There was a significant correlation

There was a significant correlation (P < 0.05) to lactose content
between the cheeses and time of evaluation (Table 5). The lactose
content decreased linearly over time, by 0.0309 and 0.033 units per
day in cheese 1 and 2, respectively. In cheese 2, the lactose content
was higher until the 15th day when the reduction of pH occurred
and the population of E. coli dropped to 3.380 log CFU/g in comparison
to cheese 1. The values of lactose content in cheese show
variation. Sant'Ana et al. (2013) determined a 1.26% lactose content
in Minas fresh cheeses made with goat milk in Brazil. Franco, Prieto,
Bernardo, Gonz
alez Prieto, and Carballo (2003) reported the presence
of residual lactose (1.6 g 100 g1) at the end of the ripening at
60 days. However, Niro et al. (2014) affirmed the absence of lactose
in all samples after 30 days of ripening. The presence of lactose
even at the end of the ripening period depends on the extent of
whey removal, the glycolytic activity of the microorganisms present,
and the effect of the environmental conditions on their activity

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ (P < 0.05) เนื้อหาแลคโตสชีสและเวลาของการประเมิน (ตาราง 5) แล็กโทสเนื้อหาลดลงเชิงเส้นตลอดเวลา โดย 0.0309 และ 0.033 หน่วยต่อวันในชีส 1 และ 2 ตามลำดับ ในชีส 2 เนื้อหาแลคโตสไม่สูงจนกว่าวันที่ 15 ที่เมื่อเกิดการลดลงของค่า pHและประชากรของ E. coli หลุดไป 3.380 อาหรับ/g ในการเปรียบเทียบการชี 1 แสดงค่าของแลคโตสในชีเปลี่ยนแปลง Sant'Ana ร้อยเอ็ด (2013) กำหนดเนื้อหา 1.26% แลคโตสใน Minas สดเนยที่ทำจากนมแพะในบราซิล ฝรั่งเศส ในเบอร์นาร์โด Gonz alez ใน และ Carballo (2003) รายงานสถานะการออนไลน์ที่สุกที่เหลือแลคโต (1.6 g 100 g 1)60 วัน อย่างไรก็ตาม นิโรร้อยเอ็ด (2014) ยืนยันของแลคโตสในตัวอย่างทั้งหมดหลังจาก 30 วันของสุก การปรากฏตัวของแลคโตสแม้ในช่วงสุกขึ้นอยู่กับขอบเขตของเอาเวย์ glycolytic กิจกรรมของจุลินทรีย์ที่มีอยู่และผลของสภาพแวดล้อมของตนเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ (P <0.05) กับเนื้อหาแลคโตสเป็น
ระหว่างชีสและเวลาของการประเมินผล (ตารางที่ 5) แล็กโทสที่
เนื้อหาเป็นเส้นตรงลดลงเมื่อเวลาผ่านไปโดย 0.0309 และ 0.033 หน่วยต่อ
วันในชีสที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ในชีสที่ 2 เนื้อหาแลคโตส
สูงจนกว่าจะถึงวันที่ 15 เมื่อการลดลงของค่า pH ที่เกิดขึ้น
และจำนวนประชากรของเชื้อ E. coli ลดลงถึง 3.380 log CFU / g ในการเปรียบเทียบ
ชีส 1. ค่าของเนื้อหาแลคโตสในชีสแสดง
การเปลี่ยนแปลง Sant'Ana et al, (2013) กำหนดปริมาณแลคโตส 1.26%
ในชีสสด Minas ทำด้วยนมแพะในบราซิล ฝรั่งเศสฆี
เบอร์นาร์โด Gonz? alez ฆีและ Carballo (2003) รายงานการปรากฏตัว
ของแลคโตสที่เหลือ (1.6 กรัม 100 กรัม? 1) ในตอนท้ายของการทำให้สุกใน
60 วัน แต่อนิโร, et al (2014) ยืนยันตัวตนของแลคโตส
ในตัวอย่างทั้งหมดหลังจาก 30 วันของการทำให้สุก การปรากฏตัวของแลคโตส
แม้ ณ วันสิ้นงวดสุกขึ้นอยู่กับขอบเขตของ
การกำจัดเวย์, กิจกรรม glycolytic ของเชื้อจุลินทรีย์ในปัจจุบัน
และผลกระทบจากสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวกับกิจกรรมของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( P < 0.05 ) ปริมาณแลคโตสระหว่างชีสและเวลาของการประเมิน ( ตารางที่ 5 ) ขอบคุณเนื้อหาลดลงเป็นเส้นตรงตลอดเวลา โดย 0.0309 0.033 ต่อหน่วยและวันในชีสที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ในชีส 2 เนื้อหา แลคโตสสูงขึ้นจนถึง 15 วันเมื่อการเกิดอและประชากรของ E . coli ลดลง 3.380 log CFU / g ในการเปรียบเทียบชีส 1 คุณค่าของนมเนยแข็งแสดงเนื้อหาการแปรผัน sant'ana et al . ( 2013 ) กำหนดเป็น 1.26 % ปริมาณแลคโตสใน Minas สดเนยแข็งด้วย นมแพะ ในบราซิล ฟรังโก้ ี้ ปรีเ ต ,เบอร์นาโด กอนซาเลซี้ ปรีเ ต และ carballo ( 2003 ) รายงานสถานะตกค้างของแลคโตส ( 1.6 กรัม 100 G1 ) ในตอนท้ายของการสุกที่60 วัน อย่างไรก็ตาม นิโร et al . ( 2014 ) ยืนยันไม่มีแลคโตสตัวอย่างหลัง 30 วันสุก การปรากฏตัวของแลคโตสที่จุดสิ้นสุดของระยะเวลาในการบ่มขึ้นอยู่กับขอบเขตของเอาออกมาจากกิจกรรมของจุลินทรีย์ glycolytic ปัจจุบันและผลของสภาพแวดล้อมในกิจกรรมของพวกเขา