Electronic BallastRevised: Septembe

Electronic Ballast
Revised: September 18, 2012 2
creating artificial light. The discovery of electric power and the possibility of transmitting it in a simple manner facilitated the development of modern lamps. Today there are nearly 6,000 different lamps being manufactured, most of which can be placed in the following six categories: incandescent, fluorescent, mercury vapor, metal halide, high-pressure sodium (HPS) and low-pressure sodium (LPS). Except for incandescent lamps, all of these light sources can be termed as gas discharge lamps. Fluorescent and LPS lamps operate on low-pressure gaseous discharge, and the mercury vapor, metal halide and HPS lamps operate on high-pressure gaseous discharge. The mercury vapor, metal halide and HPS types are commonly known as high-intensity discharge (HID) lamps.
The major characteristics to be considered when choosing a lamp are its luminous efficacy, life, lumen depreciation and color rendering. Luminous efficacy is the measure of the lamp’s ability to convert input electric power, in watts, into output luminous flux, in lumens, and is measured in lumens per watt (lm/w). The luminous flux of a light source is the electromagnetic radiation within the visible part of the electromagnetic spectrum multiplied by the sensitivity of man’s eyes to that part of the light from the source. The visible portion of the spectrum covers the wavelength range from approximately 380 nm to 780 nm (Figure 1). The life of a lamp is the number of hours it takes for approximately 50% of a large group of lamps of the same kind to fail. Failure means that the lamp will no longer light or that light output has dropped to a specific percentage value. Lumen depreciation during life is a characteristic of all lamps. This is a process of lamp aging, an important consideration in lighting design. Finally, there is the matter of color rendering. The lamp types do not provide the same nominal “white.” Their difference in spectral distribution can produce two effects within a lighted space. Some of the colors of objects within that space can appear unnatural or faded – reds can appear brown, violets nearly black, etc. Second, the entire space may “feel” warm or cool. For example, a mercury lamp, lacking in reds and oranges, makes a space seem cool, whereas an incandescent lamp, with deficiencies in the blue and violets, makes a space feel warm.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อิเล็กทรอนิกส์บัลลาสต์ปรับปรุง: 18, 2555 2สร้างแสงเทียม การค้นพบพลังงานไฟฟ้าและความเป็นไปได้ของการส่งในลักษณะง่ายความสะดวกการพัฒนาของโคม วันนี้มีเกือบ 6,000 โคมไฟต่าง ๆ มีการผลิต ซึ่งส่วนใหญ่สามารถวางในหกประเภทต่อไปนี้: ไฟหลอด ฟลูออเรสเซนต์ ไอปรอท ไลด์ แรงดันสูงโซเดียม (HPS) และโซเดียมความดันต่ำ (LPS) ยกเว้นหลอด แหล่งกำเนิดแสงเหล่านี้ทั้งหมดสามารถเรียกให้ว่าเป็นโคมไฟการปล่อยก๊าซ หลอดฟลูออเรสเซนต์และหลอดไฟ LPS บินปล่อยก๊าซแรงดันต่ำ และไอปรอท ไลด์ และหลอด HPS บินปล่อยก๊าซแรงดันสูง ไอปรอท ไลด์ และ HPS ชนิดที่เรียกกันว่าโคมไฟปล่อยความเข้มสูง (HID)ลักษณะที่สำคัญในการพิจารณาเมื่อเลือกโคมไฟที่มีประสิทธิภาพแสง ชีวิต ค่าเสื่อมราคาของลูเมน และสี