All of the colonies had been under

All of the colonies had been under English rule, although they had in large part managed in one way or another to govern themselves. At the close of the French and Indian War, the colonists had not thought of breaking away from England, although they had learned the lesson of union against a common foe. George III. came to the throne in 1760. By temperament he was unusually adapted to play his part in changing the New World's history. He was determined to rule according to his own personal inclinations. He dominated his cabinet and controlled Parliament by bribery. He decided that the American colonies should feel the weight of his authority, and in 1763 his prime minister, George Grenville, undertook to execute measures in restraint of colonial trade. Numbers of commodities, like tobacco, for instance, could not be traded with France or Spain or Holland, but must be sent to England. If there was any profit to be made in selling goods to foreign nations, England would make that profit. He also planned to tax the colonists and to quarter British troops among them. These measures aroused the colonies to armed resistance and led to the Revolutionary War, which began in 1775.

Freneau, a poet of the Revolution, thus expresses in verse some of these events:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทั้งหมดของอาณานิคมได้รับภายใต้ปกครองของอังกฤษ แม้ว่าพวกเขามีส่วนใหญ่จัดการในหนึ่งวิธีหรืออื่นเพื่อควบคุมตัวเอง ที่ใกล้ชิดของฝรั่งเศสและสงครามอินเดีย อาณานิคมที่มีไม่คิดว่า ของจากอังกฤษ แม้ว่าพวกเขาเรียนรู้บทเรียนของสหภาพกับกับศัตรูร่วมกัน George III มาถึงราชบัลลังก์ใน 1760 โดยอารมณ์ เขาได้ดัดแปลงการเล่นของเขาเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลกใหม่ที่เปลี่ยนแปลงผิดปกติ เขาพิจารณาชี้ขาดตามโคจรรอบตัวเองส่วนบุคคล เขาสามารถครอบงำรัฐสภาคณะรัฐมนตรี และการควบคุมของเขา โดยการให้สินบน เขาตัดสินใจว่า อาณานิคมอเมริกันควรรู้สึกน้ำหนักของอำนาจ และใน 1763 เขานายกรัฐมนตรี จอร์จเกรนวิลล์ undertook เพื่อดำเนินการมาตรการในการยึดเหนี่ยวของอาณานิคมทางการค้า หมายเลขของสินค้าโภคภัณฑ์ เช่นยาสูบ เช่น ไม่สามารถซื้อขายกับฝรั่งเศส หรือสเปน หรือฮอลแลนด์ แต่ต้องส่งไปอังกฤษ ถ้ามีผลประโยชน์ใด ๆ ที่จะทำในการขายสินค้าไปต่างประเทศ อังกฤษจะทำให้ผลกำไรที่ เขายังวางแผนภาษี 1600s อาณานิคม และไตรมาสที่ทหารอังกฤษในหมู่พวกเขา มาตรการเหล่านี้กระตุ้นอาณานิคมการต่อต้านติดอาวุธ และนำไปสู่สงครามปฏิวัติ ซึ่งเริ่มใน 1775Freneau กวีปฏิวัติ ดังแสดงในข้อของเหตุการณ์เหล่านี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทั้งหมดของอาณานิคมได้รับภายใต้การปกครองของอังกฤษแม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่มีการจัดการในหรืออีกวิธีหนึ่งในการปกครองตัวเอง ที่ใกล้ชิดของฝรั่งเศสและอินเดียสงครามอาณานิคมไม่เคยคิดที่จะหมดออกไปจากประเทศอังกฤษแม้ว่าพวกเขาจะได้เรียนรู้บทเรียนของสหภาพกับศัตรูร่วมกัน George III เสด็จขึ้นสู่บัลลังก์ใน 1760 ตามอารมณ์ของเขาได้รับการดัดแปลงผิดปกติในการเล่นเขามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลกใหม่ เขาเป็นคนที่มุ่งมั่นในการปกครองตามความโน้มเอียงส่วนตัวของเขาเอง เขาครอบงำตู้เก็บของและมีการควบคุมรัฐสภาโดยการติดสินบน เขาตัดสินใจว่าอาณานิคมอเมริกันควรจะรู้สึกน้ำหนักของอำนาจของเขาและใน 1763 นายกรัฐมนตรีจอร์จ Grenville รับหน้าที่ในการดำเนินการมาตรการในการยับยั้งการค้าในยุคอาณานิคม เบอร์ของสินค้าโภคภัณฑ์เช่นยาสูบเช่นไม่สามารถแลกกับฝรั่งเศสหรือสเปนหรือฮอลแลนด์ แต่จะต้องถูกส่งไปยังประเทศอังกฤษ ถ้ามีกำไรใด ๆ ที่จะทำในการขายสินค้าไปยังประเทศต่างประเทศอังกฤษจะทำกำไรที่ นอกจากนี้เขายังวางแผนที่จะต้องเสียภาษีอาณานิคมและไตรมาสที่ทหารอังกฤษในหมู่พวกเขา มาตรการเหล่านี้กระตุ้นอาณานิคมเพื่อต้านทานกองกำลังติดอาวุธและนำไปสู่สงครามปฏิวัติซึ่งเริ่มขึ้นใน 1775

Freneau กวีของการปฏิวัติจึงเป็นการแสดงออกในบทกวีบางส่วนของเหตุการณ์เหล่านี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทั้งหมดของอาณานิคมได้รับภายใต้การปกครองของอังกฤษ แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จัดการในหรืออีกวิธีหนึ่งที่จะควบคุมตัวเอง ที่ปิดของสงครามฝรั่งเศสและอินเดีย , colonists ไม่ได้คิดหนีออกไปจากอังกฤษ แม้ว่าพวกเขาได้เรียนรู้บทเรียนของสหภาพต่อต้านศัตรูร่วมกัน จอร์จ III มาครองราชย์ใน 1760 . โดยอารมณ์เขาถูกดัดแปลงเป็นพิเศษที่จะเล่นส่วนหนึ่งของเขาในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ใหม่ของโลก เขาตัดสินใจที่จะปกครองตามความโน้มเอียงส่วนตัวของเขาเอง เขาครอบงำรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีของเขาถูกควบคุมโดยการติดสินบน เขาตัดสินใจที่อาณานิคมอเมริกันควรจะรู้สึกถึงน้ำหนักของอำนาจของเขา และใน 1763 ของท่านนายกรัฐมนตรี จอร์จ เกรนวิลล์รับปากที่จะดำเนินการ , มาตรการความยับยั้งชั่งใจของการค้าในอาณานิคม หมายเลขของสินค้า เช่น ยาสูบ เช่น ไม่สามารถซื้อขายกับฝรั่งเศสหรือสเปนหรือฮอลแลนด์ แต่ต้องส่งไปอังกฤษ ถ้ามีไรที่จะทำในการขายสินค้าให้ต่างชาติที่อังกฤษ จะทำให้กำไร นอกจากนี้เขายังวางแผนภาษีอาณานิคมและไตรมาสที่ทหารอังกฤษของพวกเขา มาตรการเหล่านี้กระตุ้นอาณานิคมเพื่อต้านทานอาวุธและนำไปสู่สงครามปฏิวัติ , ซึ่งเริ่มขึ้นใน 1775 .freneau กวีของการปฏิวัติจึงแสดงในบทกวีบางส่วนของเหตุการณ์เหล่านี้