Traditional nonfermented food uses

Traditional nonfermented food uses of soybeans include soy milk, and from the latter tofu and tofu skin. Fermented foods include soy sauce, fermented bean paste, natto, and tempeh, among others. The oil is used in many industrial applications. The main producers of soy are the United States (36%), Brazil (36%), Argentina (18%), China (5%) and India (4%).[5][6] The beans contain significant amounts of phytic acid, alpha-linolenic acid, and isoflavones.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใช้ nonfermented อาหารของถั่วเหลืองประกอบด้วยน้ำนมถั่วเหลือง และหลังเต้าหู้และเต้าหู้ผิว ร้าอาหารได้แก่ซอสถั่วเหลือง ถั่วหมัก natto และเท มเปะห์ หมู่คนอื่น ๆ น้ำมันที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมหลาย ๆ ผู้ผลิตหลักของถั่วเหลืองสหรัฐอเมริกา (36%), บราซิล (36%), อาร์เจนตินา (18%), จีน (5%) และอินเดีย (4%) . [5] [6] ถั่วประกอบด้วยจำนวนเงินที่สำคัญของไฟเตต กรดอัลฟา-linolenic และ isoflavones

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แผนใช้อาหาร nonfermented ถั่วเหลือง ได้แก่ นมถั่วเหลืองและจากเต้าหู้หลังและผิวหนังเต้าหู้ อาหารหมักดอง ได้แก่ ซอสถั่วเหลือง, ถั่วหมักนัตโตะและเทมเป้, หมู่คนอื่น ๆ น้ำมันที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมหลาย ผลิตหลักของถั่วเหลือง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (36%), บราซิล (36%), อาร์เจนตินา (18%), จีน (5%) และอินเดีย (4%). [5] [6] ถั่วมีปริมาณที่มีนัยสำคัญของ กรดไฟติก, alpha-linolenic acid และคุณสมบัติคล้าย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อาหารแบบดั้งเดิมที่ใช้ ได้แก่ nonfermented ถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง เต้าหู้ เต้าหู้ และจากหลังและผิว อาหารหมัก ได้แก่ ซีอิ้ว เต้าเจี้ยว นัตโตะ และเทมเป้ , หมู่คนอื่น ๆ น้ำมันที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลาย ผู้ผลิตหลักของถั่วเหลืองเป็นสหรัฐอเมริกา ( 36% ) , บราซิล ( 36% ) , อาร์เจนตินา ( 18 % ) จีน ( ร้อยละ 5 ) และอินเดีย ( 4% )[ 5 ] [ 6 ] เมล็ดมีปริมาณกรดไฟติกอย่าง อัลฟากรดไลโนเลนิก และคล้าย .ต้นกำเนิดของพืชถั่วเหลืองจะปิดบัง แต่หลายนักพฤกษศาสตร์เชื่อว่ามันมีที่มาจากไกลซีน ussuriensis , พืชตระกูลถั่วพื้นเมืองภาคกลางของจีน ถั่วเหลืองมีการใช้ในจีน 5000 ปี เป็นอาหารและเป็นส่วนประกอบของยา ถั่วเหลืองมีการแนะนำในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1804 และกลายเป็นที่สำคัญโดยเฉพาะในภาคใต้และตะวันตกตอนกลางศตวรรษที่ 20