ประสิทธิภาพแสงของโคมไฟสามารถแปลงพลังงานไฟฟ้าป้อนเข้า วัตต์ แสงอากาศที่ขาออก ในลูเมน และวัดเป็นลูเมนต่อวัตต์ (lm/w) แสงของแหล่งกำเนิดแสงเป็นรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าในส่วนมองเห็นได้ของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าคูณ ด้วยความไวของสายตาของมนุษย์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแสงจากแหล่ง ส่วนที่มองเห็นคลื่นที่ครอบคลุมช่วงความยาวคลื่นจากประมาณ 380 nm ถึง 780 นาโนเมตร (รูปที่ 1) ชีวิตของโคมไฟคือ จำนวนชั่วโมงที่ใช้ประมาณ 50% ของหลอดไฟชนิดเดียวของล้มเหลว ความล้มเหลวหมายความ ว่า หลอดไฟจะไม่สว่าง หรือว่า แสงสว่างมีทิ้งให้ค่าเปอร์เซ็นต์ระบุ ค่าลูเมนในชีวิตเป็นลักษณะของโคมไฟทั้งหมด นี้เป็นกระบวนการของริ้วรอย การพิจารณาที่สำคัญในแสงไฟ ในที่สุด มีเรื่องของสี ชนิดหลอดไฟไม่ให้เดียวกำหนด "สีขาว" ความแตกต่างในการกระจายสเปกตรัมสามารถผลิตผลที่สองในพื้นที่แสงไฟ สีบางสีของวัตถุในพื้นที่สามารถแสดงผิดธรรมชาติ หรือจาง – จะปรากฏสีแดง น้ำตาล ชิมเกือบดำ ฯลฯ ที่สอง พื้นที่ทั้งหมดอาจ "รู้สึก" อุ่น หรือเย็น เช่น ปรอทโคมไฟ ขาดสีแดงและส้ม ทำให้พื้นที่ดูเหมือนจะเย็น ในขณะหลอด มีข้อบกพร่องในสีน้ำเงินและชิม ทำให้ช่องว่างรู้สึกอบอุ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์
แก้ไข: 18 กันยายน 2012 2
การสร้างแสงเทียม การค้นพบของพลังงานไฟฟ้าและความเป็นไปได้ของการส่งในลักษณะที่เรียบง่ายการอำนวยความสะดวกในการพัฒนาของโคมไฟที่ทันสมัย วันนี้มีเกือบ 6,000 โคมไฟที่แตกต่างกันการผลิตซึ่งส่วนใหญ่สามารถวางในต่อไปนี้หกประเภท: ไส้หลอดไอปรอทโลหะลิดแรงดันสูงโซเดียม (HPS) และโซเดียมความดันต่ำ (LPS) ยกเว้นสำหรับหลอดไส้ทั้งหมดของแหล่งกำเนิดแสงเหล่านี้สามารถเรียกว่าเป็นโคมไฟปล่อยก๊าซ โคมไฟเรืองแสงและ LPS ดำเนินการเกี่ยวกับความดันต่ำการปล่อยก๊าซและไอปรอทและโลหะลิด HPS โคมไฟทำงานบนแรงดันสูงการปล่อยก๊าซ ไอปรอทและโลหะลิด HPS ประเภทเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นปล่อยความเข้มสูง (HID) โคมไฟ.
ลักษณะสำคัญที่จะพิจารณาเมื่อเลือกโคมไฟที่มีประสิทธิภาพการส่องสว่าง, ชีวิต, ค่าเสื่อมราคาลูเมนและการแสดงผลสี ประสิทธิภาพการส่องสว่างเป็นตัวชี้วัดความสามารถในโคมไฟของการแปลงพลังงานไฟฟ้าป้อนข้อมูลในวัตต์เข้าออกลักซ์ส่องสว่างในลูและเป็นวัดในลูเมนต่อวัตต์ (LM / w) ฟลักซ์การส่องสว่างของแหล่งกำเนิดแสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในส่วนที่มองเห็นของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าคูณด้วยความไวของสายตาของมนุษย์ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของแสงจากแหล่งที่มา ส่วนที่มองเห็นของสเปกตรัมครอบคลุมช่วงความยาวคลื่นประมาณ 380 นาโนเมตร 780 นาโนเมตร (รูปที่ 1) ชีวิตของโคมไฟเป็นจำนวนชั่วโมงที่ใช้สำหรับประมาณ 50% ของคนกลุ่มใหญ่ของโคมไฟชนิดเดียวกันที่จะล้มเหลว ความล้มเหลวหมายความว่าหลอดไฟจะไม่มีแสงหรือว่าแสงออกได้ลดลงถึงค่าเปอร์เซ็นต์ที่เฉพาะเจาะจง ค่าเสื่อมราคา Lumen ในช่วงชีวิตเป็นลักษณะของโคมไฟทั้งหมด นี่คือกระบวนการของริ้วรอยโคมไฟ, การพิจารณาที่สำคัญในการออกแบบแสง ในที่สุดก็มีเป็นเรื่องของการแสดงผลสี ประเภทหลอดไฟไม่ให้เหมือนกันเล็กน้อย "สีขาว." ความแตกต่างของพวกเขาในการกระจายสเปกตรัมสามารถผลิตสองลักษณะภายในพื้นที่สว่าง บางส่วนของสีของวัตถุที่อยู่ในพื้นที่ที่จะปรากฏเป็นธรรมชาติหรือจางหายไป - สีแดงจะปรากฏสีน้ำตาล, สีม่วงเกือบดำ ฯลฯ ประการที่สองพื้นที่ทั้งหมดอาจ "รู้สึก" อุ่นหรือเย็น ยกตัวอย่างเช่นโคมไฟปรอทขาดสีแดงและส้มทำให้พื้นที่ดูเหมือนเย็นในขณะที่หลอดไฟที่มีข้อบกพร่องในสีฟ้าและสีม่วงทำให้พื้นที่รู้สึกอบอุ่น