Branding evolved from the times of

Branding evolved from the times of the Industrial Revolution, when companies branded their products to differentiate them from other goods. Today brands are the focus of marketing strategies. And so are the consumers. Even so, brand-loyal consumers are the biggest assets of any corporation. Of the various factors affecting brand loyalty is age; brand-loyalty increases with age as the young like to experiment out with new brands and the older people stick to what their experience has proved to be good. The parameters for measuring brand loyalty were taken from the definitions of the word by Chestnut and Jacoby (1978) and Oliver (1999). Questions were based on these parameters and asked from three age groups of 400 individuals each: 1838 years, 3959 years and of and above 60 years. The results were recorded and our findings were consistent with our hypothesis: the young people are less brand-loyal and loyalty increases as age increases.

The success of a firm depends largely on its capability to attract consumers towards its brands. In particular, it is critical for the survival of a company to retain its current customers, and to make them loyal to the brand. This is even more important today, as corporations have directed their marketing efforts towards brand development and promotion. Today's consumer is confronted with a plethora of choices, made available through fierce competition, globalization and the internet, which has drastically increased awareness on every aspect. Brand loyalty is therefore one of the most valuable assets. Former Ford vice president Basil Coughlan estimated that every percentage point of loyalty is worth $100 million in profits to his firm (Serafin and Horton (1994)).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สร้างตราสินค้าพัฒนาจากเวลาของการปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อบริษัทตราผลิตภัณฑ์ของตนให้แตกต่างไปจากสินค้าอื่น วันนี้แบรนด์เป็นจุดเน้นกลยุทธ์การตลาด และเพื่อให้ ผู้บริโภค มาก ผู้บริโภคแบรนด์ภักดีมีสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดของบริษัทใด ๆ ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อแบรนด์สมาชิกเป็นอายุ สมาชิกแบรนด์เพิ่มขึ้นกับอายุหนุ่มสาวอยากทดลองออกแบรนด์ใหม่ และคนเก่าติดสิ่งที่ประสบการณ์ของพวกเขาได้พิสูจน์ให้ดี พารามิเตอร์สำหรับการวัดความจงรักภักดีในแบรนด์ที่ถ่ายจากคำนิยามของคำว่าเกาลัด และ Jacoby (1978) และ Oliver (1999) ถามตามพารามิเตอร์เหล่านี้ และถามจากกลุ่มอายุ 400 บุคคล: 1838 ปี ปีที่ 3959 และของ ความ 60 ปี บันทึกผล และผลการวิจัยของเราได้สอดคล้องกับสมมติฐานของเรา: คนหนุ่มสาวมีน้อยแบรนด์ภักดี และสมาชิกที่เพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้นความสำเร็จของบริษัทขึ้นอยู่เป็นส่วนใหญ่กับความสามารถในการดึงดูดผู้บริโภคต่อแบรนด์ของ เฉพาะ มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความอยู่รอดของบริษัท เพื่อรักษาลูกค้าปัจจุบัน และทำให้พวกเขาภักดีแบรนด์ อยู่มากแต่ที่สำคัญวันนี้ ตามบริษัทได้พัฒนาแบรนด์และส่งเสริมการตลาด ผู้บริโภควันนี้มีเผชิญกับทางเลือก ทำโดยแข่งขันรุนแรง โลกาภิวัตน์ และอินเทอร์ เน็ต ซึ่งมีความรู้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกด้านให้เลือกมากมาย สมาชิกแบรนด์จึงเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่มีคุณค่ามากที่สุด ฟอร์ดอดีตรองประธานโหระพา Coughlan ประมาณว่าทุกจุดเปอร์เซ็นต์ของสมาชิกมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ในผลกำไรให้บริษัทของเขา (Serafin และแหล่ง (1994))

