013 swartzendruber et al มองที่การใช้ RFID ( Radio Frequency Identification ) เป็นกลไกสำหรับการจัดการปริมาณในพิการแขนขา ติดตาม พวกเขาวางแท็ก RFID ที่สถานที่ต่างๆร่วมกับแรงไวตัวต้านทานและตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ป่วย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพบผลสัญญาที่พวกเขาได้ข้อสรุปว่า มีการทำงานเป็นในแง่ของความน่าเชื่อถือ [ 2 ] D ü nnebeil et al ใช้ NFC Tags ให้ปลอดภัยและรวดเร็วการเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์รวมทั้งรูปแบบทางเลือกต่าง ๆที่ใช้ ID ผู้ดูแล [ 3 ] ใน 2010 , crepaldi et al ใช้หลักการของการสร้างไบโอเซนเซอร์ที่ได้รับพลังงานจากภายนอกโดยใช้ RF Link เช่นแท็ก RFID passive และคุณสมบัติของ RFID เช่นต่ำการใช้ [ 4 ] ไชโย et al ได้เสนอการประยุกต์ใช้ NFC สำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ในวันศูนย์และที่บ้านสำหรับการแสดงและตรวจสอบ