1. The Game TheoryThe game theory a

1. The Game Theory

The game theory as a mathematical field was founded by Hungarian mathematician John von Neumann, the author of the article named On Game Theory (1928), in which he proved basic sentences of matrix games. Together with Oskar Morgenstern they published the book of Game Theory and Economic Behavior in 1944 (Hykšová,
2004). Game theory was able to find most applications in economy. Many mathematicians were awarded the Nobel
Prize for Economy for research on this field.
The game theory is one of less known areas of exact mathematics, mingling with humanist sciences, with focus on the psychological aspect of the individual. Therefore, it is not only a useful tool in the hands of scientists, but also on fields that are more attractive to the lay public. However, it would be wrong to think that game theory is able to find a way to win at every conflict. When you are a part of the game and decide on the next steps, you need to take the choice of the others into account. However, when you think about their choices, it is necessary to count with that that they are thinking the same way. In the moment of coming up with own strategy reflecting the ideas of the other “players”, you need to know they are doing the same. And this goes on and on, as stated by Godin (2012). Simply said, according to Sawyer (2012), “the content of game theory is analysis of a very wide spectrum of decision influencing situations“.
The “prisoner’s dilemma” is a classic example of game theory (Godin, 2012). We rank it to the non-zero-sum games. The dominant strategy is non-cooperation, meaning that no matter what strategy the other player chooses, non-cooperation always results in better result for the player than cooperation (FAJRONT©2005). Below, we


describe an example of application of game theory, used to analyse a price war situation.
In economic recession, we can observe a specific competition war between two strong companies, creating a duopoly. These companies usually operate on a part of the market, being a monopoly there. During a crisis, these parts of market usually merge, creating an all-state market with for the product. The question is, whether it is better for the companies to accept the new power distribution or to try push the competition out and keep the previous monopoly position.
The answer? AC0 is the value of average costs of one company, AC´ being the value of average costs of two
companies. If AC´ is higher than AC0, the total costs would be significantly lower if the market of the product was monopolistic. Therefore, from the point of view of the companies, a fusion might seem to be a very attractive option. However, such a step would probably have to be investigated by the Anti-Monopoly Office. And let us not forget that many companies do not co-operate because of strong rivalry.