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การสร้างแบรนด์วิวัฒนาการมาจากเวลาของการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อ บริษัท มีตราสินค้าผลิตภัณฑ์ของตนให้แตกต่างจากสินค้าอื่น ๆ วันนี้แบรนด์ที่มีความสำคัญของกลยุทธ์การตลาด และเพื่อให้มีผู้บริโภค ดังนั้นแม้ผู้บริโภคแบรนด์ซื่อสัตย์เป็นสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของ บริษัท ใด ๆ ของปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อความภักดีแบรนด์คืออายุ การเพิ่มขึ้นของแบรนด์ความภักดีกับอายุเป็นหนุ่มสาวชอบที่จะทดสอบออกมาพร้อมกับแบรนด์ใหม่และผู้สูงอายุติดกับสิ่งที่ประสบการณ์ของพวกเขาได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งที่ดี พารามิเตอร์สำหรับการวัดความภักดีแบรนด์ถูกนำมาจากคำจำกัดความของคำโดยลูกเกาลัดและจาโคบีนี้ คำถามที่อยู่บนพื้นฐานของพารามิเตอร์เหล่านี้และถามจากสามกลุ่มอายุของแต่ละบุคคล ผลที่ได้ถูกบันทึกไว้และผลการวิจัยของเรามีความสอดคล้องกับสมมติฐานของเราความสำเร็จของ บริษัท ขึ้นอยู่กับความสามารถในการดึงดูดผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ของ บริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่รอดของ บริษัท ที่จะรักษาลูกค้าปัจจุบันของตนและจะทำให้พวกเขามีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ นี้เป็นวันสำคัญยิ่งขึ้นในขณะที่ บริษัท มีการกำกับการดำเนินการทางการตลาดที่มีต่อการพัฒนาแบรนด์และโปรโมชั่น ผู้บริโภควันนี้คือการเผชิญหน้ากับมากมายเหลือเฟือของตัวเลือกที่ใช้ได้ผ่านการแข่งขันที่รุนแรงโลกาภิวัตน์และอินเทอร์เน็ตที่มีการรับรู้เพิ่มขึ้นอย่างมากในทุกด้าน ความภักดีแบรนด์จึงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุด อดีตรองประธานฟอร์ดเพรา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิวัฒนาการจากเวลาของการปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อบริษัทตราผลิตภัณฑ์ของตนที่แตกต่างจากสินค้าอื่น ๆ วันนี้แบรนด์จะเน้นกลยุทธ์ทางการตลาด และเพื่อให้ผู้บริโภค ดังนั้นแม้ , แบรนด์ซื่อสัตย์ผู้บริโภคเป็นสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของ บริษัท ใด ๆ . ของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อความจงรักภักดีในตราสินค้า คือ อายุความภักดีแบรนด์เพิ่มขึ้นตามอายุเป็นหนุ่มต้องการทดสอบกับยี่ห้อใหม่ และคนรุ่นเก่าติดสิ่งที่ประสบการณ์ของพวกเขาได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งที่ดี พารามิเตอร์วัดความภักดีในแบรนด์ นำมาจากความหมายของคำโดยเกาลัดและเจโคบี้ ( 1978 ) และโอลิเวอร์ ( 1999 ) คำถามขึ้นอยู่กับพารามิเตอร์เหล่านี้และถามจากสามกลุ่มอายุ 400 บุคคลแต่ละ :1838 ปี 5015 ปีและสูงกว่า 60 ปี ผลลัพธ์ที่ได้ถูกบันทึกไว้และผลการวิจัยของเราสอดคล้องกับสมมติฐานของเรา คนหนุ่มสาวจะน้อยกว่าแบรนด์ซื่อสัตย์และความจงรักภักดีเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มอายุ

ความสำเร็จของ บริษัท ขึ้นอยู่กับความสามารถในการดึงดูดผู้บริโภคต่อแบรนด์ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นสิ่งสําคัญเพื่อความอยู่รอดของ บริษัท ที่จะรักษาลูกค้าปัจจุบันของและเพื่อให้พวกเขาภักดีต่อแบรนด์ นี่คือสิ่งสําคัญยิ่งในวันนี้ ขณะที่บริษัทได้กำกับการตลาดของพวกเขาที่มีต่อการพัฒนาแบรนด์และโปรโมชั่น ผู้บริโภควันนี้จะเผชิญกับการมากมายเหลือเฟือของตัวเลือกให้บริการผ่านการแข่งขันอันดุเดือด โลกาภิวัตน์และอินเทอร์เน็ตซึ่งมีอย่างรวดเร็วในการเพิ่มความตระหนักในทุกด้านความภักดีในตราสินค้าจึงเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุด อดีตรองประธานาธิบดีฟอร์ดกระเพรา Coughlan ประมาณว่าทุกจุด ค่าความภักดีมีมูลค่า $ 100 ล้านบาทในการ กำไร บริษัท ของเขา ( Serafin และฮอร์ตัน ( 1994 )

)