Another option is creation of competitive prices. A price war stars with declaration of one of the producers about significant price decrease with the aim to push out the competitor of the market. It is obvious that thanks to lower prices, the profits will not be maximised. However, the producer attacking first will acquire a significant portion of the competitor’s customers. The competitor has no other choice but decrease his prices, as well. But the price cannot drop under the cost limit, although the producer may sell his products with no margin.
During price war, both companies lose money. And at the end, one of them - usually the smaller, younger, less known one or the one with less significant backing - leaves the market. The company which stays, reclaims its monopolistic position, but with high losses the company might not recover from. The company which declared the price war counts with restoring the prices and heal its profit wounds, as soon as it reclaims the monopolistic position. In general, the longer the war takes, the higher the losses are and the higher the long-term profit must be. If the market as a whole develops well and healthy, it is usually better for the companies on it not to provoke a price war. It is clear that nobody wins in a price war – one of the companies has to leave the market and the other one is weakened and its war expenses have to be paid by the previously satisfied customers.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1. ทฤษฎีเกมทฤษฎีเกมเป็นเขตทางคณิตศาสตร์ก่อตั้งขึ้น โดยนักคณิตศาสตร์ชาวฮังการี John von Neumann ผู้เขียนบทความชื่อในทฤษฎีเกม (1928), ซึ่งเขาพิสูจน์ประโยคพื้นฐานเกมเมทริกซ์ ร่วมกับ Oskar Morgenstern จะเผยแพร่หนังสือทฤษฎีเกมและพฤติกรรมทางเศรษฐกิจในปี 1944 (Hykšová2004) . ทฤษฎีเกมก็สามารถที่จะค้นหาโปรแกรมประยุกต์ส่วนใหญ่ในระบบเศรษฐกิจ Mathematicians มากได้รับรางวัลโนเบลสาขานี้รางวัลสำหรับเศรษฐกิจวิจัยในฟิลด์นี้ทฤษฎีเกมมีน้อยรู้จักแห่งหนึ่งของคณิตศาสตร์ที่แน่นอน ผสมกับวิทยาศาสตร์เรื่องมนุษยชาติ เน้นด้านจิตใจของแต่ละบุคคล ดังนั้น ไม่เป็นเพียงเครื่องมือที่มีประโยชน์ในมือ ของนักวิทยาศาสตร์ แต่ยังอยู่ บนฟิลด์ที่น่าสนใจมากขึ้นให้ประชาชนวาง อย่างไรก็ตาม มันจะผิดคิดว่าทฤษฎีเกมจะสามารถหาวิธีที่จะชนะในความขัดแย้งทุก เมื่อคุณเป็นส่วนหนึ่งของเกม และการตัดสินใจในขั้นตอนถัดไป คุณจำเป็นต้องพิจารณาทางเลือกของคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณคิดเกี่ยวกับทางเลือกของพวกเขา จึงจำเป็นต้องนับ ด้วยว่าพวกเขามีความคิดเหมือนกัน ในช่วงเวลามากับกลยุทธ์เองสะท้อนความคิดของผู้อื่น "เล่น" คุณต้องรู้ว่า พวกเขากำลังทำเหมือนกัน และนี้ไปบน และ บน ตามเงินและ (2012) ก็ว่า ตามซอว์เยอร์ (2012), "วิเคราะห์ความหลากหลายของสถานการณ์ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจคือเนื้อหาของทฤษฎีเกม""ขึ้นเขียงนักโทษ" คือ ตัวอย่างของทฤษฎีเกม (เงินและ 2012) เราจัดอันดับมันไปไม่ใช่ศูนย์–รวมเกม โดดเด่นมีไม่ความร่วมมือ หมายความ ว่า ไม่ว่ากลยุทธ์ใดผู้เล่นอื่น ๆ เลือก -ร่วมเสมอผลผลลัพธ์ที่ดีกว่าสำหรับผู้เล่นที่มากกว่าความร่วมมือ (FAJRONT © 2005) ด้านล่างนี้ เรา อธิบายตัวอย่างของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกม ใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์สงครามราคาในภาวะเศรษฐกิจถดถอย เราสามารถสังเกตเห็นการแข่งขันเฉพาะสงครามระหว่างสองบริษัทแข็งแกร่ง สร้าง duopoly บริษัทเหล่านี้มักจะมีในส่วนของตลาด การผูกขาดมี ในช่วงวิกฤต ชิ้นส่วนเหล่านี้ของตลาดมักจะผสาน สร้างการตลาดรัฐทั้งหมดสำหรับผลิตภัณฑ์นี้ คำถามคือ ไม่ว่ามันจะดีกว่าสำหรับบริษัทยอมรับการกระจายอำนาจใหม่ หรือพยายามผลักดันการแข่งขันออกไป และให้ผูกขาดตำแหน่งก่อนหน้านี้คำตอบ มูลค่าของต้นทุนเฉลี่ยของบริษัทหนึ่ง AC´ ที่มีค่าของต้นทุนเฉลี่ยของสองคือ AC0บริษัท ถ้า AC´ สูงกว่า AC0 รวมต้นทุนจะต่ำถ้าตลาดของผลิตภัณฑ์ monopolistic ดังนั้น จากจุดของมุมมองของบริษัท ฟิวชั่นอาจดูเหมือนจะ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก อย่างไรก็ตาม เป็นขั้นตอนอาจจะต้องถูกตรวจสอบ โดยสำนักงานป้องกันผูกขาด และเราไม่ลืมว่า หลายบริษัทร่วมมือเนื่องจากการแข่งขันที่แข็งแกร่งตัวเลือกอื่นคือ การสร้างราคาที่แข่งขัน ดาวสงครามราคากับประกาศของหนึ่งในผู้ผลิตเกี่ยวกับสำคัญราคาลดเพื่อออกคู่แข่งของตลาด มันเห็นได้ชัดว่า ด้วยราคาต่ำ กำไรจะไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตที่มีการโจมตีครั้งแรกจะได้รับส่วนสำคัญของลูกค้าของคู่แข่ง คู่แข่งมีไม่มีทางเลือกอื่น ๆ แต่ลดราคาของเขา เป็นอย่างดี แต่ราคาไม่ลดลงภายใต้ขีดจำกัดต้นทุน แม้ว่าผู้ผลิตขายสินค้าให้กับขอบไม่ในระหว่างสงครามราคา บริษัทสูญเสียเงิน และปลาย หนึ่งของพวกเขา -มักจะมีขนาดเล็ก อ่อนเยาว์ รู้จักกันน้อยหนึ่งหรือหนึ่งที่ มีสำคัญน้อยสำรอง - ออกตลาด บริษัทสเตย์ reclaims ตำแหน่ง monopolistic แต่ ด้วยขาดทุนสูง บริษัทอาจกู้คืนจาก บริษัทที่ประกาศสงครามราคานับคืนราคา และรักษาแผลของกำไร เป็นมัน reclaims ตำแหน่ง monopolistic ทั่วไป ใช้สงครามอีกต่อไป มีการสูญเสียสูง และสูงกว่ากำไรระยะยาวต้อง ถ้าตลาดทั้งพัฒนาอย่างดี และมีสุขภาพดี มีปกติของบริษัทมันไม่แยแสทำสงครามราคา เป็นที่ชัดเจนว่า ไม่มีใครชนะในสงครามราคา– หนึ่งในบริษัทที่มีการออกจากตลาดอีกลดลง และค่าใช้จ่ายของสงครามจำเป็นต้องจ่าย โดยลูกค้าพึงพอใจก่อนหน้านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1. ทฤษฎีเกมทฤษฎีเกมเป็นข้อมูลทางคณิตศาสตร์ที่ก่อตั้งขึ้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวฮังการีจอห์นฟอนนอยมันน์ผู้เขียนบทความที่มีชื่อในทฤษฎีเกม (1928) ซึ่งเขาพิสูจน์ประโยคพื้นฐานของเกมแมทริกซ์ พวกเขาร่วมกับออสการ์เกนตีพิมพ์หนังสือของทฤษฎีและพฤติกรรมทางเศรษฐกิจเกมในปี 1944 (Hykšová, 2004) ทฤษฎีเกมก็สามารถที่จะพบการใช้งานมากที่สุดในระบบเศรษฐกิจ นักคณิตศาสตร์หลายคนที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขารางวัลสำหรับเศรษฐกิจสำหรับการวิจัยในด้านนี้. ทฤษฎีเกมเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่รู้จักกันน้อยของคณิตศาสตร์ที่แน่นอนมั่วสุมกับวิทยาศาสตร์มนุษยนิยมที่มีความสำคัญในด้านจิตวิทยาของแต่ละบุคคล ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่มีประโยชน์ในมือของนักวิทยาศาสตร์ แต่ยังอยู่ในเขตที่มีความน่าสนใจมากขึ้นให้กับประชาชน Lay แต่ก็จะมีความผิดที่จะคิดทฤษฎีเกมที่มีความสามารถที่จะหาวิธีที่จะชนะในทุกความขัดแย้ง เมื่อคุณเป็นส่วนหนึ่งของเกมและตัดสินใจเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปคุณจะต้องใช้ทางเลือกของคนอื่น ๆ เข้าบัญชี แต่เมื่อคุณคิดเกี่ยวกับการเลือกของพวกเขาก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะนับด้วยกับที่ว่าพวกเขามีความคิดแบบเดียวกับที่ ในช่วงเวลาของการขึ้นมาพร้อมกับกลยุทธ์ของตัวเองสะท้อนให้เห็นถึงความคิดของคนอื่น "ผู้เล่น" ที่คุณจำเป็นต้องรู้ว่าพวกเขาจะทำเหมือนกัน และนี้ไปบนและบนที่ระบุไว้โดยโก (2012) เพียงกล่าวว่าตามที่ซอว์เยอร์ (2012), "เนื้อหาของทฤษฎีเกมคือการวิเคราะห์สเปกตรัมกว้างมากของการตัดสินใจที่มีอิทธิพลต่อสถานการณ์". "การขึ้นเขียงนักโทษ" เป็นตัวอย่างที่คลาสสิกของทฤษฎีเกม (Godin 2012) เราจัดอันดับมันกับเกมที่ไม่ใช่ศูนย์รวม กลยุทธ์ที่โดดเด่นไม่เป็นความร่วมมือซึ่งหมายความว่าไม่ว่าสิ่งที่กลยุทธ์ของผู้เล่นคนอื่นเลือกที่ไม่ให้ความร่วมมือเสมอส่งผลให้เกิดผลที่ดีกว่าสำหรับผู้เล่นกว่าความร่วมมือ (FAJRONT © 2005) ด้านล่างเราอธิบายตัวอย่างของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเกมที่ใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์สงครามราคา. ในภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเราสามารถสังเกตสงครามการแข่งขันเฉพาะระหว่างสอง บริษัท ที่แข็งแกร่ง, การสร้าง duopoly บริษัท เหล่านี้มักจะทำงานในส่วนของตลาดถูกผูกขาดมี ในช่วงวิกฤตชิ้นส่วนเหล่านี้ของตลาดมักจะผสานการสร้างตลาดทุกรัฐที่มีสำหรับผลิตภัณฑ์ คำถามก็คือว่ามันจะดีกว่าสำหรับ บริษัท ที่จะยอมรับการกระจายอำนาจใหม่หรือจะลองผลักดันการแข่งขันออกมาและให้ตำแหน่งผูกขาดก่อนหน้านี้. คำตอบ? AC0 คือค่าของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของ บริษัท หนึ่ง AC' ด้านความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของสองที่บริษัท หาก AC' สูงกว่า AC0, ค่าใช้จ่ายรวมจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญหากตลาดของผลิตภัณฑ์ที่เป็นหลักแหล่ง ดังนั้นจากมุมมองของ บริษัท ฟิวชั่นอาจดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก อย่างไรก็ตามขั้นตอนดังกล่าวอาจจะต้องมีการตรวจสอบโดยสำนักงานป้องกันการผูกขาด และปล่อยให้เราไม่ลืมว่าหลาย บริษัท ไม่ร่วมทำงานเนื่องจากการแข่งขันที่แข็งแกร่ง. อีกตัวเลือกหนึ่งคือการสร้างราคาที่แข่งขัน ดาวสงครามราคากับคำประกาศของหนึ่งในผู้ผลิตเกี่ยวกับการลดลงของราคาอย่างมีนัยสำคัญโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะผลักดันออกคู่แข่งของตลาด เป็นที่ชัดเจนว่าต้องขอบคุณราคาที่ต่ำกว่าผลกำไรที่จะไม่ได้รับการขยาย อย่างไรก็ตามผู้ผลิตโจมตีครั้งแรกที่จะได้รับเป็นส่วนสำคัญของลูกค้าของคู่แข่ง คู่แข่งที่ไม่มีทางเลือกอื่น ๆ แต่ลดราคาของเขาเช่นเดียว แต่ราคาไม่สามารถวางภายใต้วงเงินค่าใช้จ่ายแม้ว่าผู้ผลิตอาจจะขายผลิตภัณฑ์ของเขาที่มีอัตรากำไรขั้นต้นไม่. ในช่วงสงครามราคาของทั้งสอง บริษัท สูญเสียเงิน และในตอนท้ายหนึ่งของพวกเขา - มักจะมีขนาดเล็กน้องที่รู้จักกันน้อยหนึ่งหรือหนึ่งด้วยการสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญน้อย - ใบตลาด บริษัท ที่เข้าพัก reclaims ตำแหน่งผูกขาด แต่กับการสูญเสียสูงของ บริษัท อาจจะไม่ฟื้นตัวจาก บริษัท ที่ประกาศสงครามราคานับกับการเรียกคืนราคาและรักษาแผลกำไรเร็วที่สุดเท่าที่มัน reclaims ตำแหน่งผูกขาด โดยทั่วไปอีกต่อไปสงครามยิงที่สูงกว่าการสูญเสียและสูงกว่ากำไรในระยะยาวจะต้องมี หากตลาดโดยรวมมีการพัฒนาที่ดีและมีสุขภาพดีก็มักจะดีกว่าสำหรับ บริษัท ที่มันจะไม่ก่อให้เกิดสงครามราคา เป็นที่ชัดเจนว่าไม่มีใครชนะในสงครามราคา - หนึ่งใน บริษัท ที่มีการออกจากตลาดและอื่น ๆ หนึ่งลดลงและค่าใช้จ่ายสงครามจะต้องมีการจ่ายโดยลูกค้าที่พอใจก่อนหน้านี้